เขาเห็นหยวนชิงหลิงกลับไปด้านหลังจวนแล้ว จึงคว้าดึงทังหยางแล้วก็เดินมุ่งหน้าไปที่หน้าประตู พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ใต้เท้าทัง ไม่ได้เกิดเรื่องกับเจ้าหก เกิดเรื่องกับเจ้าห้า เจ้าต้องตามไปด้วย ระหว่างทางจะตั้งปิดบังพี่สะใภ้ห้าให้ดี ห้ามปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับนางระหว่างทางเด็ดขาด”
ทังหยางได้ยินเช่นนี้ ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ พร้อมพูดขึ้นด้วยริมฝีปากสั่นเทาว่า “อะไรน่ะ?”
“อย่าแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา พี่สะใภ้ห้าฉลาดมาก หากถูกนางจับได้จะแย่ เจ้าต้องเข้มแข็ง ทุกอย่างต้องอาศัยเจ้าแล้ว รีบไปจัดการ” อ๋องฉีรีบพูดขึ้น
ทังหยางหันหน้าไป กัดฟันแน่น สายตาเผยความมุ่งมั่นออกมา แล้วก้าวเท้ายาวเดินออกไปข้างนอก
อะซี่ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับอ๋องหวย ก็มาปลอบหรงเยว่ หรงเยว่นั่งบนเก้าอี้ ฝ่ามือเย็นเฉียบ อะไรไม่ออกสักคำ นางกลัวว่าตนเองไม่ทันระวังแล้วพูดกับอะซี่
นางพูดกับอะซี่ว่า “เอาไปช่วยเก็บของหน่อย ข้า....ข้านั่งสงบจิตสงบใจอยู่ที่นี่แปบหนึ่ง”
อะซี่พยักหัว รู้ว่าตอนนี้ใครปลอบก็ไม่มีประโยชน์ จะรีบกลับไปช่วยหยวนชิงหลิงเก็บของ
หยวนชิงหลิงอยู่ในห้องของเจ้าแฝดสอง วัดไข้ให้กับเจ้าแฝดสอง ฉี่หลอกับลู่หยาได้ช่วยเก็บของแล้ว นางหันไปเห็นอะซี่เข้ามา จึงพูดขึ้นว่า “ข้าออกเดินทางครั้งนี้ น่าจะประมาณครึ่งเดือน ใต้เท้าทังจะต้องไปกับข้า งานในจวน ต้องยกให้เจ้ากับแม่นมดูแล”
“พี่หยวนวางใจเถอะ จะดูแลให้เป็นอย่างดี” ในขณะที่อะซี่ช่วยเก็บของ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอย่างโศกเศร้าว่า “เห็นพระชายาหวยเป็นเช่นนี้ ในใจของข้าทรมานจริงๆ ฝ่ามือของนางเย็นเฉียบอย่างมาก คงจะตกใจไม่น้อย และคงเป็นห่วงเป็นกังวลอย่างที่สุด”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ แต่เรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เดิมร่างกายของเจ้าหกก็ไม่แข็งแรง หากเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ด้วยนิสัยของหรงเยว่....เฮ้อ เป็นใครล้วนต่างก็รับไม่ได้”
อะซี่อดไม่ได้ที่จะตาแดงขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องกับสวีอี ข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอด หวังเพียงว่าครั้งนี้เขา.... พวกเขาล้วนปลอดภัย”
หยวนชิงหลิงหยิบปรอทวัดไข้ออกมาดู ไม่มีไข้แล้ว จึงพูดกับซาลาเปาว่า “แม่ต้องออกเดินทางไกล เจ้าอยู่บ้านต้องเชื่อฟัง ห้ามรังแกน้องชาย”
ซาลาเปาเอามือไขว้หลัง พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังว่า “แม่วางใจเถอะ ข้าจะรังแกน้องชายได้อย่างไร? หากพวกเขาไม่เชื่อฟัง ข้าก็แค่สั่งสอนพวกเขา”
หยวนชิงหลิงมองดูท่าทีเช่นนี้ของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ตั้งแต่หลังจากเข้าวังไปติดตามโสวฝู่ มักจะชอบเอามือไขว้หลังเช่นนี้ เรียนแบบท่าทีของโสวฝู่ เหมือนคนแก่ตัวน้อยจริงๆ
ครั้งนี้อ๋องฉีกับกู้ซือก็ตามไปด้วย จะต้องปกป้องพระชายารัชทายาทเดินทางไปเจอองค์ชายรัชทายาทได้อย่างปลอดภัย พวกเขาเก็บของเสร็จเรียบร้อยแต่แรกแล้ว รอออกเดินทางเพียงอย่างเดียว
แต่ก่อนที่กำลังจะออกเดินทาง ท้องฟ้ากลับมืดครึ้ม เมื่อกี้ท้องฟ้ายังสดใส ทำไมถึงกลายเปลี่ยนเป็นเหมือนฝนกำลังจะตก? ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆดำ ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าผ่าฟ้าแลบ สายไฟแลบตรงขอบฟ้า ตอนเริ่มแรกเป็นเหมือนดั่งต้นไม้ไฟ แล้วค่อยๆแบ่งแยกออก เมฆดำก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว แสงแดดถูกบดบังจนหมดสิ้น
ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะร้อนใจ ทำไมฝนจะต้องตกตอนที่จะออกเดินทางอยู่แล้ว? ทำให้การเดินทางล่าช้า
เสียงฟ้าร้องดังอยู่บนหัวตลอด สายฟ้ายิ่งอยู่ก็ยิ่งดุร้าย ยิ่งอยู่ก็ยิ่งโหดเหี้ยม ราวกับจะแยกขอบฟ้า พื้นดินสว่างเป็นบางครั้ง มืดเป็นบางครั้ง และเป็นเช่นนี้อยู่ค่อนข้างนาน ทำให้รู้สึกวิตกกังวล
ทุกคนต่างอยู่ในห้องโถงจวนอ๋องฉู่ อ๋องฉีพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “จะตกก็รีบตก ตกแล้วก็ไม่ต้องขีดขวางการเดินทางของพวกเรา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...