บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1298

หยู่เหวินเห้ามองดูผมหงอกที่จอนด้านข้างของเสด็จพ่อ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเศร้า ถึงแม้เขาจะไม่ได้ออกไปรบด้วยตนเอง แต่ความกดดันที่ต้องเผชิญกับการต่อสู้ในครั้งนี้ ไม่น้อยไปกว่าพวกเขาที่อยู่แนวหน้า กระทั่งอาจจะหนักยิ่งกว่า

เพียงเดือนกว่าสั้นๆ จอนด้านข้างของเขามีผมหงอกจำนวนมาก ดูเหมือนว่าเขาจะแก่กว่าเมื่อก่อนสามหรือสี่ปี

หลังจากทั้งสองพ่อลูกนั่งลงแล้ว ถามไถ่การรบที่แนวหน้า รู้ถึงความตื่นเต้นอย่างน่าใจหายของการต่อสู้ในครั้งนี้ ฮ่องเต้หมิงหยวนยิ่งดูจริงจังขึ้น

แล้วเขาก็ถามอาการบาดเจ็บของเจ้าห้า กระทั่งให้เขาถอดเสื้อเพื่อดูบาดแผล

เดิมหยู่เหวินเห้าไม่ยินยอม แต่เห็นเสด็จพ่อจะต้องดูให้ได้ จึงจำต้องถอดเสื้อออก เผยให้เห็นบาดแผลทั้งเก่าทั้งใหม่บนร่างกาย ในใจฮ่องเต้หมิงหยวนซับซ้อนทรมานอย่างไม่อาจบรรยาย บาดแผลพวกนี้ ส่วนใหญ่ได้มาจากในสนามรบ แต่ก็มีบาดแผลที่ได้มาจากการถูกลอบฆ่า ที่น่ากลัวที่สุดคือแผลใหม่ที่หน้าอก เพราะบาดแผลยังไม่หายดี และมีรอยเย็บคล้ายตะขาบ แน่นอนว่า แผลเป็นก่อนหน้านี้ก็มีรอยเย็บแบบนี้หลายจุด แต่เวลาผ่านไปนาน ก็ดูไม่ได้กลัวขนาดนี้แล้ว

ยังจำปีที่ไท่ซ่างหวงป่วยหนัก เขาถูกลอบฆ่า ตอนนั้นคนร้ายสารภาพว่า เขาจ้างนักฆ่าเอง ตั้งใจแสดงละครเพื่อต้องการใส่ร้ายเจ้าใหญ่ ตอนนั้นเขายังเชื่ออย่างไม่สงสัย ตอนนี้หวนคิดถึงแล้ว ทั้งเสียใจทั้งโกรธเกลียด ลูกชายของเขาเอง นิสัยเป็นอย่างไรตั้งแต่เด็ก เขาที่เป็นพ่อรู้ดีอย่างที่สุดถึงจะถูก เขาจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?

ผ่านการศึกในครั้งนี้ ในใจฮ่องเต้หมิงหยวน ยอมรับในความสามารถของเจ้าห้าเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง

เขาสั่งคนเตรียมอาหาร แล้วจะทานพร้อมกับองค์ชายรัชทายาท

หยู่เหวินเห้ารู้ว่าเสด็จพ่อไม่ค่อยร่วมรับประทานอาหารร่วมกับใคร นี่เท่ากับเป็นการแสดงถึงความเชื่อใจ เขาไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนกดีใจ เพียงแค่รู้สึกว่าเสด็จพ่อไม่ค่อยเหมือนเดิม

แต่แบบนี้ก็ดี ระหว่างพ่อลูก นับแต่นี้ต่อไปคงไม่มีอะไรสงสัยต่อกันเอง

ตอนที่ทานอาหารด้วยกัน ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ได้ให้คนในตำหนักคอยปรนนิบัติ ทั้งสองพ่อลูกทานข้าวไปด้วย คุยกันไปด้วย หลังจากถามเรื่องการสู้รบแล้ว เขาก็ไม่ถามอีก ความจริง สถานการณ์แนวหน้าโดยประมาณเขาล้วนรู้หมดแล้ว ที่ถามก็คือรายละเอียด ตอนนี้รายละเอียดก็รู้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องถามอีก มักรู้สึกว่าทุกคำพูดที่เขาพูดออกมา ล้วนทำให้รู้สึกใจหายใจคว่ำ

จึงเปลี่ยนเป็นพูดถึงหยวนชิงหลิง ถึงแม้จะรู้ว่าฝีมือทางการแพทย์ของนางดีเยี่ยม แต่ก็ยังพูดชื่นชมหลายประโยค ถึงขั้นพูดออกมาเป็นสำนวนว่า “ในบ้านมีภรรยาที่ประเสริฐ ผู้ชายไม่ต้องทนทุกข์ ต่อให้เรื่องทุกข์ ก็ยังมีคนอยู่เคียงข้าง ข้าพอใจลูกสะใภ้คนนี้มาก”

หยู่เหวินเห้าชอบฟังคนอื่นพูดชมเจ้าหยวนที่สุด โดยเฉพาะเสด็จพ่อ เขามักจะดูเหมือนเกเร แต่ที่จริงเขาสนใจสิ่งที่เสด็จพ่อคิดกับเขามาก

แต่ด้วยนิสัยของตน ยังคงอดไม่ได้ที่จะพูดเล่นกับเสด็จพ่อว่า “ที่พอใจ เพราะนางคลอดหลานน่ารักให้ห้าคนหรือเปล่า?”

ฮ่องเต้หมิงหยวนโบกมือ และก็ไม่โกรธ หัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเห็นว่า หลังจากที่นางแต่งงานกับเจ้า ทำให้ความสัมพันธ์ในราชวงศ์สามัคคีกัน ตลอดราชวงศ์ เจ้าเคยเห็นสะใภ้ลูกพี่ลูกศิษย์ในราชวงศ์เข้ากันได้ดีขนาดนี้ไหม? นางถึงขึ้นสามารถทำให้ฮูหยินเหยากลายเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ น่าชื่นชมจริงๆ คุณค่าของนาง ไม่ใช่เพียงแค่มีหลานให้ข้าเท่านั้น”

สายตาหยู่เหวินเห้าแวววาว ยิ่งฟังยิ่งชอบ เสด็จพ่อพูดเก่งจริงๆ พูดเป็นก็พูดเยอะหน่อยสิ เขาฟังจนหัวใจเบิกบานเหมือนดั่งดอกไม้แล้ว

ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง คำชื่นชมที่ดีที่สุดก็คือ “รอต่อไปเมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์? นางจะเป็นฮองเฮาที่ดีที่สุด”

หยู่เหวินเห้ายิ้มจนหุบปากไม่ลง พร้อมพูดขึ้นว่า “แน่นอน แน่นอน”

เขาคิดขึ้นมาได้ในทันใด จึงถอนหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า “น่าเสียดาย ตอนนั้นที่แต่งงานกับนาง ข้าไม่ยินยอมอย่างยิ่ง ในวันแต่งงานก็ดูถูกนางอย่างที่สุด เสียใจจริงๆ ตอนนี้หวนคิดดูแล้ว น่าสงสารนางจริงๆ”

เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ใส่ใจคำพูดของเขา พูดเพียงว่าต่อไปให้เขาดีกับหยวนชิงหลิงให้มากๆ เงียบสักพัก เขาก็พูดขึ้นอีกว่า “เรื่องงานแต่งงาน ไม่จำเป็นต้องเสียใจหรือเสียดาย รอต่อไปเมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์์ จะมีพิธีแต่งตั้งฮองเฮา เจ้าสามารถจัดพิธีแต่งตั้งฮองเฮาให้ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่กว่างานแต่งงานเดิมของเจ้า ก็ถือเป็นการชดเชยความเสียใจในครั้งนี้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน