ในสมองของเขาวกวนไปมาหลายรอบ ฉับพลันนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าไท่ซ่างหวงพูดกับเขามากขนาดนี้ คือมีแผนการอยู่แล้วหรือไม่?
อดไม่ได้ที่จะลองถามหยั่งเชิง “เสด็จพ่อ ท่านคิดว่าจะทำอย่างไรให้เหมาะสมที่สุดพ่ะย่ะค่ะ?”
ไท่ซ่างหวงวางกล้องยาสูบลง มองดูเขา “เมื่อวานข้าก็มีความคิดเห็นแล้ว หัวเมืองทั้งห้า พระราชทานแต่งตั้งให้บุตรชายไม่กี่คนของรัชทายาท นอกจากพระราชนัดดาองค์ใหญ่แล้ว แม้แต่ลูกในท้องก็ล้วนมีส่วน ส่งเจ้าพระยาฮู่และเจ้าสามเข้าไปประจำการก่อน เพื่อขัดขวางการดำเนินการของกันและกัน ฉุดดึงกันและกัน ระวังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นใหญ่เพียงผู้เดียว เจ้าสี่ยังคงประจำการอยู่ที่จวนเจียงเป่ย เป็นดวงตาของราชสำนัก จับตามองหัวเมืองทั้งห้าแห่งนี้ คอยปกป้องอาณาเขตชายแดนของเราอีกขึ้น กระทำเช่นนี้เหมาะสมที่สุด”
ฮ่องเต้หมิงหยวนตะลึงงันเล็กน้อย “เสด็จพ่อ เช่นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะสม มีหลักการที่ไหนที่องค์ชายยังไม่เคยได้พระราชทานแต่งตั้งก็แต่งพระราชทานแต่งตั้งให้พระราชนัดดาก่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ? อีกทั้งตามที่พระองค์พูดเช่นนี้ หัวเมืองทั้งห้าแห่งนี้พระราชทานแต่งตั้งให้เจ้าสิบ ก็พูดให้เข้าใจได้ อย่างไรเสีย ส่งเจ้าสามเข้าไป ก็สามารถควบคุมเจ้าพระยาฮู่ได้ เจ้าพระยาฮู่ก็จะไม่เกิดความคิดจิตใจอวดดีหยิ่งผยองขึ้นมาได้ มีปัญหาอะไรพ่ะย่ะค่ะ?”
ไท่ซ่างหวงปฏิเสธทันควัน “ความแตกต่างนี้ เมื่อครู่ข้าได้เคยพูดไปแล้ว หากพระราชทานแต่งตั้งให้องค์ชายสิบ เช่นนั้นเจ้าพระยาฮู่ก็จะยึดตนเองเป็นแกนหลัก ไม่เห็นเจ้าสามอยู่ในสายตา แต่เห็นเป็นดั่งขุนนาง จะไม่บังเกิดความทะเยอทะยานขึ้นมาได้ง่ายๆได้อย่างไร ประการที่สอง สิบห้าปีหลังจากนั้น เด็กๆเติบโตขึ้นมุ่งตรงไปสถานที่พระราชทาน พวกเขาแต่ละคนครอบครองหัวเมืองหนึ่งเมือง พี่น้องท้องเดียวกันช่วยกันเฝ้าระวังเป็นหูเป็นตา ประสบปัญหาสามารถหารือกันได้ สามารถร่วมแรงร่วมใจกัน สร้างประตูประเทศที่แข็งแกร่งที่ไม่สามารถทำลายได้บานหนึ่งเพื่อเป่ยถังของเรา พละกำลังของทั้งห้าคนรวมกันขึ้นมา มากกว่าห้า ดีกว่าที่เจ้าเอาหัวเมืองทั้งห้า แต่งตั้งพระราชทานให้คนผู้เดียว”
คำพูดครั้งนี้ของไท่ซ่างหวง ฮ่องเต้หมิงหยวนฟังจบ ในใจก็จำนนนับถือ การไตร่ตรองเช่นนี้ ลึกซึ้งยาวไกลยิ่งกว่าแผนการทั้งหมดของเขาจริงๆ
แต่ว่า ปัญหาอยู่ที่ เขาได้มีพระราชโองการพระราชทานให้องค์ชายสิบแล้ว ฮ่องเต้เปลี่ยนคำพูดได้อย่างไร? เช่นนี้เป็นการทำลายความน่าเกรงขามของกษัตริย์จริงๆ
พิจารณาอย่างรอบคอบรอบหนึ่ง อันที่จริงคำพูดของไท่ซ่างหวงสามารถโค่นล้มได้ แม้ว่าอนาคตเจ้าสิบจะไม่ไปสถานที่พระราชทาน ทหารที่แข็งแกร่งเฝ้าประจำการอยู่ตลอด เฝ้าประจำการไม่กี่สิบปี เช่นนั้นประชาชนในหัวเมืองทั้งห้า ไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องยอมจำนนต่อเป่ยถัง อีกทั้งการเสนอให้ราษฎรอพยพไปแต่งงานกับคนในท้องถิ่นของไท่ซ่างหวง สืบเชื้อสาย นี่ก็เป็นวิธีที่ดี ดังนั้น หากพูดกันตามตรง แต่งตั้งพระราชทานให้ใครก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
เขาก็ออกพระราชโองการไปแล้ว ไท่ซ่างหวงพูดมากมายเพียงนี้ พูดถึงสุดท้ายแล้วก็ยังไม่ยอมแต่งตั้งพระราชทานหัวเมืองให้เจ้าสิบ เป็นเขาที่ลำเอียงไปทางลูกๆไม่กี่คนนั้นของเจ้าห้า
ในใจของเขาก็รู้สึกว่าไม่คู่ควรแทนเจ้าสิบเล็กน้อย แม้จะรู้ว่าไม่ควรพูดเช่นนี้ แต่ก็พูดอย่างอดไม่ได้ว่า “เสด็จพ่อ เจ้าสิบก็เป็นหลานของท่านนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท!” โสวฝู่ฉู่เงยหน้า ใช้สายตาบอกใบ้แก่เขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...