สุดท้ายฮ่องเต้หมิงหยวนเดินออกมาจากตำหนักฉางเหมิน แล้วก็ได้ยินเสียงบานประตูเก่าของตำหนักถูกล็อก เสียงดังพึม เหมือนดั่งความรักใคร่ที่มีมาเนิ่นนาน นับแต่นี้ไปจะถูกทิ้งอยู่ในตอนนั้นอย่างโดดเดี่ยว
เขาพูดกับมู่หรูกงกงว่า “ข้าสูญเสียหวงกุ้ยเฟยแล้ว”
น้ำเสียงเงียบเหงา เต็มไปด้วยความเวิ้งว้าง
“ฮ่องเต้ยังมีฮู่เฟย ยังมีสนมในวังหลังมากมาย” คำพูดปลอบของมู่หรูกงกง เป็นครั้งแรกที่เต็มไปด้วยความเสียดสี
“ไม่เหมือนกัน” เขาพูดขึ้น ก้มหัวเดินบนถนนลูกรังอย่างเชื่องช้า ฝีเท้าล่องลอย ในใจเวิ้งว้าง เจ็บปวดอย่างที่สุด
มู่หรูกงกงเดินตามเขาออกมา พร้อมคิดในใจว่าไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ทั่วทั้งในวังหลัง มีเพียงอุปนิสัยของหวงกุ้ยเฟยโปร่งใสที่สุด รู้จักเห็นอกเห็นใจ และก็มีหลักการมาก
หวงกุ้ยเฟยขังตัวเองอยู่ไว้ในตำหนักฉางเหมิน อำนาจปกครองวังหลังผ่านการครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนของฮ่องเต้หมิงหยวน สุดท้ายก็เลือกจิ้งเฟยแม่ของอ๋องซุน และเลื่อนตำแหน่งให้เป็นจิ้งกุ้ยเฟย
จิ้งกุ้ยเฟยค่อนข้างสันโดษ มีส่วนร่วมกับเรื่องต่างๆในวังค่อนข้างน้อย ตอนนี้จู่ๆอำนาจในการปกครองวังหลังตกอยู่ในมือของนาง นางกลับไม่ดีใจ
เพราะข้างบนตำแหน่งของนาง ยังมีฮองเฮาฉู่กับตี๋กุ้ยเฟย และยังมีฮู่เฟยสนมผู้เป็นที่โปรดปราน
แต่มีพระราชโองการมาแล้ว นางก็ทำได้เพียงทำตาม หลังจากมารับมอบงานจากหวงกุ้ยเฟยที่ตำหนักฉางเหมินแล้ว จิ้งกุ้ยเฟยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมพูดขึ้นอย่างหดหู่ว่า “ไม่เคยขอเกียรติยศมากว่าครึ่งชีวิต ไม่คิดว่าเกียรติยศจะตกลงมาจากฟ้า คาดไม่ถึงรับมือไม่ทันจริงๆ และก็หวาดกลัว กลัวว่าจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องต่างๆ แล้วส่งผลร้ายต่อลูกทั้งสอง”
หวงกุ้ยเฟยพูดขึ้นว่า “พี่ท่านไม่ต้องเป็นกังวล ขอเพียงทำทุกอย่างเรียบร้อยดีก็พอ มีเรื่องอะไรก็มาหาข้าได้ หรือว่าไปหาพระชายารัชทายาท ถึงแม้นางไม่สามารถยุ่งเรื่องในวังหลัง แต่สามารถให้คำชี้แนะได้”
จิ้งกุ้ยเฟยยิ้มอย่างขมขื่น พร้อมพูดขึ้นว่า “คงต้องเป็นเช่นนี้แล้วแหละ น้องรักษาดูแลครรภ์ให้ดี อย่าเอาเรื่องพวกนี้มาคิดให้เสียสุขภาพ”
“พี่ท่านวางใจ น้องอยู่ที่นี่สบายดี” หวงกุ้ยเฟยพูดขึ้น
จิ้งกุ้ยเฟยมองดูนาง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “ตอนนั้นก่อนที่ฮู่เฟยจะเข้าวัง ฮ่องเต้ให้ความสำคัญน้องอย่างมาก ตอนที่มีงานราชการยุ่งที่สุด ก็ไม่ลืมที่จะไปนั่งที่ตำหนักน้อง ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้น้องจะถูกส่งมาอยู่ในตำหนักฉางเหมิน ยังตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นนี้ ในใจพี่รู้สึกเสียใจจริงๆ ตอนนี้ถึงแม้จะมีอำนาจปกครองวังหลัง แต่ก็ไร้จุดหมาย ทางด้านฮู่เฟย ยังไงก็ไม่กล้าไปยุ่ง”
หวงกุ้ยเฟยส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ทางด้านฮู่เฟย เจ้าควรดูแลก็ต้องดูแล นางไม่ได้เป็นที่โปรดปรานจนหยิ่ง กลับกัน นางเข้าใจเรื่องทุกอย่างมากกว่าคนมากมาย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถคุยกับนางได้ แต่อย่าไว้ใจจนเกินไป ใช่ว่านางเป็นคนไม่ดี แต่เพราะนางอายุน้อย บางครั้งอาจจะเก็บความลับไว้ไม่ได้ ไม่ว่ายังไงทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดก็พอ”
จิ้งกุ้ยเฟยได้ยินนางพูดเช่นนี้ ในใจค่อยโล่งอก ที่จริงนางกลัวที่สุดก็คือทางด้านฮู่เฟย หากจัดการได้ไม่ดี ฮ่องเต้จะตำหนินาง หากฮู่เฟยไม่ได้เป็นที่โปรดปรานจนหยิ่ง งั้นก็ดี
เรื่องภายในวัง จบสิ้นสุดลงเช่นนี้แล้ว
หลังจากอ๋องชินเฟิงอันสองสามีภรรยาถอนกำลังแล้ว อยู่ต่ออีกสองวัน แล้วก็ไปจากพระราชวัง
พวกเขาไปแล้ว หยวนชิงหลิงก็ไม่สามารถปิดบังเรื่องที่โสวฝู่ตาบอดไว้ได้ จึงบอกกับทุกคน
แม่นมสี่มองออกแต่แรกแล้ว แต่พระชายารัชทายาทไม่พูด นางก็ไม่พูด เวลาผ่านไปหลายวัง นางสามารถทำใจรับได้แล้ว หากรักษาไม่หาย นางก็จะเป็นตาให้เขา พาเขาไปดูโลกกว้าง
ไม่มีอะไรน่ายินดีไปกว่า การที่เขายังมีชีวิตอยู่
ไท่ซ่างหวงกับเซียวเหยากงก็ไม่พูดอะไรอยู่เนิ่นนาน กลับเป็นโสวฝู่ฉู่พูดขึ้นว่า “พวกเราอายุมากแล้ว ใช้ใจมองโลกใบนี้ ไม่ใช่สายตา ไม่มีดวงตาแล้วจะเป็นไรไปล่ะ? ในใจสว่างก็พอแล้ว”
“ข้าเข้าใจ” ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้ว่าโสวฝู่พูดจากใจจริง จึงตอบรับฟังไว้
หยู่เหวินเห้ากับกู้ซือรออยู่นอกวัง นำกองกำลังรักษาพระองค์ส่งไท่ซ่างหวงทั้งสามคนไปยังพระที่นั่ง ครั้งนี้ไม่ใช่ไปพักชั่วคราว แต่เป็นการย้ายไปอยู่ในพระที่นั่ง ดังนั้นสิ่งของที่ขนไปด้วยมีเยอะมาก ขบวนรถม้ายาวมาก เป็นที่สนใจของประชาชนอย่างมาก
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ส่งหมอหลวงคนหนึ่งกับหมอติดตามอีกสองไปด้วย หมอหลวงคนนี้แซ่หวู่ เป็นหมอหลวงแก่แล้ว ต่อไปก็อยู่ประจำในพระที่นั่งกับไท่ซ่างหวง ไม่ต้องกลับมาที่โรงหมอหลวงอีก
หยวนชิงหลิงกับแม่นมสี่ก็อยู่บนรถม้าร่วมเดินทางไปด้วย หลังจากไปถึงแล้ว นางจัดยาให้ พูดเน้นย้ำว่าทานวันละสามครั้ง ท่านย่าหยวนก็ให้ใบสั่งยาไว้ ให้หมอหลวงพิจารณายาต้ม ทานไประยะหนึ่งก่อน คอยดูสถานการณ์ไปก่อน จากนั้นค่อยวางแผนรักษาต่อไป
โสวฝู่ลาออกไปแล้ว ทำให้ในราชสำนักต้องเลือกโสวฝู่คนใหม่
หลังจากหยู่เหวินเห้าครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว ก็พูดเสนอเหลิ่งจิ้งเหยียนอย่างกล้าหาญ
เสนอเหลิ่งจิ้งเหยียน เขาไม่เคยปรึกษาฮ่องเต้หมิงหยวนมาก่อน พูดเสนอในที่ว่าราชการโดยตรง
เหลิ่งจิ้งเหยียนเป็นหัวหน้าของกั๋วจื่อเจียน ไม่เคยทำงานอยู่ในเน่ย์เก๋อ ห้ามข้ามไปเป็นโสวฝู่ ในใจผู้คนมากมายคงเห็นว่าไม่เหมาะสม
แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนสนับสนุนคนที่หยู่เหวินเห้าแนะนำ ตรงข้ามกับคนมากมาย ให้เหลิ่งจิ้งเหยียนกลายเป็นโสวฝู่คนใหม่ ฮ่องเต้หมิงหยวนให้คำอธิบายอย่างง่ายว่า ถึงแม้เหลิ่งจิ้งเหยียนเป็นหัวหน้าของกั๋วจื่อเจียน แต่หลายปีมานี้คอยช่วยงานอยู่ข้างกายมาตลอด ช่วยเหลือเน่ย์เก๋อจัดการไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เขาเหมาะสมกว่าใครทั้งหมด
คนที่ฮ่องเต้กับองค์ชายรัชทายาทต่างสนับสนุน เหล่าขุนนางก็ไม่คัดค้าน ราชสำนักแต่งตั้งเหลิ่งจิ้งเหยียนให้เป็นโสวฝู่ของเป่ยถังอย่างเป็นทางการ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...