บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1360

น้ำร้อนถูกยกเข้าไป หลังจากเช็ดสะอาดแล้ว ขอทำความสะอาดห้องคลอด เมื่อทำความสะอาดหมดแล้ว ในที่สุดสวีอีก็ถูกเชิญเข้าไป

เขาเหมือนดั่งเหยียบอยู่บนหมอกเมฆ เดินโซเซและก็ไม่ทันได้สนใจลูก เดินไปกอดอะซี่ไว้ น้ำตาร่วงไหลลงบนใบหน้าเหนื่อยล้าของอะซี่ สะอึกสะอื้นพูดไม่เป็นคำ เรียกเพียงชื่ออะซี่ แล้วก็ร้องไห้ตลอด

อะซี่พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ นางเหนื่อยล้าแทบขาดใจ หลังจากได้ยินเสียงร้องไห้ของลูก ค่อยมีแรงกลับมาบ้าง ภายในห้องมีเสียงคนพูดคุยกันวุ่นวาย แต่ไม่มีใครอุ้มลูกมาให้นางดู นางคลอดออกมาเป็นลูกหมูหรือลูกลิงก็ไม่รู้

ตอนนี้สวีอีเข้ามา กอดนางแล้วก็ร้องไห้ ในใจของนางจึงอ่อนโยนขึ้นมา หยวนชิงหลิงก็เข้ามาแล้ว ยิ้มมองดูนางพร้อมพูดขึ้นว่า “อะซี่ รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”

อะซี่น้ำตานอง หัวเราะพร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงแหบว่า “คลอดออกมาเป็นยังไงข้ายังไม่รู้ แต่ข้าคิดว่าสวีอีกลายเป็นลูกชายข้าแล้ว”

สวีอีรีบยืดตัวตรงขึ้นมา เช็ดน้ำตาแล้วจ้องมองดูนางพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ ไม่ ข้ามีความรับผิดชอบ ข้าจะปกป้องพวกเจ้ากับลูก....” เขาค่อยคิดขึ้นมาได้ว่า คลอดออกมาเป็นลูกชายหรือลูกสาวกันแน่?

เมื่อหันกลับไปดู ลูกถูกห่อเรียบร้อยแล้ว หยวนหย่งอี้กำลังอุ้มมา นางยิ้มหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “สวีอี อะซี่ คลอดลูกสาวให้กับเจ้า”

สวีอีมองดูแวบหนึ่ง นี่เป็นสิ่งที่อะซี่คลอดออกมาอย่างทุกข์ยากลำบาก ไม่ว่าตอนนี้ในใจของเขาจะเป็นห่วงอะซี่ขนาดไหน แต่ก็ต้องมองดูแวบหนึ่ง ใบหน้าเล็กน้อยที่เหี่ยวย่น มีจุดสีเหลืองซีดที่จมูก เด็กผู้หญิงที่ขี้เหร่ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าทำไมองค์ชายรัชทายาทถึงอยากได้นักหนา

ตอนที่อะซี่ตั้งครรภ์ เพราะองค์ชายรัชทายาทชอบเด็กผู้หญิง ทำให้เขาก็รู้สึกอยากได้ลูกผู้หญิง ดังนั้นเมื่อตอนนี้ได้สมดั่งปรารถนา เขาก็ดีใจ แต่ก็ยิ่งเป็นทุกข์มากกว่า ดังนั้นจึงดูลูกสาวเพียงแวบเดียว แล้วก็ยังคงหันกลับมาร้องไห้อีกครั้ง

หยวนชิงหลิงมองดูเด็กน้อย พร้อมยิ้มพูดขึ้นว่า “สวยมาก ต่อไปเมื่อเติบโต จะต้องสวยเหมือนอย่างอะซี่แน่”

เด็กน้อยถูกวางอยู่ข้างกายของอะซี่ เด็กคนนี้อะซี่ใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อคลอดออกมา ความรู้สึกของคนเป็นแม่กับคนเป็นพ่อไม่เหมือนกัน มองเพียงแวบเดียว ก็รู้สึกว่าไม่มีเด็กคนไหนในโลกสวยกว่าลูกสาวของนางอีกแล้ว

อะซี่ยื่นนิ้วมือออกมา แตะใบหน้าเด็กน้อยเบาๆ เด็กน้อยไม่ร้องไห้แล้ว หลับตาเหมือนกำลังหลับอยู่ เงียบสงบเหมือนดั่งแมวน้อย

อะซี่มองดูสวีอี พร้อมพูดขึ้นทั้งน้ำตาว่า “ลูกสาวของเรา ชอบไหม?”

สวีอีมองดูอีกครั้ง คิดว่าควรที่จะแสดงออกว่าชอบมาก จึงถามขึ้นว่า “ข้าอุ้มได้ไหม?”

“ได้สิ แต่เด็กยังเล็กมาก เจ้าต้องเบามือหน่อย” หยวนหย่งอี้พูดขึ้น

สวีอียื่นมือออกมา ค่อนข้างเงอะงะไม่รู้จะเริ่มยังไง ได้ความช่วยเหลือจากหยวนหย่งอี้ ในที่สุดก็สามารถอุ้มลูกได้สำเร็จ ความรู้สึกแรกของสวีอีก็คือรู้สึกว่าลูกตัวเบามาก อยู่ในมือที่เขาอุ้มไว้ เหมือนไม่มีน้ำหนักเลย ในใจของเขากลับเกิดความรู้สึกอย่างแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง เหมือนโดนอะไรมาตีโดนกะทันหัน ความอ่อนโยนนั้น เหมือนดั่งชีวิตของแมว แม้แต่ลมหายใจก็แทบไม่ค่อยได้ยิน กลับกระทบเข้าไปในใจของเขาอย่างหนัก ความรู้สึกในฐานะที่เป็นพ่อ ฟื้นตื่นขึ้นมาทีละนิด หัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น คอเริ่มตึงเล็กน้อย น้ำตาเอ่อ เงยหน้ามองดูอะซี่ พร้อมพูดขึ้นว่า “อะซี่ พระชายารัชทายาทพูดถูก นางสวยมาก”

อะซี่หัวเราะอย่างอ่อนโยนพร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ นางสวยมาก”

ทุกคนต่างออกไปเงียบๆ ปล่อยให้พวกเขาทั้งสามคนได้อยู่ด้วยกัน เมื่อประตูถูกปิดลง ก็ได้ยินสวีอีถามอะซี่ว่า “ใช่ นางมีชื่อเรียกว่าอะไร?”

“ชื่อของนาง เจ้าเป็นคนตั้ง ดีไหม?”

“ข้า?” สวีอีรู้สึกว่างานนี้ยากกว่าการไปสนามรบเสียอีก

ใครว่าเขาจะไม่เคยช่วยตั้งชื่อให้ใครมาก่อน อย่างน้อย ชื่อของพวกเด็กๆ เขาก็เป็นคนตั้ง และเขาก็รู้สึกว่ามีความหมายอย่างมาก เปาจื่อ ทังหยวน ข้าวเหนียว ล้วนต่างสามารถกินได้ อย่างน้อยก็ช่วยให้อิ่มท้อง

ในเมื่อมีหลักการที่แน่นอนแล้ว ก็มุ่งคิดไปทางด้านอาหาร สักพัก ก็พูดชื่อหนึ่งออกมาว่า “เกี๊ยว? ซุปก๋วยเตี๋ยว? เค้กข้าวเหนียว? เค้กลูกกวาด? เค้กงา......”

ด้านนอก หยวนชิงหลิงกับหยวนหย่งอี้อดไม่ไหว หัวเราะออกมาอย่างดัง

ตอนนี้นางรู้สึกว่าชื่อไหลฝูเพราะมาก

ข่าวที่สวีอีได้เป็นพ่อคนแล้ว เป็นที่รู้กันไปทั่วจวน ทุกคนในจวนต่างมาแสดงความยินดี ฮูหยินหยวนเตรียมต้อนรับไว้แต่แรกแล้ว อั่งเปาเป็นกองวางอยู่บนโต๊ะข้างใน ไม่ว่าใครมา ต่างได้อั่งเปากันคนละซอง

พวกเด็กๆกับเจ้าแฝดพาเจ้าสิบมาด้วย และต่างก็ได้อั่งเปา เจ้าสิบถืออั่งเปา แล้วก็ร้องไห้ขึ้นมาในทันใด พร้อมพูดขึ้นว่า “เดิมข้าก็สามารถมีน้องสาวคนหนึ่ง”

เปาจื่อชูหมัดขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยมว่า “หากเจ้ายังแกล้งเป็นบ้าใบ้อีก ดูสิว่าข้าจะต่อยเจ้าไหม”

ข้าวเหนียวก็อดไม่ได้พูดกับเขาว่า “คนอื่นคลอดลูกเป็นเรื่องน่ายินดี เจ้าจะร้องไห้ทำไม? ไม่มีมารยาทเลย กลับไปข้าจะบอกใต้เท้าทัง ให้ใต้เท้าทังต่อยเจ้า”

ตอนนี้ทังหยางรับผิดชอบดูแลสอนเจ้าสิบ เพราะเจ้าสิบฟังสิ่งที่เหลิ่งจิ้งเหยียนสอนไม่เข้าใจ จึงต้องให้ทังหยางรับผิดชอบเริ่มสอนตั้งแต่พื้นฐาน และทังหยางก็เข้มงวดอย่างมาก ไม่สนใจสถานะที่เขาเป็นองค์ชาย หากมีพฤติกรรมไม่ดี ก็จะลงโทษ ทำให้เมื่อเจ้าสิบได้ยินชื่อใต้เท้าทัง ในใจก็จะสั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

เสียงร้องไห้หยุดร้อง ถูกหลานทั้งสามพากลับไปที่เรือนเล็ก กลับไปได้ในจวน

หยู่เหวินเห้าก็รีบกลับมาจากกรมข้าราชการพลเรือนที่ทำการปกครอง เข้ามาก่อนหลังทังหยาง แสดงความยินดี หลังจากเอาอั่งเปาแล้ว หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างอิจฉาว่า “เจ้าสวีอีซื่อบื้อคนนี้ ช่างเป็นคนซื่อที่มีบุญของคนซื่อจริงๆ ทำให้เขาได้ลูกสาวมาจริงๆ”

“พี่องค์ชายรัชทายาท เจ้าก็จะได้สมดั่งปรารถนาแน่” ตอนนี้หยวนหย่งอี้ไม่กลัวเขาแล้ว ยิ้มหัวเราะมาพูดอวยพร

“ขอให้สมพรดั่งที่เจ้าพูด หากเป็นความจริง จะใส่อั่งเปาให้เจ้าหนาๆ ให้ตะเกียบทองคำพี่หญิงเป่าอีกหนึ่งคู่” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างดีใจ

“ว้าว ดี ขอบคุณพี่องค์ชายรัชทายาทล่วงหน้า” หยวนหย่งอี้ก็หัวเราะขึ้นมา ยังไงนี่สำหรับองค์ชายรัชทายาท ถือเป็นให้เยอะมากแล้ว

เรื่องที่สวีอีได้ลูกผู้หญิง นอกจากหยู่เหวินเห้าจะอิจฉาแล้ว ที่จริงยังริษยาด้วย รู้สึกว่าเจ้าสวีอีคนนี้ ไม่ควรที่จะมีบุญขนาดนี้ ทำไมเขาถึงสามารถได้เป็นพ่อตา? ดูจากหน้าตาแล้วควรได้เป็นพ่อปู่

กลับมาตำหนักเซี่ยวเยว่ หยู่เหวินเห้ามองดูท้องของหยวนชิงหลิง พูดบ่นพึมพำอยู่หลายประโยค

หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมด่าว่า “อย่าคิดว่าข้าฟังไม่รู้เรื่องที่เจ้าพูด”

เขาพูดขมขู่ว่าหากคลอดออกมาเป็นลูกชาย ก็จะยกให้คนอื่น

หยู่เหวินเห้ารีบยื่นมือไปกอดนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “พูดเล่น แค่พูดเล่น ไม่ใช่ความจริง”

“เจ้าสาบาน ไม่ว่าจะเป็นลูกผู้หญิงหรือลูกชาย เจ้าก็จะชอบ ก็จะรักทั้งนั้น” หยวนชิงหลิงเลิกคิ้วตาสูง

“ข้าสาบาน” หยู่เหวินเห้าชูมือขึ้นมาจริงๆ พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ไม่ส่าหลังจากที่คลอดออกมาแล้ว เป็นชายหรือหญิง ข้าก็จะชอบ ไม่ลำเอียง”

หยวนชิงหลิงดึงมือของเขามาวางบนท้อง ฟังเสียงลูกดิ้นอย่างชัดเจน เหมือนกำลังชันขาขึ้น หยู่เหวินเห้าค่อนข้างตื่นเต้น พร้อมพูดขึ้นว่า “หรือว่าจะคลอดแล้ว”

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ไม่ไวขนาดนั้น เดิมข้าคิดว่าข้าจะคลอดก่อนอะซี่ เพราะข้าคิดว่าตั้งครรภ์ตอนที่อยู่พระที่นั่ง แต่ตอนนี้นับดูเวลาแล้ว น่าจะไม่ใช่ ดังนั้น หรงเยว่น่าจะคลอดก่อนข้า เพราะนางเป็นฝาแฝด ฝาแฝดคลอดก่อนมีความเป็นไปได้สูงกว่า”

“ไม่รู้ว่าหรงเยว่จะคลอดลูกสาวหรือลูกชาย?” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างครุ่นคิด

หยวนชิงหลิงมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดแผนชั่ว หากคนอื่นคลอดเป็นลูกสาว เจ้าคิดที่จะเอาลูกชายของเราไปแลกใช่ไหม?”

หยู่เหวินเห้าได้สติกลับมา รีบโบกมือพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าจะคิดแบบนี้ได้ยังไง?” น้ำเสียงฟังดูอ่อนเบา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน