สรุปตอน บทที่ 1379 ไฟไหม้ห้องวิจัย – จากเรื่อง บัลลังก์หมอยาเซียน โดย ลิ่วเยว่
ตอน บทที่ 1379 ไฟไหม้ห้องวิจัย ของนิยายนิยาย จีนเรื่องดัง บัลลังก์หมอยาเซียน โดยนักเขียน ลิ่วเยว่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
หยวนชิงหลิงกระตุกยกมุมปาก ที่พอจะนับได้ว่าเป็นรอยยิ้มออกมา "โดนอากาศหนาวแล้วเจ้าค่ะ ท่านย่า รบกวนท่านย่าแค่จ่ายยาแก้หวัดให้ข้าสักหน่อยก็พอ"
“ ฟังชีพจรก่อน!” ย่าหยวนตรวจวัดชีพจรของนาง ฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก็ขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมา
หยู่เหวินเห้ามองจากด้านข้าง ก็เห็นว่าสีหน้าของท่านย่าดูแปลกไปไม่เหมือนเดิม จึงรีบวางทังหยวนลง แล้วถามว่า “ท่านย่า เป็นอย่างไรบ้าง?”
ท่านย่าไม่ได้ปล่อยมือ แค่บอกให้นางเปลี่ยนมืออีกข้างมาฟังต่อ ตอบหยู่เหวินเห้าแบบสบาย ๆ ไปว่า "คงจะเป็นเพราะความเย็นเข้าสู่ร่างกาย นี่อาจต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะรักษาหาย"
“ถ้าอย่างนั้นต้องกินยาสินะ” หยู่เหวินเห้าพูดด้วยความเป็นห่วง
เสียงของท่านย่าแข็งกระด้างขึ้นมาเล็กน้อย “เจ้าไปสั่งให้คนเอาถุงอุ่นมือมาหน่อย เอามาให้นางวางไว้ใต้ผ้าห่มเพื่ออุ่นมือ ตอนนี้มือนางเย็นมาก”
“ได้!” หยู่เหวินเห้ารีบหันหลังกลับ แล้วเดินออกไปทันที
คุณย่าเอามือของนางซุกไว้ใต้ผ้านวม แล้วแตะที่หลอดเลือดแดงคาโรทีดบริเวณคอ แตะไปได้สักพัก ก็เอาเครื่องช่วยฟังเสียงออกมาตรวจฟังการเต้นของหัวใจ เมื่อฟังแล้วก็ถอนหายใจเบา ๆ ถามว่า “มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“ มีอะไรเหรอคะ? ”หยวนชิงหลิงรู้ว่าชีพจรของตัวเองต้องมีบางอย่างผิดปกติ แต่เพราะยังไม่มีข่าวคราวจากทางซาลาเปากลับมา จึงทำได้แค่ต้องแกล้งทำเป็นสับสนไม่รู้อะไร
“ การเต้นของหัวใจกับชีพจรวุ่นวายมาก ถึงกับมีภาวะหยุดชะงักร่วมด้วย หลานเองก็เป็นหมอนะ รู้หรือเปล่าว่ามันคืออะไร? มันเกี่ยวข้องกับยาในสมองของหลานหรือเปล่า?” คุณย่าถาม
หัวใจของหยวนชิงหลิงหดเกร็ง รู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถซ่อนอาการผิดปกติจากคุณย่าได้ จึงพูดได้เพียงแค่ว่า“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ บอกให้เปาเปารีบไปเข้านอนแล้ว จะได้ถามฟางหวูว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“กลับไปได้ไหม?” คุณย่าเองก็ตื่นตระหนกขึ้นมาบ้างแล้ว
“ทะเลสาบจิ้งยังไปไม่ได้ค่ะ” หยวนชิงหลิงพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“แล้วพอจะมีวิธีอื่นไหม?” คุณย่าถามพร้อมกับจับมือหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงเป็นฝ่ายพลิกกลับมาจับมือคุณย่าแทน "ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ต้องมีวิธีอื่นแน่ ฟางหวูจะต้องมีวิธีแก้ไขแน่ค่ะ"
คุณย่ากลับไม่ค่อยเชื่อนัก แต่ให้ตรวจอาการป่วยนางยังพอไหว แต่เรื่องนี้นางช่วยไม่ได้จริง ๆ
“ ทางเจ้าห้าเราคงต้องปิดไว้ก่อนนะคะ รอให้ซาลาเปาถามฟางหวูก่อน ให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วค่อยบอกเขาดีกว่า” หยวนชิงหลิงพูดเบา ๆ
คุณย่าพยักหน้าเห็นด้วย “เพราะงั้นย่าก็เลยส่งเขาออกไป เพราะพอจะรู้ว่าหลานคงอยากจะปิดเรื่องนี้จากเขา”
หยวนชิงหลิงพูดว่า "เรื่องนี้หนูไม่ได้คิดจะปิดบังเขาหรอกค่ะ แต่แค่อยากรู้ให้ได้ก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมาจริง ๆ หนูต้องบอกเขา เพราะลูกทั้งหกคนจำเป็นต้องมีการจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้พวกเขา"
คุณย่ากลับเป็นฝ่ายปลอบนางว่า “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องคิดมาก”
หยวนชิงหลิงเอนตัวไปพิงคุณย่า รู้สึกแสบร้อนที่จมูกขึ้นมาทันที นึกอยากอ้อนท่านสักครั้ง คุณย่าที่อุตส่าห์มาที่นี่เพื่อนาง แม้จะไม่ค่อยมีแบ่งปันความสนุกครื้นเครงอะไรนัก แต่ก็ไม่อยากให้ท่านต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับนางอีกแล้ว
ก็แค่อดสงสัยไม่ได้ว่า ทั้งที่เมื่อก่อนปกติดีอยู่แท้ ๆ ทำไมจู่ ๆ ถึงเกิดปัญหาขึ้นมาได้ล่ะ?
เกิดอะไรขึ้นที่นั่นน่ะหรือ?
ยุคปัจจุบัน เมืองก่วง
ฟางหวูนั่งอยู่บนม้านั่งหินในแปลงดอกไม้หน้าสถาบันวิจัยในสภาพหน้าม่อยคอตก ใบหน้าดำคล้ำหมองหม่น อยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ทั้งไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอจะวิ่งเข้าไปในนั้นแล้ว
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่า สถาบันวิจัยที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขนาดนี้ จะเกิดไฟไหม้โดยไม่มีเหตุผลขึ้นมาได้ เมื่อได้ทราบสถานการณ์ เธอก็รีบวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว แต่ไฟที่โหมไหม้นั้นยังไม่สามารถควบคุมได้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและนักดับเพลิง เข้าทำการปิดล้อมพื้นที่ เธอพยายามบุกเข้าไปหลายครั้ง แต่หลังจากเข้าไปก็ถูกไฟที่ลุกโหมอยู่บีบจนต้องถอยออกมา
แต่ช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า เมื่อนักดับเพลิงเห็นว่าเขาร้อนใจขนาดนี้ จึงส่งนักดับเพลิงสามคนเข้าไปกับเขาด้วย
เมื่อเข้าไปถึงชั้นสิบสองที่วางแคปซูลแช่แข็ง ก็พบว่าที่นี่มีสภาพสยดสยองเกินกว่าจะทนดูได้แล้ว เป็นไปได้ว่าน่าจะเกิดการระเบิดเล็ก ๆ ข้าวของต่าง ๆ จึงยุ่งเหยิงเละเทะ แคปซูลแช่แข็งก็ถูกไฟไหม้จนดำเกรียม สายไฟที่เชื่อมต่อก็ถูกไหม้หมด ส่วนฝาครอบของแคปซูลแช่แข็งกระเด็นปลิวออกไปแล้ว หยวนชิงโจวถลาเข้าไปเร็วจี๋ มองดูคนที่อยู่ในแคปซูลแช่แข็ง ที่เวลานี้ไม่มีสัญญาณของการหายใจเข้าออกใด ๆ ให้เห็นแล้ว
ในแคปซูลแช่แข็ง ไนโตรเจนเหลวได้สลายไปหมดแล้ว ชั้นป้องกันที่เป็นผลึกเดิมก็สลายไปด้วย แม้ว่าร่างกายจะไม่ถึงกับถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่าน แต่เพราะในนี้เคยเกิดการระเบิดและมีไฟลุกไหม้ ด้วยอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับสูงสุดในระยะเวลาสั้น ๆ ดังนั้น ร่างของเธอจึงถูกทำละลายอย่างรวดเร็ว เดาได้ว่าสเต็มเซลล์ในก้านสมองคงไม่รอดแน่แล้ว
เขาทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้น ในหัวสมองว่างเปล่า ไม่รู้ว่านักดับเพลิงที่อยู่ข้าง ๆ พูดว่าอะไร มีคนเอื้อมมือออกไปอุ้มร่างของหยวนชิงหลิงขึ้นมา เขาอยากจะเข้าไปหยุดไว้ แต่ก็ไม่ทัน หรือต่อให้เขาไปหยุดได้ทัน มันก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว
เขาถูกใครซักคนลากออกไป ในหูนอกจากเสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำของตัวเอง เขาก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย
เขาในเวลานี้ แม้แต่จะร้องไห้ก็ยังไม่มีปัญญาร้องออกมาด้วยซ้ำ
เมื่อออกมาข้างนอก มองเห็นท้องฟ้าช่วงพลบค่ำที่ความมืดเริ่มม้วนตัวเข้ามา เท้าของเขาก็พลันอ่อนแรง ภาพตรงหน้าก็แลดูมืดไปหมด
เมื่อฟางหวูเห็นว่าหยวนชิงหลิงถูกนำตัวออกมาได้แล้ว ก็รีบสาวเท้าเดินไปขึ้นไปเจรจากับนักดับเพลิงทันที หลังจากเจรจาเสร็จเรียบร้อย ฟางหวูกับหยวนชิงโจวก็นำร่างของเธอกลับไปที่ห้องวิจัยเดิมที่หยวนชิงหลิงเคยอยู่ ซึ่งที่นั่นพอจะสามารถพักร่างได้ชั่วคราว หลังจากสแกน และทำการเชื่อมต่อเสร็จ ก็ดีใจมากที่พบว่าก้านสมองยังไม่ตายอย่างสมบูรณ์
แต่เพราะร่างกายถูกละลายการแช่แข็งไปแล้ว ไม่มีความเย็นช่วยป้องกันให้ แม้ว่าจะใช้ยาที่พัฒนาโดยฟางหวู แต่ก็สามารถรักษาไว้ได้แค่ประมาณสามวันเท่านั้น
หยวนชิงโจวได้ยินฟางหวูพูด ก็ยกสองมือขึ้นปิดหน้า แล้วพูดอย่างโศกเศร้าว่า“สามวัน ความหมายของคุณคือ หลังจากนี้สามวัน เธอก็ยังจะต้องตายงั้นเหรอ?”
ฟางหวูค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลง เธอนึกถึงสมองของลิงที่ถูกเก็บรักษาไว้ขึ้นมาได้ ความคิดที่แสนจะขวัญกล้าประการหนึ่ง ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาอย่างช้า ๆ
เมื่อก่อนตอนที่ทำการแช่แข็งอยู่ มีการใช้สารป้องกันความเย็นในปริมาณมาก บวกกับการแช่ในไนโตรเจนเหลว ซึ่งมีระดับอุณหภูมิที่ต่ำเกินไป ดังนั้น สมองของเธอจึงเหมือนพวกซาลาเปา ที่ค่อย ๆ พัฒนาความตึงเครียดขึ้นมาช้า ๆ แต่เพราะอุณหภูมิต่ำเกินไปจึงไม่มีวิธีอื่น
แต่ถ้าพูดว่าตอนนี้ถูกทำละลายแล้ว อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ร่างกายที่เหมาะสม นั่นอาจเป็นไปได้ว่า เซลล์สมองอาจมีการแบ่งตัว ซ่อมแซมตัวเองจนฟื้นฟูต่อเนื่อง แล้วกลับสู่สภาพเดิมได้น่ะสิ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...