บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1380

ทั้งสองลากร่างกายที่อ่อนล้ากลับมาถึงบ้านของหยวนชิงโจว

ศาสตราจารย์หยวนกับแม่หยวนกลับมาแล้ว แต่พวกเขายังไม่รู้เรื่องไฟไหม้ที่สถาบันวิจัย แต่เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ไม่มีทางปกปิดไปได้ตลอดแน่ พวกเขาแค่ยังไม่มีเวลาดูข่าวก็เท่านั้น

ดังนั้น หยวนชิงโจวจึงไม่ปิดบัง บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อแม่ของเขาฟัง

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ แม่หยวนก็ถึงกับมือเท้าเย็นเฉียบ เกือบจะเป็นลมไปเสียให้ได้

หลังจากตั้งสติจนทรงตัวไว้ได้อย่างยากเย็น แต่เธอก็ยังร้องไห้จนแทบเข้าขั้นสติแตก ก่อนหน้านี้ที่หยวนชิงหลิงเกิดเรื่อง เธอก็ถึงกับเป็นโรคซึมเศร้า แต่เมื่อรู้ว่าลูกสาวไปใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขที่เป่ยถัง เธอก็กลับมาสุขกายสบายใจ มาถึงตอนนี้ เธอจะทนรับการโจมตีจากความเศร้าอีกครั้งได้ยังไงกัน?

เธอร้องไห้พลางพูดว่า"ทำยังไงดี? ฉันจะทำยังไงดี? เสี่ยวกวาจื่อเพิ่งจะเกิดแท้ ๆ ถ้าลูกเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา แล้วต้องทิ้งลูกเขยกับหลาน ๆ ทั้งหกคนไป แล้วจะให้พวกเขาอยู่กันยังไงล่ะ?"

ศาสตราจารย์หยวนกอดภรรยาแน่น เสียใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ จนถึงตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าแค่ภรรยาที่ทนรับการโจมตีนี้ไม่ไหว ตัวเขาเองก็ทนรับการโจมตีนี้ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

หยวนชิงโจวฝืนกลั้นน้ำตา พยายามจะปลอบใจทั้งสองคน รอจนอารมณ์ของแม่หยวนคงที่ เขาก็พูดว่า"สาเหตุของไฟไหม้ตอนนี้ยังไม่รู้ครับ ทางนักดับเพลิงกำลังตรวจสอบอยู่ แต่เรื่องของน้อง พวกเรายังต้องหาทางกันต่อ ฟางหวูบอกว่าพอจะมีอยู่วิธีหนึ่ง เดี๋ยวพวกเรามาปรึกษากันหน่อยนะครับ ลองดูว่าพอจะเป็นไปได้ไหม”

เมื่อได้ยินว่ายังพอมีความหวัง ทั้งสองก็หันไปมองฟางหวูพร้อม ๆ กัน จนแล้วจนรอดน้ำตาก็ยังหยุดไหลไม่ได้ หัวใจกระเด็นกระดอนขึ้นมาแขวนค้างอยู่ที่ลำคอ ต่างก็หวังว่าเธอจะบรรยายแผนการที่เชื่อถือได้ออกมา

ฟางหวูสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แล้วพูดว่า “ตอนนี้สเต็มเซลล์ของสมองยังไม่ได้ตายอย่างสมบูรณ์ ดิฉันได้ฉีดยาที่สามารถคงการทำงานของเซลล์สมองไว้ชั่วคราวแล้ว ดังนั้น ในช่วงสองสามวันนี้คงจะไม่มีอันตรายร้ายแรงอะไร แต่ร่างกายของเธอตอนนี้ใช้ไม่ได้แล้ว ต่อให้ส่งกลับเข้าแคปซูลแช่แข็งไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ วิธีเดียวของเราก็คือ หาร่างกายที่เหมาะสมกับสมองของเธอ หรืออีกนัยหนึ่งคือ หาภาชนะที่เหมาะสม ให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม แล้วปล่อยให้เซลล์สมองซ่อมแซมฟื้นฟูตัวเอง จนกลับสู่สภาพเดิมค่ะ"

หลังจากที่ศาสตราจารย์หยวนกับแม่หยวนได้ฟังแล้ว ก็รู้สึกว่าสิ่งที่ฟางหวูพูดนั้นไร้สาระเกินไป ศาสตราจารย์หยวนพูดว่า “เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้หรอก อันดับแรกถ้าพูดถึงเรื่องการหาร่างกายที่เหมาะสมก่อน ความหมายของเธอคือการปลูกถ่ายก้านสมองใช่มั้ย ? แต่ถ้าพูดถึงผลลัพธ์ในปัจจุบัน ยังไม่เคยมีตัวอย่างการผ่าตัดประเภทนี้ที่ประสบความสำเร็จออกมาเลยสำหรับภาชนะที่เหมาะสม นี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ การนำสมองออกมาแล้วไปวางไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิเหมาะสม แล้วรอให้เซลล์สมองซ่อมแซมตัวเองนั้น มันเป็นไปไม่ได้"

ฟางหวูพูดว่า "การปลูกถ่ายก้านสมอง ถ้าเป็นระดับของการแพทย์ในตอนนี้คือยังไม่ได้ แต่ดิฉันไม่ใช่คนของยุคนี้ ยุคที่ดิฉันอาศัยอยู่ การปลูกถ่ายก้านสมองก็เหมือนกับการปลูกถ่ายหัวใจ เทคโนโลยีเหล่านั้นครบถ้วนสมบูรณ์มาก อีกทั้งการผ่าตัดแบบนี้ดิฉันรู้จักหมอท่านหนึ่ง เธอสามารถทำได้ สำหรับวิธีที่สอง ขอพูดโดยไม่ปิดบังนะคะว่า ดิฉันได้พบสมองของลิงที่ ดร. หยวนเก็บรักษาไว้ในตู้แช่แข็ง ภายในห้องทดลองเดิมของเธอ ในอุณหภูมิติดลบ 18 องศาเซลเซียส เดิมทีเป็นเพียงเซลล์สมองบางส่วน แต่ผ่านไปได้เจ็ดแปดปีแล้ว มันกลับกลายเป็นสมองที่สมบูรณ์สมองหนึ่ง ดังนั้น ดิฉันจึงคิดว่ายาที่พวกเขาฉีดเข้าไป สามารถส่งเสริมการแบ่งตัวและการงอกใหม่ของเซลล์สมองอย่างต่อเนื่อง และทำได้แม้กระทั่งการซ่อมแซมเซลล์ที่ตายแล้วได้อีกด้วย "

ศาสตราจารย์หยวนและแม่หยวนต่างก็เป็นหมอทั้งคู่ อีกทั้งศาสตราจารย์หยวนก็เป็นผู้นำในสาขานี้อีกด้วย แต่หลังจากได้ฟังคำพูดของฟางหวูแล้ว เขาก็ยังคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้

แต่ขอแค่ยังมีความหวังแม้เพียงริบหรี่ พวกเขาก็ต้องลองดู พวกเขาสามีภรรยาไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกสาวได้อีกต่อไปแล้วจริง ๆ

ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน ก็ได้ยินความเคลื่อนไหวจากห้องใต้หลังคา แม่หยวนหันขวับไปทันที น้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง พูดเสียงสะอื้นว่า "เปาเปามาแล้ว!"

ซาลาเปาค่อย ๆ ปีนไต่ลงมาจากห้องใต้หลังคา หยวนชิงโจวพุ่งเข้าไปกอดเขาหมับ แล้วถามทันทีว่า "เปาเปา แม่เป็นยังไงบ้าง?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน