บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1387

เซียวเหยากงเอ่ย “เหย ไม่ใช่ ตอนงานเลี้ยงชัยชนะก่อกองไฟ คำพูดที่พวกเขาพูดครั้นเมาสุรา บอกว่าเป็นรถรบที่มิติเวลาอะไรผลิตขึ้น ท่านอาจารย์กล่าวไว้เยอะ เจ้าจำไม่ได้แล้วหรือ?”

ไท่ซ่างหวงชะงักงันมองเขา ท่าทางจำอะไรไม่ได้เลย ตอนงานเลี้ยงฉลองเขาดื่มหนัก

แต่โสวฝู่กลับจำได้ นั่งสง่าอยู่บนเก้าอี้ เอ่ยขึ้นประโยคหนึ่งอย่างสงบนิ่ง “ข้าจำได้ หญิงสาวที่นั่นสวมเสื้อผ้าโผล่แขนโผล่ขา”

“อ้อ!” เมื่อเอ่ยขึ้น ไท่ซ่างหวงก็จำได้ว่าตอนพี่สะใภ้ดื่มสุรา เคยพูดจาเพ้อเจ้อเรื่องพวกนี้อยู่จริง แต่เขาหัวเราะ “นั่นพี่สะใภ้กุเรื่องขึ้นมา นางดื่มสุราก็ชอบพูดไปเรื่อย”

“ไม่ใช่ ข้าเชื่อท่านอาจารย์ ที่นางเอ่ยต้องจริงแน่ แคว้นนั้นชื่อว่ามิติเวลา ห่างจากพวกเรามาก หากจะไปที่นั่นต้องเดินทางระยะไกล” เซียวเหยากงกลับดีใจเหมือนเด็ก

เมื่อเขากล่าวจบ ก็หันไปมองหยวนชิงหลิงพลัน “ใช่หรือไม่?”

เดิมหยวนชิงหลิงต้องการอธิบายอย่างจริงจัง แต่เมื่อได้ฟังการสนทนาของพวกเขาแล้ว ก็ราวกับมีแนวคิด รู้ว่ามีมิติเวลานี้อยู่ เพียงแต่มิติเวลาที่พวกเขาคิด ความหมายว่าเป็นชื่อเรียกของแคว้นหนึ่ง มีแคว้นหนึ่ง แคว้นนี้เรียกว่าแคว้นมิติเวลา

“ถือว่าใช่กระมัง!” หยวนชิงหลิงคิดแล้วจึงเอ่ย

“มิน่าล่ะ แคว้นนี้ถึงไปลำบากนะ และน้อยคนจะมาทำการค้าที่เป่ยถัง ต้องผ่านทะเลสาบจิ้งนี่เอง” เซียวเหยากงพูดถอดถอนใจ

โสวฝู่กับไท่ซ่างหวงรู้สึกว่าไม่ธรรมดาเช่นนั้น แต่ก็ไม่รู้จะถามอย่างไร เพียงแต่คิดอยู่นานถึงถามขึ้นประโยคหนึ่ง “เช่นนั้นฮ่องเต้ของแคว้นนี้เป็นใครหรือ? แซ่อะไร?”

หยวนชิงหลิงหัวเราะ “แคว้นนั้นไม่มีฮ่องเต้หรอก”

โสวฝู่ประหลาดใจมาก “ไม่มีฮ่องเต้? ไม่มีฮ่องเต้ เช่นนั้นใครจะปกครองใต้หล้าเล่า? นั่นมิใช่ไม่มีกฎแห่งราชันแล้วหรือ?”

หยวนชิงหลิงคิดแล้วคิดอีก “มีคนดูแล เพียงแต่พูดไม่ได้ว่าดูแลด้วยคนคนเดียว เอาไว้พวกท่านไปแล้วก็ทราบเองนั่นแหละ”

ทันใดนั้นก็ปวดหัวตุบหากไปถึง เกรงว่าต้องมีเรื่องมากมาย

อย่างพวกคร่ำครึแบบเจ้าห้า ความสามารถในการยอมรับสูง หลายเรื่องในยุคปัจจุบันพออธิบายกับเขา แม้เขาจะยอมรับไม่ได้ แต่ก็เลือกเข้าใจและเคารพ สำหรับพวกเขาทั้งสาม กลัวแต่จะพูดไม่เข้าหู

ขณะขึ้นรถม้า ไท่ซ่างหวงกับโสวฝู่ยังพร่ำพูดเรื่องที่เหตุใดแคว้นนั้นจึงไม่มีฮ่องเต้ ประหลาดเสียจริง บ้านเมืองจะไม่มีราชาได้อย่างไร? บ้านเมืองไร้ราชา บ้านเมืองมิต้องโกลาหลหรือ?

ต่อจากนั้นก็ไม่กังวลเสียใจขนาดนั้นแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะเซียวเหยากงเหาะมาทางนี้ อยู่ข้างนอกถามเรื่องแคว้นมิติเวลาเป็นครั้งคราว ทำจนทุกคนหัวเราะก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่ใช่สลายความทุกข์ที่ต้องพลัดพรากให้น้อยลง

ที่จริงไท่ซ่างหวงกับโสวฝู่ไม่เชื่อ แม้โสวฝู่บอกว่าเป็นคำพูดของพระชายาเฟิงอันเมื่อก่อนหน้านี้ แต่เขากับไท่ซ่างหวงคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่พระชายาเฟิงอันกุเรื่องขึ้น นางโกหกได้แบบไม่กะพริบตา

เป็นไปไม่ได้ที่แคว้นจะไม่มีฮ่องเต้ปกครอง และไม่มีหญิงสาวแคว้นไหน ขณะที่สวมเสื้อผ้าจะโผล่แขนกับโผล่ขา เช่นนั้นจะเสื่อมเสียเพียงไร? สามีได้เขียนหนังสือด่าตายแน่

เมื่อเห็นเซียวเหยากงเจื้อยแจ้วอย่างครึ้มอกครึ้มใจตลอดทาง พวกเขาก็อดพูดเจ้าแก่งั่งในใจเป็นไม่ได้

เร่งเดินทางตลอดคืน เด็กๆ หลับแล้ว สองสามีภรรยายังไม่หลับ พิงอยู่ด้วยกัน จับมือ พูดประโยคสองประโยคเป็นบางครั้ง ไม่มีหลักเกณฑ์ อยากพูดอะไรก็พูด

เปลี่ยนม้าที่จุดพักระหว่างทางแล้วเร่งเดินทางต่อทันที ช่วงกลางวันวันถัดมาก็ถึงเขาหมื่นพุทธ

ตอนลงจากรถม้า หยู่เหวินเห้าก็เริ่มใจสั่น หัวใจเต้นเร็วขึ้น ราวกับมีเมฆดำทับหนักอึ้งอยู่ จะปัดอย่างไรก็ไม่ออก

เขาจูงมือหยวนชิงหลิงตลอดเวลา แม้ตอนขึ้นเนินก็ไม่ปล่อย ใจสั่นมากขึ้นทุกที

“ช้าก่อน!” เมื่อถึงกลางเอวเขา ด้านหลังก็มีเสียงแว่วมา เสียงนี้คุ้นหูมาก ทุกคนหันหลังไปพลัน แต่แล้วก็พบกับอ๋องชินเฟิงอันและพระชายาจูงมือกันขึ้นมา

“พี่เหว่ย? พี่สะใภ้?” ไท่ซ่างหวงตะลึงงัน

เซียวเหยากงวิ่งไปด้วยความรวดเร็ว ตื่นเต้นเอ่ย “พี่เหว่ย ท่านอาจารย์ พวกท่านมาได้อย่างไร?”

อ๋องชินเฟิงอันสวมชุดผ้าแพรสีน้ำเงินขอบดิ้นทองทั้งตัว แลดูสง่าผ่าเผยเป็นพิเศษ ส่วนพระชายาเฟิงอันสวมเสื้อสีเขียวอมเหลือง เรียบง่ายทะมัดทะแมง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน