เกือบสองเดือนกับความคิดถึงอย่างที่สุด จนมาถึงตอนที่ได้เจอกัน ยังรู้สึกว่าเหมือนไม่ใช่ความจริง มีเพียงตอนนี้ ที่ได้กอดไว้แน่น ในใจค่อยรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
“ยังรู้สึกเหมือนดั่งฝันไป” หยู่เหวินเห้าพึมพำพูดอยู่ข้างหูของนาง
หยวนชิงหลิงปล่อยเขา แล้วจูบริมฝีปากของเขา มุมปากอมยิ้มอย่างน่าหลงใหล พร้อมพูดขึ้นว่า “แบบนี้รู้สึกถึงความเป็นจริงหรือยัง?”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นด้วยแววตาลึกซึ้งว่า “ยังไม่ค่อยเหมือนความจริง หากสามารถได้.....”
หยวนชิงหลิงเขย่งเท้าขึ้น ใช้ปากประกบริมฝีปากของเขา จนร่างกายหยู่เหวินเห้าร้อนรุ่ม มือข้างหนึ่งอุ้มนางไว้ มืออีกข้างหนึ่งอุ้มนางไปที่ข้างเตียง แล้วก็ปล่อยนางลงอย่างระมัดระวัง ค่อยๆจูบริมฝีปากของนาง
หยวนชิงหลิงที่หลับตา จู่ๆก็ลืมตาขึ้น สายตาฉายแววเสียใจ รีบผลักเจ้าห้าทิ้ง เจ้าห้ายังรั้งไม่ยอมปล่อย หยวนชิงหลิงใช้เท้าถีบเขาตกเตียง
ด้านนอกมีซาลาเปาเสียงดังขึ้นว่า “พ่อ แม่ พวกเราเข้ามาได้ไหม?”
พูดไม่ทันเสร็จ ประตูก็ถูกเปิดออกแล้ว ไม่มีเวลาให้ตอบรับใดๆ
หัวสมองน้อยๆทั้งห้า พากันเข้ามาพร้อมพูดขึ้นว่า “พ่อ แม่ พวกท่านทำอะไรอยู่ในห้อง?”
หยวนชิงหลิงนั่งถือตำราอยู่บนเตียง หยู่เหวินเห้านั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น หายใจเข้า หายใจออก เห็นพวกลูกๆเข้ามา เขาเงยหน้าขึ้นอย่างอ่อนโยน และพูดขึ้นอย่างค่อนข้างเคร่งขรึมว่า “รู้สึกเมารถ จึงปรับกำลังภายใน”
แม่หยวนชิงหลิงก็อยู่ด้านนอกพอดี ได้ยินลูกเคยพูดเช่นนี้ จึงรีบพูดขึ้นว่า “เมารถหรือ? แม่กำลังทำน้ำผึ้งมา มาดื่มกับคนตัวโตคนนี้คนละแก้ว มา”
สวีอีคนตัวโต ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย พี่ชายของหยวนชิงหลิงช่วยพยุงนั่งลง นอนเอนเอียงอยู่บนโซฟาเหมือนมะเขือม่วงเหี่ยว ได้ยินว่าหยู่เหวินเห้าก็เมารถ ในใจของเขาค่อยรู้สึกดีขึ้น
หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นมา ตอบแม่หยวนชิงหลิงอย่างยิ้มแย้ม แล้วก็ก้มลงมองดูพวกลูกๆ พร้อมถามขึ้นว่า “พวกเจ้าเข้ามามีธุระอะไรหรือ?”
ทังหยวนพูดขึ้นว่า “พวกเราจะคุยกับแม่ ไม่ได้เจอแม่นานแล้ว”
ข้าวเหนียวก็พูดบ่นขึ้นว่า “ใช่ พ่อมาถึงก็เอาแม่ของเราไปซ่อนไว้”
ปกติเจ้าแฝดมักจะขี้เกียจพูด ตรงไปที่เตียงแล้วก็กอดแม่ไว้ ท่าทีเหมือนครอบงำไว้แล้ว หยู่เหวินเย่ลุกขึ้นมากอดของแม่ไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ ข้าหิวแล้ว”
“พวกเราก็หิวแล้ว” พวกเด็กๆต่างพูดขึ้นพร้อมกัน
หลังจากพ่อมาถึงทะเลสาบจิ้ง คิดแต่เพียงเรื่องที่จะกระโดดลงทะเลสาบจิ้ง ไม่ได้ให้ทานข้าว ให้พวกเขากินเพียงขนมว่างพี่เอามาด้วยนิดหน่อย ทุกคนต่างก็หิวจะแย่อยู่แล้ว
“ทำอาหารเช้าแล้ว เดี๋ยวก็ได้กินแล้ว” แม่หยวนชิงหลิงเอ็นดูอย่างมาก เฮ้อ หลานๆหิวแย่แล้วจะทำอย่างไรดี?
แล้วหยู่เหวินเห้าก็ถูกดึงออกไปดื่มน้ำผึ้ง นั่งอยู่กับสวีอี ทั้งสองคนดื่มลงไปหนึ่งแก้วใหญ่ สวีอียังต้องทานยากระเพาะ หนึ่งเม็ด เพราะเมื่อกี้ตอนที่อยู่บนรถอาเจียนอย่างหนัก ส่งผลกระทบต่อกระเพาะ
หลังจากที่สวีอีดีขึ้นมาหน่อย ก็ถามหยู่เหวินเห้าว่า “องค์ชายรัชทายาท ที่นี่เป็นที่ไหนกันแน่? เป็นที่อยู่ของอาจารย์พระชายารัชทายาทหรือ? คนนั้นข้ารู้จัก เป็นหลานเจ้าพระยาจิ้ง พี่ชายพระชายารัชทายาท”
หยู่เหวินเห้าไม่อยากอธิบายให้เขาฟัง แต่เซียวเหยากงในฐานะที่เป็นคนที่นี่ไปครึ่งหนึ่งแล้ว ค่อนข้างยินดีที่จะอธิบายให้เขาฟังถึงความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อนและความแปลกประหลาดของโลกนี้ ก่อนทานข้าว สวีอีก็ถูกเซียวเหยากงลากเข้าไปในห้อง แล้วก็อธิบายให้ฟัง
หลังจากอธิบายเสร็จแล้ว สิ่งที่สวีอีได้รับรู้ก็คือ ที่นี่เป็นบ้านพ่อแม่ของพระชายารัชทายาท ห่างจากทะเลสาบจิ้งเป่ยถังประมาณสิบห้านาที แต่ตรงกลางมีหนอนหนึ่งตัว ในท้องหนอนตัวนี้มีรู พวกเขาออกมาจากรูนี้
ส่วนเจ้าพระยาจิ้ง ก็ไม่ใช่พ่อของพระชายารัชทายาท ซึ่งมียาอย่างหนึ่งมาเกี่ยวข้อง ตามความเข้าใจของสวีอีเอง เป็นยาตัวนี้ที่อาจทำให้เกิดปัญหาในร่างกายมนุษย์ได้ ทำให้เจ้าพระยาจิ้งไม่ใช่พ่อของพระชายารัชทายาท
ถึงแม้เขาจะไม่สามารถเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ แต่สิ่งที่เซียวเหยากงบอกก็คือแบบนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...