ไท่ซ่างหวงยังคงโกรธมาก ที่โกรธไม่เพียงเรื่องที่ฮ่องเต้หมิงหยวน มีความคิดที่จะสละราชบัลลังก์ แต่เป็นเพราะพี่เหว่ยเห็นเขาเหมือนเป็นคนโง่ หน้าจอโทรศัพท์ของเขาไม่ได้สว่าง ยิ่งไม่มีเสียงร้องเพลงอยู่เหนือดวงจันทร์ดัง
ไท่ซ่างหวงคว้าจับไหล่ของเขาไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “อยากหนี? เจ้าคิดอยากหนีอีก? วันนี้เจ้าต้องพูดให้ชัดเจน ปัญหานี้ วนเวียนอยู่ในใจข้ามาหลายสิบปี ไม่ถามให้ชัดเจน ข้านอนตายตาไม่หลับ”
“เจ้าหก” อ๋องชินเฟิงอันขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “พูดจาอัปมงคลเช่นนี้ทำไม? กว่าเราสองคนพี่น้องจะได้เจอกันที่นี่ ไม่ควรที่จะพูดว่า ไป ข้าพาเจ้าไปดื่มสักแก้ว”
“ไม่ไปที่ไหนทั้งนั้น วันนี้จะต้องพูดให้รู้เรื่อง” ไท่ซ่างหวงเอาเรื่องเขาอย่างที่สุด วันนี้หากไม่ได้ถามอย่างชัดเจน งั้นชั่วชีวิตนี้ก็จะไม่ได้คำตอบอีก
คาดว่าอยู่ที่เป่ยถัง ต่อไปคงจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว
อ๋องชินเฟิงอันมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่สำคัญมากหรือ?”
“สำคัญ สำคัญที่สุด” ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นอย่างมุ่งมั่นเด็ดขาด
อ๋องชินเฟิงอันเอนพิงรถ มองดูคลื่นบนผิวน้ำ พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเจ้าอยากรู้จริงๆ งั้นข้าก็จะบอกเจ้า ใช่ว่าข้าใจร้ายยกภาระหนักนี้ให้กับเจ้า ตั้งแต่เริ่มแรก คนที่ข้าพอใจที่สุดก็คือเจ้า มีเจ้า น้องสิบแปด ฉู่เสี่ยวอู่ ล้วนเป็นคนที่ข้าสั่งสอนมากับมือ นี่ก็เป็นเพราะทำไมข้าถึงได้เข้มงวดกับพวกเจ้าขนาดนั้นมาตลอด พวกเจ้าไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวัง ที่จริงหลายสิบปีมานี้ ข้าคอยดูพวกเจ้าเติบโตทีละนิด ข้าภาคภูมิใจมากจริงๆ...”
ไท่ซ่างหวงพูดแทรกขึ้นว่า “พี่เหว่ย เปลี่ยนเรื่องพูดตอนนี้ใช้ไม่ได้กับข้าเลยสักนิด ข้ารู้ว่าคำพูดต่อไปของเจ้าจะต้องพูดถึงความเพียรพยายามอีกแน่ ข้าต้องการคำตอบ ทำไมเจ้าถึงไม่เป็นฮ่องเต้? ทำไมต้องหนีไป?”
“เพราะข้าเป็นฮ่องเต้ไม่ได้” อ๋องชินเฟิงอันเงยหน้าขึ้น พร้อมพูดขึ้นด้วยสายตาราบเรียบว่า “ในเมื่อเจ้าอยากรู้ งั้นข้าก็จะบอกเจ้า ตอนนั้นตอนที่กำลังวางแผนเรื่องพวกนี้ ข้าก็กำลังป่วยหนัก ไม่รู้ว่าเจ้ายังจำได้ไหม ตอนนั้นบนร่างกายข้า ภายในห้องข้าล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นหอม อันที่จริงเป็นกลิ่นหอมใช้เพื่อปกปิดกลิ่นยา ตอนนั้นแม่นมที่อายุมากแล้วแต่ทำไมยังติดตามข้า? ก็เพราะไม่วางใจอาการป่วยของข้า เพราะกลัว ไม่รู้ว่าข้าจะตายเมื่อไหร่ ข้าคุยตกลงกับพี่สะใภ้ของเจ้า รอหลังจากที่แผ่นดินสงบมั่นคง เราก็จะหลบไปอยู่อย่างสันโดษ ในหลายสิบปีนี้ ใครว่าข้าไม่สนใจเรื่องของพวกเจ้า เพียงแต่ตอนนั้น ข้าอยู่ในสภาพที่กำลังจะตาย พี่สะใภ้ของเจ้าพาข้าไปตามหาหมอมีชื่อเสียง ที่จริงอาการป่วยนี้ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่หาย ยังกำเริบเป็นบางครั้ง เพียงแต่อายุขนาดนี้แล้ว มีชีวิตผ่านไปวันๆ นี่คือสาเหตุที่ข้าไม่สามารถเป็นฮ่องเต้ หากเมื่อใดที่อาการป่วยของข้ากำเริบ เป่ยถังก็จะต้องเผชิญหน้ากับความอันตรายอีกครั้ง”
ไท่ซ่างหวงมองดูเขา ไม่รู้ว่าเชื่อหรือไม่ เขาพูดอย่างเจ็บปวดขนาดนี้ ราวกับถูกโรคภัยไข้เจ็บทำให้ทุกข์ทรมานมาหลายสิบปี
แต่หากเชื่อ ชั่วชีวิตนี้ เคยถูกเขาหลอกน้อยครั้งหรือ?
แต่พี่เหว่ยน่าจะไม่ถึงขั้นสาปแช่งตนเองมั้ง ในขณะที่กำลังจะถามอย่างเป็นห่วง กลับคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จับจ้องมองดูใบหน้าเขา คนคนหนึ่งที่ป่วยมาหลายสิบปี กลับยังสามารถดูแลตนเองให้ดูหนุ่มขนาดนี้ นี่ดูยังไงก็เหมือนคนที่อยู่อย่างมีความสุขมากหลายสิบปี จึงพูดขึ้นว่า “คำอธิบายเช่นนี้ ฟังไม่ขึ้น และก็ไม่เชื่อ ครอบครัวหลานสะใภ้ของข้าล้วนเป็นหมอ หากพี่เหว่ยป่วยจริงๆ ก็ไปโรงพยาบาลเข้ารับการตรวจ”
อ๋องชินเฟิงอันพูดขึ้นอย่างโกรธจัดว่า “เจ้าหก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...