หลังจากพี่น้องทั้งสองคุยความในใจกันแล้ว ก็กลับมายังคฤหาสน์อีกครั้ง ตามฮ่องเต้ฮุยจงกับเจ้าห้าไปคุยกันที่ห้องประชุม
ทั้งสี่คน มีสามคนเคยเป็นตัวแทนของผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของเป่ยวัง ส่วนเจ้าห้า ก็เป็นคนที่จะมีอำนาจสูงสุดของเป่ยถังในอนาคต
พวกเขาคุยกันอยู่นานมาก คำพูดพวกนี้ เป็นคำพูดเหมือนอย่างที่ตอนนั้นอ๋องชินเฟิงอันพูดกับไท่ซ่างหวง เจ้าเป็นคนอัจฉริยะ เจ้ามีความสามารถ เจ้าสามารถรับภาระแผ่นดินนี้ได้
แต่ตอนนั้น อ๋องชินเฟิงอันพูดกับไท่ซ่างหวงคนเดียว ตอนนี้ เป็นผู้อาวุโสสามคนพูดกับหยู่เหวินเห้า
ตำแหน่งฮ่องเต้ของตระกูลหยู่เหวิน รุ่นต่อรุ่นหลอกกันมาเสมอ ตกทอดกันมาแบบนี้
อย่างไรก็ตาม เจ้าห้าก็ไม่ได้ขัดขืน เพราะเขารู้ว่าเขาจะต้องเป็นจักรพรรดิไม่ช้าก็เร็ว และในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีหลายอย่างที่เขาอยากทำ แต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ หนึ่งในเหตุผลหลักก็คือ การจำกัดของเสด็จพ่อ กลัวว่าเขาจะสร้างเรื่องเดือดร้อน ในขณะที่ควบคุม ยังแฝงไปด้วยอารมณ์ของเขา แบบนี้ทำให้เหนื่อยทั้งพ่อทั้งลูก
เขาไม่ใช่คนที่เห็นแก่ผลประโยชน์ แต่เพราะตอนนี้เป็นโอกาสที่เหมาะสมที่สุด เป่ยโม่พ่ายแพ้แล้ว เซียนเปยก็ยังไม่สามารถก่อเรื่องอะไรได้อีกไปช่วงเวลาหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นต้าโจวกับแคว้นต้าเยว่แคว้นต้าซิงกำลังไปได้ดี ในขณะที่ส่งเสริมพัฒนาอย่างจริงจัง ผนึกกำลังภายในเป่ยถัง หลังจากถูกเสด็จพ่อควบคุม เขาเสียใจไปนานมาก เพราะพลาดจังหวะที่ดีไปแล้ว ก็ยากจะที่มีโอกาสอีก
ช่วงเวลาจะเปลี่ยนแปลงไป ความสัมพันธ์ทางการฑูตที่มีเสถียรภาพในปัจจุบันอาจไม่คงอยู่นานหลายสิบปี
แน่นอน หลังจากขึ้นครองราชย์ อาจจะต้องเสียสละ แต่เขารู้ว่าไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร เขายืนอยู่ตรงตำแหน่งนั้น เจ้าหยวนก็จะยืนอยู่เคียงข้างเขา เมื่อมีความเชื่อมั่นนี้แล้ว เขายังจะมีอะไรต้องลังเลอีก?
ดังนั้น หลังจากปรึกษากันแล้ว เขาก็ไปเล่าให้หยวนชิงหลิงฟัง เรื่องที่เสด็จพ่อมีความคิดที่จะสละราชบัลลังก์
กลับคิดไม่ถึงว่า หยวนชิงหลิงไม่เพียงไม่แปลกใจ ยังเหมือนรู้แต่แรกแล้ว นางพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้าตัดสินก็พอ ยังไงก็เป็นอย่างที่เจ้าคิด ข้าจะยืนเคียงข้างเจ้าอยู่แล้ว”
หยู่เหวินเห้าตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าในใจข้าคิดอะไร?”
“รู้อยู่แล้ว สามารถภรรยาจิตใจสัมพันธ์กันไง” หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้ามองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ข้ากลับไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่”
“นั่นเป็นเพราะจิตใจของเจ้าไม่สงบ รอหลังจากเมื่อเจ้าสงบจิตใจ ก็จะสามารถได้ยินว่าในใจของข้าคิดอะไร”
“เหตุใดจึงฟังดูเหมือนเป็นคำพูดที่หลอกลวง?” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างหดหู่
หยวนชิงหลิงหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ ข้าไม่มีทางหลอกลวงเจ้า จะซื่อสัตย์กับคุณไปตลอดชีวิต”
ข้อนี้หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า “แน่นอน เรามีคำมั่นสัญญาต่อกัน ใครก็ห้ามหลอกลวงกัน”
“ใช่ เราจะทำตามคำมั่นสัญญา”
หยู่เหวินเห้าจูงมือนางเดินกลับมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ เรื่องสมองของเจ้า ต่อไปจะไม่เป็นไรแล้วจริงหรือ?”
“ตามหลักแล้วใช่ แต่ต้องกินยายับยั้ง หลังจากทานยายับยั้งแล้ว ข้าก็จะเหมือนกับพวกเจ้า จะไม่เหมือนพวกเปาเปา ที่มีความสามารถพิเศษ”
“เจ้าไม่มีความสามารถพิเศษแล้วจริงๆ?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ยังไงเจ้าก็ยังเป็นห่วงเขา อย่าดุใส่เขาอยู่ตลอดเลย เจ้าวางใจ เรื่องฟันหน้าของเขา ข้าวางแผนไว้แล้ว นี่ก็เพิ่งมาถึงไม่ใช่หรือ? ให้เขาพักผ่อนสองสามวัน ปลูกฝันก็ถือเป็นการผ่าตัดเล็ก”
หยู่เหวินเห้าได้ยินว่าจัดการไว้แล้ว ก็ค่อยวางใจ พูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ข้าก็ไม่ได้อยากที่จะดุเขา แต่นิสัยของเขาโหวกเหวก ไม่สงบเสงี่ยม ที่ผ่านมายังดี ปิดประตูอยู่ในจวนไม่มีใครรู้ ต่อไปเขาต้องมีครอบครัวเป็นของตนเอง หากยังไม่ปรับตัว คนอื่นจะไม่หัวเราะเยาะเขาหรือ?”
“ที่จริงเขาก็พัฒนาขึ้นมากแล้ว เขาเปลี่ยนแปลงไปมากแล้วนะ ผ่านมาหลายปีนี้ ทุกคนต่างก็เติบโตขึ้น” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดถูก เขาพัฒนาแล้ว เติบโตแล้ว แต่ข้าจะให้เขาเติบโตขึ้นมากกว่านี้ ต่อไปสามารถเผชิญหน้ากับทุกอย่างได้ด้วยตนเอง แต่ค่อยเป็นค่อยไป ข้ารู้ว่ามีบางครั้ง ที่ค่อนข้างเข้มงวดกับเขาไปหน่อย รอเขาพักผ่อนสักวัน ข้าค่อยพาเขาไปกินปิ้งย่าง แล้วก็คุยกับเขาอีกที”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ เจ้าควรที่จะพาเขาออกไปเที่ยวบ้าง ยังไงเจ้าก็เป็นถึงลูกเขยที่นี่แล้ว”
เป็นลูกเขยที่นี่ แต่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยที่นี่จริงๆ แต่ลงไปทานปิ้งย่างยังพอได้
หลังจากสวีอีกลับมาจากคฤหาสน์ สภาพจิตใจตกอยู่ในอาการที่ค่อนข้างตกใจอยู่ตลอด ถึงแม้หยวนชิงโจวได้อธิบายให้เขาฟังแล้ว แต่สมองของเขายังไม่สามารถยอมรับได้ในทันที เพราะในความคิดของเขา ฮ่องเต้ฮุยจงกับองค์ชายรัชทายาทเจี้ยนจงตายไปแล้ว ต่อให้เจ้าพูดอ้างถึงถ้ำหนอนห้วงเวลา ก็ไม่สามารถทำให้เขาหลุดออกมาจากความตกตะลึงที่ฮ่องเต้ฮุยจงตาย แล้วจู่ๆก็มาปรากฏอยู่ที่นี่
รอหลังจากหายตกตะลึงแล้ว ก็ค่อยๆสามารถยอมรับความจริงเรื่องที่ฮ่องเต้ฮุยจงยังไม่ตาย แล้วมาที่นี่กับองค์ชายรัชทายาทเจี้ยนจงเพื่อรักษาตัว แต่เขาก็จมอยู่กับความกังวลใหม่ทันที ฮ่องเต้ฮุยจงยังไม่ตาย ยังดูหนุ่มอีกด้วย งั้นขาจะกลับไปครองบัลลังก์อีกครั้งไหม?
สวีอีตบหน้าตนเองหนึ่งที สีหน้าโศกเศร้า ทำไมถึงตามมาได้? ตอนนี้รู้ความลับที่น่าอัศจรรย์นี้แล้ว หากเก็บความลับนี้ไว้ไม่ได้ องค์ชายรัชทายาทฆ่าเขาแน่ ตอนที่อยู่ข้างทะเลสาบจิ้ง เกิดเหตุบังเอิญแบบนี้ได้ยังไง? ไม่น่าเป็นไปได้นี่ คู่ต่อสู้คือแม่นมสี่เองนี่
สวีอี เจ้าเป็นสิ่งบังเอิญมาตลอดทั้งชีวิต บังเอิญกับเรื่องที่ดี บังเอิญกับเรื่องที่เลวร้าย ทำไมจึงไม่สามารถควบคุมชีวิตของตนเองได้เองจริง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...