บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1449

หลังจากสิ้นสุดการท่องเที่ยวกลับมาแล้ว ก็ได้รับข่าวดีจากทางหยางหรูไห่เช่นกัน การผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายเจ้าลิงประสบความสำเร็จด้วยดี เหมือนกับหยวนชิงหลิง ที่สุดท้ายก็สามารถกระโดดโลดเต้นใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

เมื่อหยวนชิงหลิงได้ยินข่าวนี้ เธอก็ไปบอกกล่าวกับพวกเด็ก ๆ ก่อน จากนั้นก็ขับรถไปหาเจ้าลิงทันที

ทันทีที่เข้าไปในห้องทดลอง เจ้าลิงก็กระโดดขึ้นไปบนตัวเธอ แล้วกอดเธออย่างแนบแน่น ขอบตาของหยวนชิงหลิงร้อนผ่าว กอดเจ้าลิงพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น เจ้าลิงก็กู่ร้องด้วยความตื่นเต้นดีใจไม่ต่างกัน

มันยังมีความทรงจำหลงเหลืออยู่ เป็นความทรงจำของวันเวลาที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันในห้องทดลอง

ถ้าอย่างนั้น เขาจะต้องยังจำหงเย่ได้แน่ จำวันเวลาที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในกระดูกมนุษย์หมาป่าได้

หลังจากกอดกันร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ปล่อยเจ้าลิง เช็ดน้ำตาแล้วมองไปที่ใบหน้าอ่อนวัยของเจ้าลิงน้อยพลางถามว่า " เจ้าจำข้าได้หรือไม่? แล้วจำหงเย่ได้ด้วยหรือไม่?"

เจ้าลิงพยักหน้า ขอบตาสีเรื่อ จับมือของเธอแน่นไม่ยอมปล่อย

หยวนชิงหลิงรู้สึกเอ็นดูมาก ลูบแก้มน้อย ๆ ของมันแล้วพูดว่า "ข้าจะพาเจ้ากลับไปหาหงเย่ ดีหรือไม่ ? เขาไม่อาจปล่อยวางเจ้าลงได้เลย!"

เจ้าลิงร้องดังเจี๊ยก ๆ ๆ เสียงแหลม พยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย แสดงท่าทางตื่นเต้นดีใจสุดขีด กระโดดขึ้นไปซบบนไหล่ของเธอ เหมือนสัตว์นำโชคที่เป็นมาสคอตแสนสดใส

หยวนชิงหลิงหัวเราะอย่างมีความสุข

หยางหรูไห่ยิ้มแล้วเดินเข้ามาพูดว่า "สถานการณ์ของมันไม่เหมือนกับคุณหรอกนะ เจ้าลิงไม่จำเป็นต้องใช้สารยับยั้ง ในกระบวนการสร้างเซลล์สมองของมัน ผลของยาได้รับการเผาผลาญเกือบหมดแล้ว ตอนนี้มันฉลาดกว่าค่าเฉลี่ยของลิงธรรมดาตัวอื่น ๆ แล้ว แต่ส่วนต่าง ๆ ในร่างกายกับสมองจะค่อย ๆ เสถียรขึ้น ยกเว้นฉลาดกว่านิดหน่อย ก็จะไม่ต่างจากลิงทั่วไปมากนัก เซลล์สมองจะยังแบ่งและงอกใหม่ได้ช้า แต่นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับตอนนี้ ยังต้องเฝ้าสังเกตเป็นระยะ ภายในสามปีคุณต้องพามันกลับมารับการตรวจสอบหนึ่งครั้ง ที่จริงแล้วไม่พูดไม่ได้เลยว่า อันที่จริงยาของคุณมันได้ผลตั้งแต่ขั้นตอนแรกแล้ว สมองไม่ต้องพัฒนาถึงขีดสุด แค่จำเป็นต้องปรับปรุงเล็กน้อยจากตอนนี้ที่เป็นอยู่ ก็จะดีขึ้นมากแล้วล่ะ ยาที่คุณฉีดเข้าไปเองนั่นเป็นขั้นตอนที่สอง ดังนั้นสถานการณ์ของคุณมันเลยควบคุมไม่ได้”

มาตอนนี้หยวนชิงหลิงสามารถคิดเองจนเข้าใจได้ จึงพยักหน้าตอบรับแล้วพูดว่า "ยาที่ฉันพัฒนาขึ้นในระยะแรกตัวนั้น ที่จริงมันสามารถใช้สำหรับการรักษาทางคลินิกได้ ในด้านคลินิกเคิลมักเกิดภาวะสมองตายได้บ่อย แต่ผู้ป่วยโรคหัวใจที่ยังมีลมหายใจอยู่ ยาของฉันจะสามารถไปกระตุ้นปลุกการทำงานของสมองพวกเขาได้ ไม่ถึงขั้นควบคุมไม่ได้ แต่ผู้ป่วยแบบนี้มีไม่มาก อีกทั้งค่าใช้จ่ายเรื่องยาก็จะเพิ่มขึ้น ส่วนสิทธิบัตรสำหรับยาตัวนี้ อยู่ในโรงงานผลิตยาแห่งเดิมของฉัน”

หยางหรูไห่มองเธอแล้วพูดเบา ๆ ว่า “คุณวางใจเถอะ นี่ไม่ใช่ปัญหาอะไร มีเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่เคยบอกคุณมาก่อน มาถึงตอนนี้ฉันคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดบังซ่อนเร้นอีก บริษัทชีวเภสัชภัณฑ์เดิมที่คุณเคยทำงานให้ จริง ๆ แล้วสามีของฉันเป็นคนรับผิดชอบควบคุม เขาเคยติดต่อคุณผ่านเพื่อนมาก่อน หวังว่าคุณจะสามารถพัฒนายารักษาโรคมะเร็งได้ แต่คิดไม่ถึงว่า ประธานบริษัทก็เข้าหาคุณด้วยเหมือนกัน เขาบอกคุณเกี่ยวกับแผนงานนี้ ส่วนคุณก็ตอบตกลงไปแล้ว ตอนที่คุณเกิดเรื่อง สามีของฉันพูดอยู่ตลอดเลยว่าเขาเสียดายมาก ด้วยความสามารถของคุณ หากคุณมีส่วนร่วมในการวิจัยและพัฒนายาอื่น ๆ จะต้องประสบความสำเร็จอย่างมากแน่ เพราะอย่างนี้บริษัทเลยเกิดข้อพิพาทอันไม่พึงประสงค์ขึ้นมา แน่นอนว่า สาเหตุหนึ่งก็เพราะสามีของฉันเป็นคนที่มีอำนาจควบคุมบริษัทนี้อย่างแท้จริง ฉันถึงได้คอยติดตามใส่ใจคุณอย่างลับ ๆ ถึงขั้นช่วยเหลือคุณอย่างไม่มีเงื่อนไข พอคุณเกิดเรื่อง พวกเราย่อมไม่อาจผลักภาระไปให้คนอื่นได้ "

หยวนชิงหลิงตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง "ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เองหรอกเหรอ?"

“ ถูกต้อง สามีของฉันไม่เห็นด้วยกับการพัฒนายาตัวนี้มาโดยตลอด แต่ที่จริงก็บังเอิญได้เจอแจ็คพอตเข้าให้ ปรากฏว่ายาตัวนี้ยังมีประโยชน์อยู่ ” หยางหรูไห่พูดด้วยรอยยิ้ม

ในใจของหยวนชิงหลิงเกิดความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมด ตอนแรกเธอมีความทะเยอทะยาน คิดว่าตัวเองกำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง สามารถช่วยมนุษยชาติให้ก้าวล้ำหน้าขึ้นไปได้อย่างใหญ่หลวง แต่อันที่จริง วิถีทางของมนุษย์มักจะต้องก้าวไปข้างหน้าเพียงทีละก้าว ๆ เสมอ อารยธรรมและวิทยาศาสตร์จะต้องก้าวหน้าไปพร้อม ๆ กัน นั่นถึงจะเป็นความก้าวหน้าที่แท้จริง

ที่ซึ่งอารยธรรมยังไปไม่ถึง แต่วิทยาศาสตร์กลับก้าวหน้าไปแล้ว นี่ไม่นับว่าเป็นเรื่องดี

สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นเหตุและผล แต่ก็บอกอย่างชัดเจนไม่ได้ว่าสิ่งใดเป็นเหตุ สิ่งใดเป็นผล แต่วัฏจักรหนึ่งที่เป็นไปเช่นนี้ มันจะมีบริบทในทุกเรื่องราวอย่างชัดเจนในตัวของมัน

หยวนชิงหลิงเหมือนได้รู้เรื่องราวทั้งหมดในคราวเดียว หมุนวนกลับไปกลับมา ผสมผสานตัวเองเข้ากับอาชีพการงาน แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ดีเสมอไป

เจ้าลิงไม่ได้ถูกพากลับไปเป็นการชั่วคราว แต่ยังอยู่ในห้องทดลองเพื่อทำการทดสอบอีกระยะหนึ่ง รอให้ถึงเวลาที่จะเดินทางกลับ ค่อยมารับมันไปด้วย

ตอนที่เธอกำลังจะไป เจ้าลิงอาลัยอาวรณ์มาก แสดงให้เห็นถึงความผูกพันที่มีต่อเธออย่างลึกซึ้ง

เมื่อกลับไปคุยกับหยู่เหวินเห้า เขาก็พูดด้วยท่าทางลำพองใจว่า "ครั้งนี้ยังต้องกลัวว่าเหล่าหงจะหนีไปไหนได้อีกหรือไม่? เจ้ามีลิงอยู่ในมือ ต่อให้ข้าเรียกเขาว่าผู้คุมสัตว์ เขาก็จะยิ้มแป้นยื่นอกรับอย่างเต็มใจเชียวล่ะ"

“ เรียกเขาว่าผู้คุมสัตว์ นั่นไม่เท่ากับว่าใช้คนไม่สมกับความสามารถหรอกหรือ?” หยวนชิงหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน