แม่นางโจวตาขมึง “ข้าน้อยไม่กลัวสักนิดเพคะ กลัวแต่ชีวิตนี้จะไม่ได้พบกับคนคนนั้น”
อึดใจหนึ่งแล้วนางก็ถามขึ้น “นางเป็นคนเช่นไรเพคะ? ข้าน้อยจะพบนางได้หรือไม่เพคะ?”
หยวนชิงหลิงเอ่ย “ข้าตัดสินใจไม่ได้ ข้าไม่รู้ว่านางอยากพบเจ้าไหม แต่ข้าคิดว่าไม่จำเป็น เรื่องของเจ้ากับอ๋องเว่ยไม่เกี่ยวกับนาง อย่ารบกวนนางเลย”
แม่นางโจวคิดว่านางจงใจให้ลำบาก สีหน้าจึงเสียดแทงบางส่วน “นางไม่หวงแหนความสุข คนดีเช่นนั้น นางไม่ต้องการ ต่อไปนางต้องเสียใจแน่ ท่านทราบหรือไม่ว่ามีหญิงที่จวนเจียงเป่ยชอบท่านอ๋องเว่ยมากมายเพียงใด? เพื่อให้ได้พบหน้าสักครั้ง ยอมเฝ้าอยู่ภายใต้แดดแรงลมหนาวทั้งวัน รอท่านอ๋องเว่ยกลับมาจากค่ายหรือกลับมาจากภูเขา เห็นหน้าเขาครั้งหนึ่ง ก็พอให้ชื่นใจหนึ่งเดือน ความรู้สึกเช่นนี้เกรงว่าหญิงตระกูลสูงในเมืองหลวงอย่างพวกท่านคงไม่เข้าใจ”
นี่เป็นคำพวกที่เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู ทว่าหยวนชิงหลิงเพียงยิ้มชืด “บางทีข้าอาจไม่เข้าใจ แต่ข้ายังยืนยันคำเดิม อย่าไปรบกวนจิ้งเหอ เรื่องของพวกเจ้าไม่เกี่ยวกับนางสักนิด เดิมทีข้ายังอยากเตือนเจ้า แต่ในเมื่อเจ้ามีความมุ่งมั่นเช่นนี้ ข้าพูดไปก็เปล่าประโยชน์ เจ้าไปเถอะ!”
ใบหน้าแม่นางโจวมีความโกรธเคือง “นางเป็นอ่อนแอขนาดนั้น อะไรยังต้องให้พวกท่านปกป้อง คนเช่นนี้ คู่ควรให้ท่านอ๋องเว่ยชอบงั้นหรือ?”
หยวนชิงหลิงขมึงตึง “เจ้าชอบอ๋องเว่ย นางก็มีชีวิตที่ต้องการ ไยเจ้าต้องทำร้ายนางให้ได้? ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า กลับไปเถอะ!”
แม่นางโจวลุกขึ้นยืน เอ่ยเย็นชา “ดูท่าคนในเมืองหลวงคงเป็นเช่นนี้เหมือนกันหมด ไม่รู้จักรสชาติของชีวิต สนใจแต่หน้าตาลาภยศ ต่างความคิดมิอาจพูดคุย ขออภัย ทูลลา!”
ว่าแล้วนางก็สาวเท้ายาวออกไป
ลู่หยาที่อยู่ด้านข้างได้ฟังคำพูดนี้ของนางแล้วก็โกรธจัด เอ่ย “พระชายาเพคะ ท่านยอมนางได้อย่างไรเพคะ?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ปล่อยนางไปเถอะ พูดเลยเถิดไปถึงทัศนคุณค่าแล้ว ไม่มีอะไรต้องพูดอีก”
หยวนชิงหลิงเกรงว่านางจะไปหาจิ้งเหอ ดังนั้นจึงให้ทังหยางส่งคนตามไป ทังหยางให้หูหมิงไป ระยะนี้ที่หูหมิงติดตามฝึกวิชากับเขาก็ออกไปทำงานหลายครั้งแล้ว ค่อนข้างไว้ใจได้
หลังจากแม่นางโจวกลับไปได้ไม่นาน ในวังก็มีบัญชามา ให้รัชทายาทและพระชายาเข้าวังไปเข้าเฝ้า
ทังหยางเตรียมรถม้ารออยู่หน้าจวน ขณะที่ทั้งสองออกมาก็เห็นอ๋องเว่ยขี่ม้ากลับมา
ตะวันคล้อยไปทุกที แต่แสงตะวันยังแผดเผา ส่องบนผิวดำคล้ำของอ๋องเว่ย เมื่อเห็นหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงออกมา เขาจึงเรียก “ไปที่ใดหรือ?”
หยู่เหวินเห้ามองเขา “เข้าวัง วันนี้ท่านไปที่ใดมา?”
อ๋องเว่ยพลิกตัวลงจากม้า ก้าวยาวมาหา “ไปกรมการพระนครหาน้องเจ็ด ทำงานราชการนิดหน่อย”
หยู่เหวินเห้าตะลึง “ไปหาน้องเจ็ดทำงานราชการ? งานราชการอะไรหรือ?”
เขาพูดอย่างง่ายดาย “ถือเป็นงานราชการของน้องเจ็ด ให้เขาเอาทรัพย์สินทุกอย่างในชื่อข้าโอนให้จิ้งเหอ ที่นาและบ้านที่ได้มาก็ด้วย แล้วยังจวนอ๋องเว่ยของข้า ข้าไม่เอาทั้งนั้น ต่อไปกลับเมืองหลวงก็ขอพี่รองซุกหัวนอน”
หยวนชิงหลิงผงะเล็กน้อย ทรัพย์สินและกิจการของจวนอ๋องเว่ย ตอนที่ทะเลาะหย่าร้างก็แบ่งส่วนหนึ่งให้จิ้งเหอแล้ว แต่ได้ยินว่าสุดท้ายจิ้งเหอก็ไม่รับของของเขา ภายหลังทำผลงาน ก็ประทานให้เขาอีกจำนวนหนึ่ง เขาไม่แยแสสักนิด บัดนี้ยังจะยกให้หมดอีก นี่เขา...คิดจะอยู่ตัวลำพังจริงหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...