ทั้งสองคดีนี้ ผู้ตายเป็นเพียงสามัญชนธรรมดาเท่านั้น ไร้ซึ่งยศถาบรรดาศักดิ์ และไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับผู้ใด ซึ่งนับว่าเป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปเลยก็ว่าได้
ถ้าหากว่าต้องการที่จะฆ่าคนในหมู่บ้านโดยที่ไม่ให้บริเวณโดยรอบรับรู้ เช่นนั้นก็ต้องทำให้พวกเขาตายภายในพริบตาหรือตายอย่างไม่ส่งเสียงออกมา
ทั้งผลการพิสูจน์ศพยังพบว่าพวกเขาได้รับบาดแผลมาจากมีดทื่อ อีกทั้งในแต่ละศพยังไม่ได้เพียงแค่บาดแผลเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่ได้เกิดมาจากอาวุธมีคมอีกด้วย
หากเป็นเช่นนี้ในช่วงที่เริ่มลงมีดครั้งแรกเพื่อสังหารชีวิตพวกเขาก็น่าจะมีเวลามากพอที่จะส่งเสียงออกมาได้ แต่มันกลับไม่มี ถ้ากล่าวว่าลักษณะตัวบ้านเรือนของชาวบ้านอยู่ก็ไกลกันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในหมู่บ้านมีสภาพที่แออัดอย่างมาก จนแทบจะกลัวว่าต้องเสียที่ดินให้ผู้อื่นกันอยู่แล้ว
อีกอย่างตัวเรือนก็ไม่ได้ใหญ่มาก การที่มีการฆาตกรรมเกิดขึ้นข้างบ้านเรือนตัวเองแต่ไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องเลย นับว่าเป็นเรื่องประหลาดเกินไป
ส่าเอ๋อบอกว่าอีกฝ่ายมีดาบ แต่ว่าผู้ตายทั้งสองครอบครัวไม่ได้เสียชีวิตด้วยดาบ พิจารณาดูแล้วคำพูดของส่าเอ๋อจะใช้การไม่ได้
เขาถอนหายใจออกมาอย่างไม่ทันรู้ตัว
หยวนชิงหลิงขยับมือไปสัมผัสคอของเขาแล้วค่อยๆ ลูบไล้ไปยังคิ้วของเขา แล้วถามด้วยความสงสัย : “ท่านถอนหายใจหรือ?เป็นไรไปงั้นหรือ?”
หยู่เหวินเห้ารีบโอบนางแน่นขึ้น “ไม่มีอะไร แค่หวังให้เจ้าหายไวๆ ”
“โกหก!” เสียงของหยวนชิงหลิงเหือดแห้งแฝงด้วยความง่วง นางขยับร่างกายพลางพาดขาไปบนขาของเขา เสาะหาท่าที่สบายเหมาะจะไม่กดทับบาดแผลของนาง “ท่านมีเรื่องทุกข์ใจ เรื่องคดีสินะ?”
หยู่เหวินเห้าขยับมือลงไปค่อยๆ เคลื่อนเท้าข้างที่ได้รับบาดเจ็บของนางขยับขึ้นมาอยู่ท่าทางที่สะดวกยิ่งขึ้น
“เหตุใดเจ้าถึงได้ฉลาดเช่นนี้นะ?ใจข้าคิดสิ่งใดอยู่เจ้าก็รู้ได้”
“ใช่แล้ว ฉะนั้นท่านอย่าคิดที่จะปิดบังข้าเลย” หยวนชิงหลิงลืมตาขึ้น มองเขาด้วยความอยากรู้
“เล่าให้ข้าฟังเถอะ เผื่อว่าบางทีข้าอาจจะช่วยท่านได้”
หยู่เหวินเห้าจิ้มริมฝีปากของนางก่อนจะพูด : “สองคดีนี้ล้วนไม่มีเบาะแสใดหลงเหลือเลย กระทั่งฆาตกรใช้อาวุธอะไรก็ยังไม่ทราบ ราวกับว่าเป็นแค่การหยิบเอามีดทื่อทั่วไปมาไล่ทำร้ายผู้อื่นเท่านั้น”
“เป็นฝีมือคนไร้สติงั้นหรือ?” หยวนชิงหลิงถาม
“เหมือนเป็นฝีมือของคนไร้สติ แต่ว่าก็เป็นไปไม่ได้ เพราะว่ามันม่เหลือหลักฐานหรือเบาะแสใดๆ ไว้เลย ทั้งอาวุธสังหาร พยานผู้เห็นเหตุการณ์......ช่างเถอะ อย่าว่าแต่พยานผู้รู้เห็นเลย แม้แต่เสียงกรีดร้องยังไม่มีผู้ใดได้ยินเลย คนไร้สติไม่มีความสามารถที่จะวางแผนได้อย่างรอบคอบเช่นนี้เป็นแน่”
หยวนชิงหลิงรู้สึกแปลกใจอย่างมาก “บ้านเรือนของประชาชนอยู่ห่างกันหรือไม่?ถ้าบอกว่าเป็นการสังหารหมู่ ไม่มีทางที่จะไม่ส่งเสียงเลย”
“นี่จึงถือว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดที่สุด บ้านเรือนของประชาชนอยู่ใกล้กันมาก ทั้งระยะเวลาในการลงมือสังหารก็ไม่น้อย แต่ผู้ถูกทำร้ายกลับไม่ส่งเสียงร้องเลยสักนิด”
“นอกเสียจากว่าจะหมดสติไปก่อนแล้ว” หยวนชิงหลิงกล่าว
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “ไม่หรอก เพราะทั้งสองคดีนี้ มีเด็กทารกที่ยังชีวิตอยู่ ทั้งเด็กน้อยยังตื่นอยู่ ไม่เคยได้รับยานอนหลับใดๆ ทั้งสิ้น”
“เช่นนั้นก็น่าแปลกเกินไปแล้ว” หยวนชิงหลิงครุ่นคิด “หรือฆาตกรจะลงมือสังหารภายในมีดเดียว?แต่คนเยอะขนาดนี้ต่อให้จะเป็นการสังหารภายในมีดเดียว ก็ไม่สามารถที่จะสังหารคนจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้อยู่ดี”
“บนร่างกายของผู้ตายมีรอยบาดแผลมากมาย ไม่ได้ตายเพียงมีดเดียว” หยู่เหวินเห้าที่ไม่อยากพูดคุยเรื่องโหดเหี้ยมเช่นนี้กับนางในเวลากลางดึกเช่นนี้ เขาจึงเอื้อมมือไปลูบดวงตาของนางเบาๆ “เอาล่ะ ไม่พูดแล้วดีกว่า รีบนอนเถอะ”
“อ๋อ” หยวนชิงหลิงค่อยๆ หลับตาลงก่อนจะถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน : “แล้วท่านเคยเห็นศพหรือยัง?”
“ข้าไม่เคยเห็น แต่ว่าทั้งฝ่ายนิติเวชและฝ่ายชันสูตรศพ ต่างมีผลสรุปออกมาเช่นเดียวกัน”
หยวนชิงหลิงไม่มีความเข้าใจเรื่องการสืบสวนคดี และเมื่อเห็นว่าตัวเองไม่อาจช่วงสิ่งใดได้ จึงไม่ไถ่ถามต่อความอีก อีกทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะทำเขานอนไม่หลับอีกด้วย
ชายหนุ่มที่เข้าไปว่าราชกิจที่ท้องพระโรงล้วนเป็นผู้มีความกล้าหาญทั้งนั้น
เพราะไม่ว่าผ้าห่มจะอุ่นเพียงใด หญิงสาวใต้ผ้าห่มนั้นจะอ่อนโยนเพียงใด ในเวลาตีสามก็ต้องตื่นขึ้นมาเตรียมตัว
หยู่เหวินเห้าได้มีการสั่งให้คนนำชุดเสื้อผ้ามาจัดเตรียมเอาไว้ยังห้องข้างๆ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว เพื่อไม่ให้รบกวน พอเขาตื่นจึงมุ่งตรงไปยังอีกห้องหนึ่งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า พลางล้างหน้าทำความสะอาดต่างๆ
เป็นเพราะฤทธิ์จากยาที่หยวนชิงหลิงกินลงไป จึงทำให้นางหลับลึก แม้ในตอนที่เขาลุกออกไปนางก็ไม่รับรู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น
ก่อนที่หยู่เหวินเห้าจะออกเดินทางก็ได้เข้าสั่งการกับฉี่หลอ “เจ้าจงไปสั่งการในครัวให้ทำการเคี่ยวรังนก ในตอนที่พระชายาตื่นนอนให้นางทานจะดีที่สุด และจงจำไว้นมแพะที่ใช้ในการเคี่ยวจะต้องสดใหม่ที่สุด พระชายาไม่ชื่นชอบการทานอาหารรสหวาน ฉะนั้นพยายามใส่น้ำตาลให้น้อยที่สุด”
ฉี่หลอยิ้มรับเบาๆ “รับทราบเจ้าค่ะ ท่านอ๋องช่างเอาใจใส่จริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...