บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1492

คนของอ๋องชินเฟิงอันทำงานราชกิจเป็นเวลาหนึ่งเดือน กินอาหารของหมู่ตึกเหมยเป็นเวลาหนึ่งเดือน ที่จริงสมบัติที่ถูกชะลงมาบนภูเขานี้มีไม่มาก กระทั่งยังไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนสิบของสมบัติทั้งหมดที่ฝังลงไปกับศพด้วยซ้ำ แต่ว่า หากเปลี่ยนสิ่งของเหล่านี้เป็นเงิน ก็มีมูลค่าไม่น้อยทีเดียว

เพื่อเป็นการดูแลความรู้สึกของท่านหมิง อ๋องชินเฟิงอันได้ให้คนมาตีราคาและซื้อถึงหมู่ตึกเหมย เพราะว่ามีสมบัติไม่น้อยที่เป็นของในรัชสมัยของฮ่องเต้เซี่ยน มีมูลค่าต่อการเก็บสะสม ฉะนั้น ให้ราคาสูงมาก สมบัติทั้งหมดถูกขายออกไปจนหมด ไม่เหลือไว้สักชิ้น เมื่อคำนวณเป็นเงินแล้ว ได้หนึ่งล้านหนึ่งแสนตำลึง

ท่านหมิงได้ยิน ก็จิตใจเบิกบานขึ้นมาทันที หนึ่งล้านหนึ่งแสนตำลึง ถ้าแบ่งตามที่เคยสัญญากันไว้ก่อนหน้านี้ ตัวเองสามารถได้รับห้าแสนห้าหมื่นตำลึง

เจ้าของร้านได้เชิญผู้คุ้มกันมาช่วยขนส่งสมบัติ พอพวกเขาจากไปแล้ว ท่านหมิงก็เอาหนังสือสัญญาออกมา มองไปทางอ๋องชินเฟิงอันด้วยรอยยิ้มกริ่ม “ท่านลุง ควรให้หลานเท่าไหร่ ก็ให้เท่านั้นเถอะ”

อ๋องชินเฟิงอันพูดจาไม่คลุมเครือเลยแม้แต่น้อย เอ่ยว่า “เจ้าวางใจได้ ข้าย่อมทำตามที่พูด และมีหนังสือสัญญาเป็นหลักฐาน เจ้ารอก่อน ข้าขอแบ่งให้พวกเขาก่อน ค่อยมาแบ่งในส่วนของเจ้ากับข้า ”

ท่านหมิงได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกสงสัยมาก “ยังต้องแบ่งให้ใครอีก”

เหล่าผู้อาวุโสชุดดำต่างก็ก้าวออกมาพร้อมกันคนละหนึ่งก้าว ท่าทีน่าเกรงขาม เอ่ยขึ้นพร้อมกันว่า “พวกกระหม่อม”

ท่านหมิงมองเห็นคนนับร้อย และต่างก็เป็นองครักษ์ผู้ติดตาม เช่นนั้นก็เป็นเรื่องการให้ค่าแรงแล้ว ไม่เป็นไร จึงพูดขึ้นว่า “ได้ จ่ายให้พวกเขาก่อน”

แม้จะต้องเอาเงินหนึ่งแสนออกมาจ่ายเป็นค่าแรง ตัวเองก็ยังคงมีส่วนแบ่งอีกห้าแสนตำลึง เช่นนี้ก็ได้

แต่อ๋องชินเฟิงอันเอาตั๋วเงินที่มีมูลค่าสองหมื่นตำลึง แจกจ่ายลงไป คนละหนึ่งใบ

ท่านหมิงมึนงง รีบยื่นมือไปดึงอ๋องชินเฟิงอันเอาไว้ “ท่านลุง ทำไมจึงแบ่งให้มากเช่นนี้ ทุกคนต่างก็ได้หนึ่งหมื่นตำลึงหรือ”

อ๋องชินเฟิงอันพลางแจกตั๋วเงินพลางพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว พวกเขาลำบากตรากตรำทำงาน ย่อมต้องได้มากหน่อย พวกเราไม่ได้ออกแรงอะไร ก็แบ่งได้น้อยหน่อย หรือเจ้ามีข้อคิดเห็นอย่างนั้นหรือ”

ท่านหมิงแทบจะลมจับ เขาย่อมมีความคิดเห็นอย่างแน่นอน ทำไมเขาไม่มีความคิดเห็นเล่า

“แบ่งเช่นนี้ไม่ได้นะ”

อ๋องชินเฟิงอันเอาตั๋วเงินปึกใหญ่ส่งให้กับผู้อาวุโสแห่งองครักษ์เงาดำ ให้สัญญาณว่าให้เขาเป็นคนไปแจกจ่าย จากนั้นก็หันหน้ามามองท่านหมิง ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนน่านับถือพูดอย่างปรึกษาหารือว่า “เช่นนั้นตามความเห็นของเจ้า ควรจะแบ่งอย่างไรจึงจะดีเล่า พวกเราไปคุยกันตรงนั้นดีกว่า”

ดวงตาของท่านหมิงขุ่นมัว มองดูผู้อาวุโสที่สุดแห่งองครักษ์เงาดำกำลังแจกจ่ายตั๋วเงินอย่างรวดเร็ว ยังจะพูดอะไรอีก รอให้พูดจบแล้วเงินก็ถูกแบ่งจนหมดแล้ว

เขากล้ำกลืนความโมโหลงไป กำหนังสือสัญญาขึ้นมาโบกไปมา เอ่ยเสียงดุว่า “อย่าเพิ่งแบ่ง ท่านลุงดูหนังสือสัญญาก่อน เขียนไว้ชัดเจนแล้วว่าพวกเราแบ่งกันคนละครึ่ง ท่านจะแบ่งกับพวกเขา ก็เอาในส่วนของท่านแบ่ง ไม่สามารถแบ่งของข้าได้”

อ๋องชินเฟิงอันชี้ไปที่หนังสือสัญญา “ใช่แล้ว ก็ในส่วนของข้าให้เจ้าห้าส่วน นั่นก็คือหนึ่งครึ่ง ……”เขาหันหน้ากลับไปมองผู้อาวุโสแห่งองครักษ์เงาดำ “แบ่งกันหมดหรือยัง ยังเหลือเท่าไหร่ ”

ผู้อาวุโสแห่งองครักษ์เงาดำกำตั๋วเงินมูลค่าหนึ่งหมื่นตำลึงที่บางดุจปีกจักจั่นใบใหญ่ไม่กี่ใบเอาไว้ “หนึ่งแสนตำลึง แต่ว่าพี่หมันมีอำนาจในการตัดสินใจ นางควรจะได้เห้าหมื่นห้าพันตำลึง ยังเหลืออีกห้าพันตำลึง เป็นของท่าน ”

อ๋องชินเฟิงอันยิ้มจางๆ “ได้ เช่นนั้นข้ามีส่วนแบ่งห้าพันตำลึง ห้าพันตำลึงแบ่งกับหลานชายคนละครึ่ง เจ้าได้สองพันห้าร้อยตำลึง”

ท่านหมิงโมโหจนควันออกหู “สองพันห้าร้อยตำลึง เช่นนั้นข้าก็ขาดทุนกระทั่งค่าอาหารน่ะสิ”

อ๋องชินเฟิงอันค้อนให้เขาหนึ่งที จากนั้นก็ยิ้มจนหน้าบาน “ดูเจ้าพูดเข้า ข้าได้คำนวณให้เจ้าแล้ว ค่าข้าวค่าเนื้อในหนึ่งเดือนนี้ มากสุดเจ้าก็ใช้จ่ายไปแค่ประมาณหนึ่งพันตำลึง ยังได้เงินหนึ่งพันห้าร้อยตำลึงไปเปล่าๆ ไม่ได้เสียแรงอะไรเลย ได้เปล่าไม่ดีใจหรือ เจ้าลองออกไปถามดูด้านนอกนั่นสิว่ามีงานดีๆเช่นนี้ที่ไหน สามารถหาเงินหนึ่งพันห้าร้อยตำลึงได้ในเวลาเพียงเดือนเดียว ข้าวางแผนเรื่องนี้ เหนื่อยกายเหนื่อยใจก็หาได้แค่นี้มิใช่หรือ เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าจะเพิ่มให้เจ้าอีกห้าร้อยตำลึง ให้ครบสามพันตำลึง เหมาะสมแล้วกระมัง ”

ดวงตาของท่านหมิงขุ่นมัวอย่างถึงที่สุด สะอึกอึ้งจนพูดไม่ออกมาสักคำ ได้แต่มองเขายื่นตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงมาให้ด้วยตาปริบๆ จากนั้นก็หมุนตัวนำขบวนจากไปอย่างยิ่งใหญ่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน