คำก่นด่าสาปแช่งของซูหรูซวง ดังต่อเนื่องยาวนานเกือบครึ่งชั่วยาม นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ผิดไปจากปกติ คนรับใช้ในเรือนอู๋ซวงล้วนเห็นจนชินตาแล้ว ต่อให้เจ้าเมืองไม่มา ถ้าเมื่อไหร่ที่นางเจ็บปวดขึ้นมา นางก็จะก่นด่าสาปแช่งแบบนี้เหมือนกัน
รอจนนางด่าจนเหนื่อยแล้ว หญิงรับใช้ชราก็ก้าวขึ้นไปข้างหน้าแล้วพูดกล่อมว่า "ฮูหยิน ทำไมต้องทำร้ายตัวเองอย่างนี้ด้วย? ร่างกายของท่านสำคัญที่สุดนะเจ้าคะ"
ซูหรูซวงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรง นางใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีไปจนไม่เหลือแล้ว ดวงตาจ้องมองไปที่หลังคาอย่างว่างเปล่า ความโศกเศร้าหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจ “วันนี้เป็นวันที่เจ็ดของเทศกาลตรุษจีนแล้วหรือ?”
“เจ้าค่ะ!” หญิงรับใช้ชราตอบ
ใบหน้าของซูหรูซวงซีดเผือด "ใกล้วันที่สิบห้าแล้ว มันจะเริ่มทรมาทรกรรมข้าอีกแล้ว แต่ข้าขอยอมตายเสียยังดีกว่าต้องมาทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดอยู่แบบนี้"
หญิงรับใช้ชรารู้สึกทุกข์ใจมาก “ฮูหยินอย่าคิดอย่างนั้นสิเจ้าคะ แค่ความเจ็บปวดเพียงไม่กี่วัน ทน ๆ หน่อยประเดี๋ยวมันก็ผ่านไป หลายปีมานี้ ท่านก็ทนมันมาได้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ? "
“แค่ไม่กี่วัน? ทน ๆ เอาประเดี๋ยวก็ผ่านไป?” ดวงตาของซูหรูซวงดุร้ายกราดเกรี้ยวขึ้นมาทันที “นั่นเป็นเพราะว่าเจ้าไม่เคยได้รับเจ็บปวดแบบนี้มาก่อนน่ะสิ มันเป็นความผิดของหลิ่งเฟิ่งชิง ข้าเสียใจภายหลังจริง ๆ ที่ให้ท่านพี่ไปไล่ตามฆ่านาง ควรไปหานางให้เจอแล้วจับกลับมาขังไว้ ข้าเจ็บหนึ่งครั้ง ก็เอามีดดาบไปกรีดเฉือนนางสักพันสักหมื่นดาบหนึ่งครั้ง ให้นางเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าข้าเป็นพัน ๆ เท่าถึงจะดี!”
หญิงรับใช้ชรากุมมือนาง “ฮูหยินอย่าคิดอีกเลยเจ้าค่ะ คนก็ตายไปแล้ว ตอนนี้คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ท่านอย่าเอาแต่ทะเลาะกับท่านเจ้าเมืองอีกเลย ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา ความรู้สึกรักใคร่ผูกพันก็หายหมดไม่เหลือแล้ว "
ซูหรูซวงแค่นหัวเราะอย่างฝืดฝืน “เขาสูญสิ้นความรู้สึกรักใคร่ผูกพันต่อข้าไปตั้งนานแล้ว”
“แต่เขาก็คงไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อเหลิ่งเฟิ่งชิงเช่นกัน ไม่อย่างนั้น ตอนแรกเขาคงไม่ฆ่านางกับคนตระกูลเทียนซ่วนเพื่อท่านหรอก”
ซูหรูซวงเอียงหน้าไปด้านข้าง ถอนหายใจหนัก ๆ เฮือกหนึ่ง “ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยคิดว่าคงจะไม่มี แต่หลายปีที่ผ่านมา เจ้าก็คงเห็นแล้วว่าผู้หญิงที่เข้ามาในวังพวกนั้น รูปร่างหน้าตาแต่ละคนดูเหมือนเหลิ่งเฟิ่งชิงทั้งนั้น เขานึกเสียใจภายหลังขึ้นมาแล้ว เสียใจที่ฆ่าเหลิ่งเฟิ่งชิงเพื่อข้า”
นางจับมือของหญิงรับใช้ชรา แววตาหนักอึ้งเหมือนน้ำนิ่ง แต่กลับมีประกายที่แสดงความไม่ยินยอมฉายวาบ "อะเฉิน เหลิ่งเฟิ่งชิงดีกว่าข้าจริง ๆ น่ะรึ? เมื่อตอนที่ข้าได้เห็นนางตอนนั้น ข้ามักรู้สึกอยู่เสมอว่า นางไม่มีความอ่อนหวานนุ่มนวลของผู้หญิงอยู่เลย "
"นางจะดีไปกว่าท่านได้อย่างไร? นางเทียบไม่ได้แม้แต่เส้นผมสักเส้นของท่านด้วยซ้ำ"
“แต่ตอนนี้ข้าแก่ขนาดนี้แล้ว!” ซูหรูซวงสัมผัสใบหน้าตัวเอง พูดพึมพำอย่างจิตตก
หญิงรับใช้ชรายังคงพูดปลอบใจ "ถ้าเหลิ่งเฟิ่งชิงยังมีชีวิตอยู่ นางจะต้องแก่กว่าท่านแน่เจ้าค่ะ"
ซูหรูซวงพูดว่า “ข้าล่ะอยากเห็นจริง ๆ เลย อยากเห็นว่าตอนนี้นางจะมีสภาพเป็นเช่นไร แล้วก็อยากให้ท่านพี่ได้เห็นว่า สภาพของนางตอนนี้เป็นเช่นไรด้วย”
นางหลับตา คร่ำครวญกับตัวเองเสียงหนึ่ง “น่าเสียดาย กลับไม่ได้เห็นอีกต่อไปแล้ว”
น่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นอีกต่อไปแล้ว
นางเดินโซเซไปก้าวหนึ่ง ไต่ขึ้นไปจนถึงหน้ากระจกทองแดง ยื่นมือที่สั่นเทิ้มขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเอง นี่เป็นใบหน้าที่แม้แต่ตัวนางเองก็ยังรังเกียจเดียดฉันท์ นางนึกเสียใจภายหลังเหลือเกินแล้ว ตอนแรกไม่ควรฆ่าคนตระกูลเทียนซ่วนทิ้งจนหมดเลยจริง ๆ ถ้าเหลือไว้สักสองสามคน บางทีตอนนี้อาจมีความเป็นไปได้ ว่าพอจะมีโอกาสฟื้นคืนสู่ความอ่อนเยาว์อีกครั้ง
งานเลี้ยงวันเกิดของเหยี้ยนจือหยูแบ่งจัดขึ้นเป็นสามวัน ในวันแรกและวันที่สอง จะเป็นงานเลี้ยงที่เชิญบรรดาคนร่ำรวยและมีอำนาจ จอมยุทธ์ยอดฝีมือในยุทธภพ ญาติและเพื่อนฝูงที่สนิทสนมกัน เรียกว่ารวบรวมชนชั้นสูงและผู้แข็งแกร่งทั้งหมดที่มีเส้นสายต่อกัน
ส่วนวันที่สาม เป็นงานเลี้ยงแบบเปิดกลางแจ้ง ผู้คนในเมืองล้วนมาร่วมโต๊ะได้ โต๊ะเหล่านี้จะจัดไว้ที่จำนวนสามร้อยโต๊ะ ใครมาก่อนได้นั่งก่อน ใครมาช้า หากไม่มีที่นั่งแล้วก็คือไม่มีแล้ว
ในวังล้วนยุ่งวุ่นวายอย่างมาก เหยี้ยนจือหยูนำขุนนางของเมืองเฟิงตูออกมาต้อนรับแขก
เขายังส่งคนไปให้คอยจับตาแขกผู้มาเยือนจากเมืองหลวงด้วย รู้ว่าพวกเขาจะมาถึงเมืองเฟิงตูใน วันนี้ เขาได้เตรียมการไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว มีการคุ้มกันแน่นหนาที่ประตูเมือง รวมถึงในตัวเมืองก็มีการคุ้มกันไว้แล้วเช่นกัน เขาไม่ออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง แต่จะส่งขุนนางให้ออกหน้าแทน ให้พวกเขารับหน้าให้ดี จนวันที่สาม ค่อยเชิญพวกเขามากินข้าวในงานเลี้ยง
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ แขกที่มาจากเมืองหลวง ไม่ใช่แขกผู้มีเกียรติของเขา
แน่นอนว่าเหยี้ยนจือหยูไม่ได้โง่ การดูถูกอ๋องชินเฟิงอันกับราชบุตรเขยเหลิ่งแบบนี้ นอกจากจะเป็นการตัดไม้ข่มนามราชสำนักแล้ว ยังต้องการทดสอบความอดทนของราชสำนักที่มีต่อเขาด้วย แน่นอนว่า ยังมีเป้าหมายสำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นคือจงใจยั่วโมโหราชสำนัก ยั่วยุให้เกิดความขุ่นเคือง เพราะนั่นจะเป็นการสะดวกเมื่อจะโยนความผิดเรื่องการเผาสุสานของตระกูลเทียนซ่วนไปให้ราชสำนักได้
ดังนั้น ในตอนที่คนของราชสำนักเข้ามาในเมือง เขาจึงสั่งให้ขุนนางไปต้อนรับพวกของอ๋องชินเฟิงอันให้ไปพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมขนาดเล็กในเมือง จากนั้นก็ไปต้อนรับแขกระดับสูงต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...