เพราะวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเจ้าเมือง ย่อมไม่ควรให้เกิดการนองเลือด ดังนั้น ถึงแม้ทุกคนจะชักดาบออกมา แต่ก็ไม่มีใครลงมือฆ่าหมาป่าก่อน
ดวงตาของเหยี้ยนจือหยูหนักอึ้ง ฝูงหมาป่า? มีสายลับมารายงานว่า อ๋องชินเฟิงอันพาฝูงหมาป่ามากับเขาด้วย
พวกเขากล้าบุกเข้ามาในวังประจำเมืองตรง ๆ ได้อย่างไร?
เขายกจอกเหล้า สีหน้านิ่งสงบ อารมณ์มั่นคงหนักแน่นในระดับที่ ต่อให้ภูเขาไท่ซานมาถล่มลงตรงหน้าเขาก็หน้าไม่เปลี่ยนสี หลังจากที่หมาป่าเข้ามา พวกมันก็ยืนเรียงกันเป็นสองแถว จ้องมองไปที่ผู้คนที่อยู่ตรงหน้าอย่างดุดันกระหายเลือด
“ท่านเจ้าเมือง ท่านเจ้าเมือง พวกเขาฝืนบุกเข้ามาในงาน.....” คนเฝ้าประตูตะโกนมาจากที่ไกลๆ แต่กลับไม่เห็นคน เสียงนั้นอยู่ไกลมาก แต่บรรดาคนที่ราชสำนักส่งมา กลับสาวเท้าเข้ามาข้างในก่อนแล้ว
สองคนที่เดินอยู่ข้างหน้า เขาเคยได้พบมาก่อน เป็นอ๋องชินเฟิงอันสามีภรรยา ในตอนนั้น พวกเขามาตามตรวจสอบเรื่องของตระกูลเทียนซ่วน แต่ถูกเขาหลอกปั่นหัวกลับไป แม้ว่ามันจะเป็นความสัมพันธ์ที่ได้เจอกันแค่ครั้งเดียว แต่วิธีการตรวจสอบนั้นน่าตกตะลึงอย่างยิ่ง เขาย่อมจดจำใบหน้าของพวกเขาได้
ติดอยู่แค่ ทำไมทั้งที่เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว พวกเขากลับยังดูไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปมากมายเท่าไรเลย?
ที่ด้านหลังของอ๋องชินเฟิงอันสามีภรรยา มีกลุ่มชายชราชุดดำหลายสิบคนตามมาด้วย ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นทหารองครักษ์ของพวกเขา สีหน้าของเจ้านายไม่ได้มีอะไรน่ากังวลใจ แต่กลุ่มชายชราในชุดดำพวกนั้น ทันทีที่เข้ามาแล้วเงยหน้าขึ้น สีหน้าแววตาเย็นชาดุดัน ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจอย่างมาก
เขายังคงไม่ลุกขึ้นยืนเหมือนเดิม ใบหน้ายังประดับด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาเย็นชา ในใจมีแผนรองรับไว้แล้ว รอจนพวกเขาเดินมาถึงขั้นบันได ค่อยลุกขึ้นทักทายก็ยังไม่สาย นี่คือความคิดที่จะเอามาใช้รับมือของเขา
แต่แล้ว อ๋องชินเฟิงอันสามีภรรยยากลับไม่ได้เหยียบเท้าขึ้นบันได แต่กลับนั่งลงพร้อมกับกลุ่มชายชราชุดดำบนเก้าอี้ของแขกที่ยืนขึ้นคารวะจอกเหล้า เรียกว่าเป็นการบีบพวกเขาออกจากที่นั่งแบบหน้าด้าน ๆ แล้วล้วงตะเกียบที่แต่ละคนพกมากันเองออกมา แล้วเริ่มกินอาหารเข้าไป ทำเหมือนกับว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ทำเอาทุกคนตกใจไปตาม ๆ กัน
ระหว่างที่พวกเขานั่งลงกินข้าวก่อนแล้ว คนด้านหลังเขาก็ค่อย ๆ เดินออกมา
มีคนสองคนท่ามกลางฝูงชนที่คลาคล่ำ ค่อย ๆ เดินเข้ามาอย่างช้าๆ
ชายผู้นั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีขาวเรียบ ๆ เส้นผมดำขลับราวน้ำหมึก แววตาเหมือนสระน้ำลึกสองสระ ทำให้คนรอบข้างมองอารมณ์ของเขาไม่ออก ใบหน้าเหมือนแกะสลักมาจากมีดของช่างฝีมือชั้นยอด ทุกส่วนทุกจุดช่างเหมาะสมลงตัว ชายหนุ่มที่รูปงามเช่นนี้ หาได้ยากมากในใต้หล้า
แต่ใบหน้าที่คุ้นเคย แต่ก็แปลกหน้าดวงนี้ กลับทำให้ร่างกายของเหยี้ยนจือหยูเย็นเฉียบแข็งทื่อเป็นท่อนไม้
“เหลิ่งเฟิ่งชิง!”
เป็นเสียงของซูหรูซวงที่กรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก นางผุดลุกขึ้นยืนทันที จอกเหล้าจานชามร่วงตกลงไปบนพื้น ระหว่างเสียงแตกดังเพล้ง ๆ ดังสนั่น เหยี้ยนจือหยูก็ค่อย ๆ เลื่อนสายตาไปที่เงาร่างข้าง ๆ ร่างกายนั้นทั้งผอมบางและซีดเซียว แต่กลับไม่สามารถซ่อนความเย็นชาแต่สง่างามของหญิงสาวคนนั้นได้ แววตาของนางลุกโชนดั่งเปลวเพลิงอันร้อนแรง เปลวเพลิงแห่งความเคียดแค้นที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งให้มอดไหม้
สามสิบหกปี ทุกฤดูกาลที่ผ่านพ้นไป ทั้งผลิร้อนฝนหนาวเป็นเวลาสามสิบหกปีเต็ม นับตั้งแต่วันที่นางตายไป สิทธิ์ขาดอำนาจทั้งหมดของเมืองเฟิงตู ก็ตกมาอยู่ในมือของเขาอย่างแท้จริง
เมื่อคนของตระกูลเทียนซ่วนตายจนหมดไม่มีเหลือ เขาถึงจะสามารถวางใจได้
เมื่อมองย้อนกลับไปในตอนแรก เขาคิดว่าทุกสิ่งที่ตัวเองทำลงไปก็เพื่อซูหรูซวง ความรักที่เขามีต่อซูหรูซวง ทำให้เขาวางแผนสมรู้ร่วมคิดทั้งหมดนั่นโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
จนกระทั่งคนในตระกูลเทียนซ่วนตายไปจนหมด ใจที่เริ่มปลอดโปร่งจึงเริ่มเผยให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของเขา นั่นเองที่ทำให้เขาเข้าใจว่า มันไม่ได้เป็นแค่เพราะซูหรูซวงหรอก ที่มากไปกว่านั้นคือ เพื่อจะให้ตระกูลเทียนซ่วนสูญสลายหายไปจากเมืองเฟิงตูต่างหาก เพื่อที่เขาจะได้ยึดอำนาจในเมืองเฟิงตูมาเป็นของตัวเองได้อย่างแท้จริง
ท่านอาจารย์ถามเขาว่า เขาเสียใจในภายหลังหรือไม่ที่ฆ่าเหลิ่งเฟิ่งชิง ? ฆ่าคนตระกูลเทียนซ่วน เขาไม่เคยเต็มใจที่จะยอมรับ เอาแต่หลอกตัวเองต่อไป แต่มาถึงตอนนี้ ตอนที่เหลิ่งเฟิ่งชิงที่น่าจะตายไปตั้งแต่เมื่อสามสิบหกปีก่อน มาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง เขาไม่อาจไม่ยอมรับว่า เขาเสียใจในภายหลังเหลือเกินแล้ว
ความสามารถของคนที่ตายไปแล้วแต่ไม่อาจกำจัดชื่อเสียงอันฉกาจฉกรรจ์ได้นั้น เป็นอะไรที่ไม่อาจคาดเดา ถึงขั้นไม่อาจประเมินค่าได้เลยจริง ๆ เป็นเพราะตอนแรกเหลิ่งเฟิ่งชิงรักเขาอย่างสุดซึ้ง การจะให้นางช่วยเปลี่ยนตำแหน่งให้เขา ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ความสำเร็จอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้วจริง ๆ
น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขายังเด็กเกินไป ถ้าเปลี่ยนให้เขาตัดสินใจเลือกในวันนี้ ไม่มีทางที่เขาจะตัดสินใจแบบเดิมแน่
ดวงตาสี่ข้างสบประสาน กลิ่นอายพร้อมรบปะทุเหมือนมีดินระเบิดอยู่กลางอากาศ รุนแรงมากจนทุกคนสามารถสัมผัสได้ และคำเรียกชื่อที่ซูหรูซวงเรียกเหลิ่งเฟิ่งชิงคำนั้น ก็ทำให้แขกทุกคนที่อยู่ในงานพากันตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
เหลิ่งเฟิ่งชิง ยังไม่ตายจริง ๆ รึ?
ซูหรูซวงที่ร่างกายอ่อนแอ เดิมทีแค่จะเดินก็ต้องพึ่งคนอื่นให้ช่วยพยุง ทันทีที่นางเห็นเหลิ่งเฟิ่งชิง ชั่วพริบตานั้น นางก็มีเรี่ยวแรงมหาศาลราวได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเซียนมอบให้ ใช้มือข้างหนึ่งผลักโต๊ะที่อยู่ข้างหน้า จ้องไปที่เหลิ่งเฟิ่งชิงอย่างโกรธจัด "เจ้าเป็นคนหรือว่าผี? เจ้าเป็นคนหรือว่าผีกันแน่? ทำไมเจ้าถึงไม่แก่ ?"
เหลิ่งเฟิ่งชิงกลับไม่แม้แต่จะชายตามองนาง แค่หลุบตาลงช้า ๆ แล้วหันไปพูดกับท่านชายสี่ว่า "ลูกแม่ เป็นเหยี้ยนจือหยูคนนี้นี่ล่ะ ที่ฆ่าทุกคนในตระกูลเทียนซ่วนจนหมด หากเจ้าต้องการจะแก้แค้นแทนคนในตระกูลเทียนซ่วนและแม่ ก็ฆ่าเขาเสียเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...