บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1530

พวกของท่านชายสี่เหลิ่งอาศัยจังหวะที่เหยี้ยนจือหยูยังไม่มีความช่วยเหลือจากภายนอก เข้าควบคุมวังประจำเมือง ซึ่งเรียกว่าเป็นเรื่องง่ายดายราวพลิกฝ่ามือเลยทีเดียว

ก่อนที่ทัพใหญ่จะออกเดินทาง พระชายาได้ส่งคนมาที่เมืองเฟิงตูแล้ว ให้ลอบปะปนเข้าไปในสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะหน่วยองครักษ์ในเมืองกับกองทัพ วางยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้าลงในอาหาร คำนวณน้ำหนักปริมาณให้ดี เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพิษนั้นจะออกฤทธิ์ในวันนี้

อย่างน้อยภายในวันพรุ่งนี้ เหยี้ยนจือหยูจะต้องไม่มีโอกาสรอจนมีคนมาช่วยได้ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองวันในการที่ร่างกายจะขจัดพิษได้หมด ในช่วงสองวันนี้ พวกเขาจะมีอาการท้องเสียอย่างหนัก ร่างกายอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง แม้จะรู้ว่าที่นี่มีเรื่องร้าย ก็ไร้กำลังมาช่วยอยู่ดี

รอจนพวกเขาฟื้นตัวกลับมาแข็งแรง เหยี้ยนจือหยูก็คงจะหมดลมหายใจไปนานแล้ว

อ๋องชินเฟิงอันกับท่านชายสี่ควบคุมวังของเมืองได้อย่างหมดจด ควบคุมตัวเหยี้ยนจือหยูสามีภรรยา มัดพวกเขาสองคนไว้ ทั้งยังหยุดเลือดที่ไหลให้ด้วย

เหยี้ยนจือหยู่มองตัวเองสูงส่งมานานหลายปี นั่นเป็นเพราะเมืองเฟิงตูนั้นร่ำรวยมั่งคั่ง เขาสามารถซื้อคนจำนวนมากด้วยเงิน ได้รับคำชื่นชมสรรเสริญจากทุกฝ่าย ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน นั่นเป็นเพราะว่า เขายังไม่เคยสู้กับของจริง ที่แล้วมาพวกที่เคยเจอก็แค่ระดับอันธพาล ชนเผ่าเล็ก ๆ ที่มีขนาดเล็กกระจิดริด การที่เขาสามารถเอาชนะได้ ไม่ใช่เพราะเขามีความสามารถ แต่เป็นเพราะศัตรูอ่อนแอเกินไปต่างหาก

เมื่อเทียบกับคนในราชสำนักแล้ว เขาก็เป็นเหมือนอันธพาลที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝน อ่อนแอไม่ครนามืออะไรเลย

ท่านชายสี่สั่งให้คนมัดพวกเขาสองคนไว้ แล้วเอาไปขังไว้ที่ห้องโถงหลัก เหยี้ยนจือหยูเห็นเศษซากอาคารพังกระจายไปทั่วพื้น ความโกรธเกรี้ยวก็ปะทุขึ้นในส่วนลึกของหัวใจ นี่เป็นวันเกิดของเขา แต่คนที่บุกมาทำลายจนย่อยยับ กลับเป็นลูกชายแท้ ๆ ของเขาเอง

สิ่งนี้ทำให้เหยี้ยนจือหยูยอมรับไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทั้งที่วันนี้มีจอมยุทธ์ยอดฝีมือมากมายอยู่ในงานด้วยแท้ ๆ ยังแทบไม่เกิดฉากการต่อสู้ที่สูสีดุเดือดขึ้นเลยด้วยซ้ำ ตัวเองก็ต้องพ่ายแพ้อย่างอเนจอนาถเสียแล้ว เขาไม่เต็มใจให้มันจบลงแบบนี้เลยจริง ๆ!

ท่านชายสี่พยุงเหลิ่งเฟิ่งชิงมายืนตรงหน้าพวกเขาสามีภรรยา เหลิ่งเฟิ่งชิงทิ้งสายตาลงมองดูสภาพยับเยินแต่ยังไม่ยินยอมของทั้งคู่ นางทั้งโกรธแค้นทั้งเศร้าโศก หากฆ่าพวกเขาเสีย ก็จะนับได้ว่าเป็นการแก้แค้นครั้งใหญ่ สามารถปลอบประโลมวิญญาณของคนตระกูลเทียนซ่วนที่ต้องตายไปได้

แต่นางจะปล่อยให้คนพวกนี้ตายง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน?

“พวกเจ้าต้องการอะไรกันแน่?” เหยี้ยนจือหยูมองเหลิ่งเฟิ่งชิง ร้องถามอย่างโกรธเคือง

“ต้องการให้พวกเจ้าตาย!” เหลิ่งเฟิ่งชิงจ้องเขาเขม็ง ความเกลียดชังในดวงตายังคงพลุ่งพล่าน เกลียดจนแทบยั้งใจไม่ไหว อยากจะฉีกกระชากเนื้อคนตรงหน้า แล้วกลืนลงไปทั้งเป็น

ชุดคลุมสีเหลืองที่ใส่อยู่บนร่างของเหยี้ยนจือหยู เวลานี้ถูกมัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา มีสภาพราวกับงูหลามยักษ์ที่ยังเป็น ๆ ถูกมัดไว้ แสดงท่าทางที่บิดเบี้ยวและดุร้าย เขาแค่นยิ้มเย้ยหยันเย็นชา “ที่แท้ก็แค่นี้ อยากฆ่าก็ฆ่าเลย ทำไมต้องมาทำเป็นมีลับลมคมในให้ยุ่งยาก? เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวความตายรึ? คิดว่าข้าจะร้องขอความเมตตา? อย่าฝันไปหน่อยเลย สามสิบหกปีแล้ว ข้าเหยี้ยนจือหยูได้รับพรทุกประการในชีวิตมาหมดแล้ว ต่อให้ต้องตายก็ไม่มีอะไรให้เสียใจ!”

ซูหรูซวงก็หัวเราะลั่น “ข้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่มาตั้งนานแล้ว ข้าอยากตายมาตั้งนานแล้ว เจ้าฆ่าข้าซะเลยสิ! เหลิ่งเฟิ่งชิง ตลอดมาข้าเอาแต่รอให้วิญญาณของเจ้ากลับมาทวงหนี้ชีวิตอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ข้ารอมาสามสิบหกปีแล้ว เจ้ารีบฆ่าข้าซะเลยสิ!”

หลังจากที่นางตะโกนจบ ก็หันไปหัวเราะด้วยเสียงแปลกประหลาดใส่เหยี้ยนจือหยู เป็นเสียงหัวเราะที่ดูชั่วร้ายราวกับปีศาจเลยทีเดียว "สุดท้าย คนที่ต้องตายเป็นเพื่อนเจ้าก็ยังเป็นข้า เจ้าซึ่งชิงชังรังเกียจข้ามาเป็นเวลาสามสิบปี ผลสุดท้าย พวกเราก็ยังต้องตายด้วยกัน"

แววตาของเหยี้ยนจือหยู่เย็นชา "หุบปาก!"

ซูหรูซวงไม่ได้หุบปาก แต่กลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งยิ่งขึ้น เลือดยังไหลออกจากดวงตาของนางไม่หยุด เป็นภาพที่น่าสยดสยองเกินบรรยาย "ฮ่า ๆ ๆ ท่านพี่ ช่างสาแก่ใจข้ายิ่งนัก มีเจ้าไปตายเป็นเพื่อน ข้าสาแก่ใจยิ่งนัก!”

เหลิ่งเฟิ่งชิงมองนาง ไร้วี่แววเห็นอกเห็นใจ พูดว่า "ซูหรูซวง เจ้าตายไม่ได้หรอก ในร่างของเจ้ามีพลังของหินญาณสวรรค์อยู่หินญาณสวรรค์จะกักขังจิตสำนึกกับวิญญาณของเจ้าเอาไว้ในร่าง ต่อให้ข้าฆ่าเจ้า เจ้าก็จะไม่ตาย เจ้าทำได้เพียงเฝ้ามองดูร่างกายของตัวเองค่อย ๆ เน่าเปื่อยไป มีหนอนชอนไช ต้องรอไปจนกว่าพลังของหินญาณสวรรค์จะสลายไปจนหมด เจ้าถึงจะตายได้ ดังนั้น ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า เจ้าก็จงเพลิดเพลินไปกับการอดทนรับความเจ็บปวดอย่างช้า ๆ ไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของเจ้าแล้วกัน"

“ไม่!” ซูหรูซวงแผดเสียงร้องตะโกนดังลั่น ดิ้นรนจนสุดกำลัง เก้าอี้ถูกนางที่ดิ้นรนลากจนล้มลงไปกับพื้น นางพยายามใช้เท้าเตะเหลิ่งเฟิ่งชิง แต่ติดที่นางถูกมัดหัวเข่าไว้ จึงไม่สามารถใช้กำลังได้แม้แต่น้อย มีสภาพเหมือนไก่รอโดนเชือด ได้แต่กระทืบเท้าเร่า ๆ “เหลิ่งเฟิ่งชิง เจ้าเป็นคนตระกูลเทียนซ่วน เจ้าฆ่าข้าได้แน่ เจ้าฆ่าข้าซะสิ...…”

นางกรีดร้องเหมือนหมูถูกเชือด แต่กลับไม่มีใครสนใจนางเลย

เหยี้ยนจือหยูยกยิ้มด้วยสีหน้ามืดมน ยังคงมองตรงไปที่เหลิ่งเฟิ่งชิง "ขอบคุณเจ้ามาก ที่ไม่ปล่อยให้นางผู้หญิงสารพัดพิษคนนี้ไปตายพร้อมข้า"

เหลิ่งเฟิ่งชิงนั่งลงช้า ๆ วางมือทั้งสองข้างลงบนที่เท้าแขนของเก้าอี้ มองไปที่เหยี้ยนจือหยูแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "ถึงแม้ข้าจะอยากฆ่าเจ้า แต่ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าในตอนนี้ คนเราหลังจากตายไป ก็ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นแล้ว ดูจะปล่อยให้เจ้าสบายเกินไป ปล่อยให้เจ้าตายไปง่าย ๆ แบบนี้ วิญญาณของคนตระกูลเทียนซ่วนนับร้อยที่ตายไปคงไม่เห็นด้วยแน่! เหยี้ยนจือหยู ข้าจะให้เจ้าต้องอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส อยากอยู่ก็ไม่ได้อยู่ อยากตายก็ไม่ได้ตาย!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน