บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1532

คนของสำนักเหลิ่งหลังลากตัวเหยี้ยนจือหยูกับซูหรูซวงออกไป ซูหรูซวงเอาแต่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ราวกับหญิงชราที่ฟั่นเฟือนเสียสติไปแล้ว

เหลิ่งเฟิ่งชิงมองดูพวกเขาถูกลากออกไป แต่ภาพที่ผุดขึ้นตรงหน้าของนาง กลับเป็นภาพฉากที่เหยี้ยนจือหยูพานางไปที่เตียงของซูหรูซวง ได้ยินคำพูดที่ชั่วร้ายอำมหิตของนาง ราวกับทุกอย่างผ่านไปแค่เพียงพริบตา ซูหรูซวงผู้อ่อนแอบอบบางดั่งบุพผางามคนนั้น ก็กลายเป็นหญิงชราที่บ้าคลั่งเสียสติคนนี้ไปแล้ว ทำให้นางรู้สึกเหมือนว่าทุกอย่างที่ผ่านมา เป็นดั่งความฝันแค่ฉากหนึ่งเท่านั้น

หลังจากเข้ายึดเมืองเฟิงตูแล้ว อ๋องชินเฟิงอันก็ทำการแต่งตั้งรูปแบบการปกครองใหม่ นั่นคือเมืองเฟิงตูจะไม่มีตำแหน่งเจ้าผู้ครองเมืองอีกต่อไป แต่จะเชิญคนของราชสำนักกับเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกคัดเลือกมาจากบุคคลที่เหมาะสม เพื่อมาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลเมือง เพื่อให้เมืองเฟิงตูไม่เป็นเหมือนอย่างแต่ก่อน ที่ปกครองตนเองแบบเอกเทศ ต้องทำให้เหมือนกับเมืองอื่น คืออยู่ภายใต้การบริหารแบบครบวงจรของราชสำนัก

อ๋องชินเฟิงอันยังเขียนจดหมายอีกฉบับหนึ่ง ส่งให้กับฮ่องเต้หยู่เหวินเห้า เขาแนะนำคนผู้หนึ่งให้มาดำรงตำแหน่งเป็นผู้ดูแลเมืองเฟิงตู แต่เขาแค่ทำการแนะนำกับเสนอชื่อให้เท่านั้น หากฝ่าบาทมีคนที่เหมาะสมเป็นตัวเลือกอยู่แล้ว ก็สามารถปัดตกคำแนะนำของเขาได้

นอกจากนี้ ยังมีเศษซากของพรรคพวกที่รอดตายของเหยี้ยนจือหยู ทยอยปรากฏตัวออกมาทีละคน ๆ

แต่ครั้งนี้อ๋องชินเฟิงอันพาคนมามากมายขนาดนี้ ทั้งยังส่งหมาป่าหิมะ เสือขนทอง กับหมาป่าสีเทามาด้วย ก็เพื่อปราบปรามกองกำลังที่ยังหลงเหลือทั้งหมดให้ราบคาบ ให้เมืองเฟิงตูกลับคืนสู่ราชสำนัก ล้อมปราบครึ่งเดือน เพื่อกำจัดฐานรากทั้งหมด

ลู่หยวนถือป้ายคำสั่งของอ๋องชินเฟิงอัน ส่งกำลังทหารห้าพันนายตรงไปยังบริเวณใกล้เคียง คอยคุ้มครองเมืองเฟิงตู ป้องกันการฟื้นคืนของพวกที่ยังเหลือรอดที่รอจังหวะกลับมาโจมตี

ท่านชายสี่ทุ่มทุนไม่อั้น ย้ายสุสานของตระกูลเทียนซ่วนไปที่ใหม่ ที่นี่เป็นจุดที่เหยี้ยนจือหยูเลือก ซึ่งอยู่ใกล้ที่ทิ้งขยะ เขาไม่ต้องการให้คนตระกูลเทียนซ่วนพักผ่อนที่นี่

มาถึงเมืองเฟิงตูได้ราว ๆ หนึ่งเดือน กองทัพก็เตรียมเดินทางกลับเมืองหลวง

ก่อนออกเดินทาง หรงเยว่แวะไปดูน้ำหน้าเหยี้ยนจือหยูกับซูหรูซวง เมื่อเห็นว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในเล้าหมู มีชีวิตที่ตกต่ำชนิดอยู่ไม่สู้ตาย ในใจของนางค่อยรู้สึกคลายความโกรธแค้นชิงชังลงไปได้บ้าง

นางไม่ได้บอกท่านชายสี่กับท่านป้าเหลิ่ง เพราะดูเหมือนพวกเขาคงจะลืมไปแล้วว่าเหยี้ยนจือหยูคือใคร วันเวลาที่อยู่ในเมืองเฟิงตู ท่านอ๋องสามีภรรยาได้เก็บกู้ดินแดนที่สูญเสียไปคืนมาได้ เวลาที่พวกเขาแม่ลูกออกไปเดินเล่น หลังจากที่ผู้คนรู้ถึงตัวตนของนาง ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหน ก็มักจะพบกับสายตาของผู้คนที่มองพวกเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ กับความชื่นชมยกย่อง เป็นการแสดงความรู้สึกถึงการมีอยู่ของพวกเขา

แต่หรงเยว่ก็รู้ดีว่า ในใจของพวกเขา อย่างน้อยเหยี้ยนจือหยูก็จะกลายเป็นเงาดำอันชั่วร้ายเงาหนึ่ง ที่ปกคลุมในใจของพวกเขาไปอีกนาน

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นแล้วอย่างไรล่ะ? ตอนนี้ท่านป้าเหลิ่งมีความสุขมาก มีลูกมีหลานอยู่ร่วมในบ้านหลังเดียวกัน

หลังจากออกเดินทาง หรงเยว่ก็ส่งนกพิราบสื่อสารมาแจ้งข่าวให้หยวนชิงหลิงรู้ บอกว่าทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ด้วยดี แม้ว่าคนที่สมควรตายจะยังไม่ตาย แต่ก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดีอะไร

ที่เมืองหลวง หยวนชิงหลิงได้รับพิราบสื่อสารจากหรงเยว่ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่าจะยังรู้สึกพะวักพะวนไม่สบายใจอยู่ แต่ก็สามารถชิงเอาทุกอย่างจากเหยี้ยนจือหยูมาได้แล้ว แม้กระทั่งศักดิ์ศรีของความเป็นคนก็ยังชิงมาด้วย นี่ล่ะคือผลกรรมที่หนักหนาที่สุดแล้ว

ทางเจ้าห้าก็ได้รับสมุดบันทึกบัญชีแล้วเช่นกัน ช่วงค่ำเมื่อกลับมาถึงตำหนักเซี่ยวเยว่ ก็ถึงกับหลุดคำหยาบออกมาเลยทีเดียว "นี่ก็ถือว่าเป็นกงกำกงเกวียนแล้วล่ะ ต่อให้เจอแบบนี้ ก็ยังนับว่าน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับคนชั่ว ๆ อย่างเขา"

กวากวาที่อยู่ในอ้อมแขนของแม่ จ้องมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ดวงตาดำขลับใสกระจ่างเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เจ้าห้ามองลูกสาว หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง “ถือเป็นผลกรรมที่รวดเร็วหนักหน่วงพอ ๆ กับลูกตะกร้อเชียวล่ะ”

กวากวาปรบมือชอบใจ หัวเราะร่าเหมือนได้กินพุทราหวานเข้าไปเป็นกำ

หัวใจของหยู่เหวินเห้าอ่อนยวบลงทันที ยื่นมือออกไปอุ้มกวากวา แล้วใช้แก้มของกวากวาฟัดหยอกซุกไซ้ไปกับแก้มของตัวเอง เป็นที่พอใจอย่างยิ่ง

มีลูกสาวจะเรื่องอะไรก็น่าพอใจไปหมด ประโยคนี้เขาเป็นคนพูดเอง

“ท่านชายสี่กับท่านป้าเหลิ่งกลับมาเมืองหลวงแล้ว เสด็จปู่ใหญ่ใช้โอกาสนี้นำเมืองเฟิงตูกลับคืนมาได้ ทั้งยังแนะนำผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะกับตำแหน่งผู้ดูแลเมืองมาให้ด้วย” หยู่เหวินเห้าอุ้มกวากวาไปพลาง ก็พูดเรื่องสำคัญกับหยวนชิงหลิงไปด้วย ” คนคนนี้ ข้ารู้สึกว่าค่อนข้างยากจะตัดใจปล่อยเขาไป แต่เขาก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากจริงๆ "

หยวนชิงหลิงเทนมแพะอุ่น ๆ ลงในขวดนม เมื่อได้ยินดังนั้น ก็เงยหน้าขึ้นถามว่า "ใคร?"

“ลู่หยวน!” หยู่เหวินเห้ารับขวดนมมา ใส่ปากของกวากวา “ได้เวลาหม่ำ ๆ แล้ว สาวน้อย”

กวากวากอดขวดนมแน่น แล้วดื่มอึก ๆ ลงไปอย่างเอร็ดอร่อย

หยวนชิงหลิงนั่งลง "เขาหรือ? เขาก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมจริง ๆ นั่นล่ะ ถ้าเขาไป เสี้ยวหงเฉิงกับสำนักเหมยแดงก็ต้องไปด้วย ถึงอย่างไรเมืองเฟิงตูก็เพิ่งเก็บคืนมาได้หมาด ๆ ภายในช่วงสามปีห้าปีนี้ อาจเกิดความวุ่นวายเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าเขากับสำนักเหมยแดงไปอยู่ที่เมืองเฟิงตู ก็ทำให้รู้สึกวางใจได้มากจริง ๆ”

หยู่เหวินเห้าหยิบผ้าเช็ดหน้าบนโต๊ะขึ้นมา เช็ดคราบน้ำออกจากปากของกวากวาน้อย "ดื่มช้า ๆ หน่อย เด็กดี!"

รอจนกวากวาดื่มนมเสร็จ เขาก็หยิบขวดนมออก แล้วตบหลังกวากวาเบาๆ การเคลื่อนไหวอ่อนโยนอย่างยิ่ง "ทำไมลูกถึงชอบดื่มนมแพะขนาดนี้นะ? ข้าว่ารสชาติมันแปลก ๆ สาบ ๆ อย่างไรไม่รู้"

“ให้นางดื่มบ้างเป็นบางครั้งก็ไม่เป็นไรหรอก” หยวนชิงหลิงใช้ผ้าขนหนูร้อนเช็ดมุมปากกับแก้มของนาง “กลับมาพูดถึงเรื่องงานก่อน เจ้าตัดสินใจว่าจะส่งลู่หยวนไปหรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน