ทัพใหญ่กลับมายังเมืองหลวง หงเย่กับเจ้าลิงก็ตามมาด้วย ที่เมืองเฟิงตูเขาเองก็ลงมือด้วย อันที่จริงเขาไม่ต้องไปด้วยก็ได้ เพราะอ๋องชินเฟิงอันได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้ล่วงหน้านานแล้ว ด้วยความสามารถของอ๋องชินเฟิงอัน การจะรับมือคนแบบเหยี้ยนจือหยู เป็นเรื่องง่ายดายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก
หลังจากที่พวกท่านชายสี่มาถึงเมืองหลวง ก็กลับจวนไปพบองค์หญิงกับเทียนสิงก่อน ทั้งครอบครัวกินข้าวพร้อมหน้า ท่านชายสี่จึงค่อยเข้าวังไปรายงานผลการทำงาน
เขาพูดถึงเรื่องความแค้นเคืองส่วนตัวแค่สองสามประโยค บอกว่าคนที่ควรได้รับโทษ เวลานี้ก็ได้รับโทษที่เขาสมควรได้รับไปแล้ว แต่ไม่ได้ฆ่า
ที่เหลือ คือการพูดเรื่องสำคัญ
“ข้ากับท่านแม่ไปเดินเตร่ในเมืองเฟิงตูราว ๆ ครึ่งเดือน พอจะเข้าใจความรู้สึกของผู้คนโดยพื้นฐานแล้ว ตระกูลเทียนซ่วนยังคงมีชื่อเสียงมากในหมู่ประชาชน แต่ที่จริง คนในเมืองเฟิงตูก็มีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการปกครองของเหยี้ยนจือหยูไม่น้อย เก็บภาษีสูงเกินไป ผลประกอบการที่ได้จากความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ สุดท้ายตกไปอยู่ในมือของเหยี้ยนจือหยูหมด ดังนั้นมุมมองที่มีต่อคนของราชสำนักที่เข้ายึดเมืองเฟิงตู สำหรับคนส่วนใหญ่เป็นไปในทางต้อนรับดี แต่หากจะพูดว่าจากนี้คงสงบสุข ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะก็มีคนจำนวนหนึ่งที่คิดว่าเจ้าเมืองคือกษัตริย์ของพวกเขา การที่ราชสำนักรับช่วงต่อเมืองเฟิงตู มันคือการรุกรานเมืองเฟิงตู จากนี้คงจะยังมีปัญหาเล็ก ๆ ตามมาอีก ดังนั้นคนที่จะมาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลเมือง จำเป็นต้องคัดเลือกอย่างระมัดระวังหน่อย"
หยู่เหวินเห้าตอบว่า "อื้ม เสด็จปู่ใหญ่แนะนำคนคนหนึ่งให้กับข้าแล้ว คือลู่หยวน เจ้ามีความคิดเห็นว่าอย่างไร?"
ท่านชายสี่มีนัยน์ตาอบอุ่นขึ้นมาทันที “คนที่ท่านพ่อแนะนำมา ข้าย่อมเห็นด้วยทุกประการ!”
“ท่านพ่อของเจ้า?” หยู่เหวินเห้าหันไปมองเขา พระชายาเป็นอาจารย์ของเขา ดังนั้นอ๋องชินเฟิงอันไม่ควรมีฐานะเป็นสามีอาจารย์หรอกหรือ? ทำไมถึงกลายเป็นพ่อไปเสียแล้วล่ะ? หรือจะเรียกว่าสามีอาจารย์แม่ก็ยังดูเหมาะสมเข้าใจได้อยู่
“อื้ม ท่านอ๋องชินเฟิงอัน ท่านพ่อของข้า!” ท่านชายสี่ก็ไม่มีความคิดที่จะอธิบาย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยอมรับแบบนี้ไปแล้ว แม้ว่าหลายปีมานี้ เขาจะไม่เคยเรียกว่าพ่อสักคำ แต่ในใจของเขาอย่างไรก็เป็นพ่อ
“โอ้!” หยู่เหวินเห้ายิ้มรับ แต่ก็ไม่มีความคิดที่จะถาม
ตอนที่ท่านชายสี่ขอตัวลา หยู่เหวินเห้าก็เรียกท่านชายสี่เอาไว้ ท่านชายสี่หันหน้ากลับมา ถามว่า "มีอะไรรึ?"
หยู่เหวินเห้าถามว่า "เจ้าต้องการให้ข้ารวบรวมคนสักหลาย ๆ คน มาร่วมดื่มกับเจ้าหรือไม่?"
ท่านชายสี่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ขออภัย ท่านแม่ของข้าบอกให้ข้ารีบกลับบ้านเร็วหน่อย จะได้ไปดื่มน้ำแกงด้วยกัน!”
พูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อ ยืดอกเชิดหน้าแล้วเดินออกไปทันที
“เจ้าเด็กน้อยเอ๊ย!” หยู่เหวินเห้าพูดอย่างมีโทสะ ร้องตะโกนขึ้นอีกครั้งว่า “ฝากคำทักทายไปให้ท่านป้าสักประโยคด้วยล่ะ!”
“ได้!” คำพูดที่ไม่มีหางเสียงดังลอยตามลมมาแต่ไกล
หยู่เหวินเห้าหันไปมองมู่หรูกงกง "เจ้าค้นพบหรือไม่ว่า นับตั้งแต่ที่ท่านชายสี่มีแม่แล้ว ก็กลายเป็นคนเย่อหยิ่งขึ้นมาไม่น้อยเลยนะ?"
มู่หรูกงกงยิ้มพลางพูดว่า "มีหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
"มีสิ มีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่มันกระตุ้นให้ใครที่เห็น ก็อยากลงมือต่อยสักหมัดจริง ๆ นะ"
วันรุ่งขึ้น หยู่เหวินเห้าก็มีคำสั่งเรียกลู่หยวนกับเสี้ยวหงเฉิงเข้าวัง เพื่อถามความสมัครใจของพวกเขาดูก่อน
ทั้งสองล้วนเห็นด้วย ทั้งคู่รู้สึกว่าทุกอย่างในเมืองหลวงนั้นสงบสุขเกินไป พวกเขาเต็มใจไปในที่ที่ไม่ค่อยจะสงบสุขมากกว่า ถึงจะก่อร่างสร้างตัวได้สำเร็จ
พวกเขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นฝ่ายหยู่เหวินเห้าที่ยากจะตัดใจได้ เขามองเสี้ยวหงเฉิง "หลายปีมาแล้ว ที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้ามาโดยตลอด ..... "
“ได้ พวกเราไม่ไป!” เสี้ยวหงเฉิงพูดอย่างเด็ดขาดมาก
“เอ่อ...” หยู่เหวินเห้ามองนางอย่างกระอักกระอ่วน “ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เสี้ยวหงเฉิงคนนี้นี่นะ จะให้คนเขามีอารมณ์ซึ้งสักหน่อยก็ไม่ได้ นิสัยนางก็เป็นแบบนี้เอง ไม่มีอะไรให้เป็นรางวัล แค่จะพูดคำพูดที่มันกินใจให้เป็นรางวัลหน่อยก็ยังไม่ได้เลยรึ?
เสี้ยวหงเฉิงถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเสียงหนึ่ง "ข้ารู้ว่าท่านยากจะตัดใจจากพวกเรา แต่ไม่ใช่ว่าพวกเราจะไม่กลับมาเสียเมื่อไหร่ รอให้เมืองเฟิงตูมั่นคงแล้วจริง ๆ พวกเราก็ยังจะกลับมาเมืองหลวงอยู่นะ"
“ได้ เลือกวันเดินทางไว้ ข้าจะจัดงานเลี้ยงอำลาให้พวกเจ้า!” ครั้งนี้หยู่เหวินเห้าไม่ได้อ้อมค้อมแล้ว พูดอย่างตรงไปตรงมา “สิ่งที่พวกเจ้าทำเพื่อราชวงศ์เป่ยถัง ข้าจะจดจำใส่ใจไม่มีวันลืม”
“ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องตรัสเช่นนั้น นี่เป็นหน้าที่ของเราในฐานะขุนนางอยู่แล้ว” ลู่หยวนโค้งคำนับ
สองวันต่อมา หยู่เหวินเห้าก็จัดงานเลี้ยงส่งให้สองสามีภรรยา กับคนของสำนักเหมยแดงก่อนออกเดินทาง เชิญพวกเขาเข้าวังเพื่อจัดงานเลี้ยงให้เป็นกรณีพิเศษ ทั้งยังเชิญบรรดาราชนิกุล ท่านชายสี่ เหลิ่งจิ้งเหยียน หงเย่ กู้ซือให้มาร่วมด้วย
ระหว่างงานเลี้ยง ท่านชายสี่ไม่ดื่มเหล้าแรง ๆ แต่ดื่มพวกเหล้าดอกท้ออ่อน ๆ พอชักชวนให้ดื่ม ก็พูดขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า "ท่านแม่บอกว่า เหล้าทำให้เสียสุขภาพ ควรดื่มแต่น้อย ๆ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...