บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1534

กลับมาที่ยุคปัจจุบัน ครอบครัวได้มารวมตัวกันพร้อมหน้า ย่อมเป็นเรื่องที่มีความสุขเสมอ หลังจากได้กลับมาพบกับสมาชิกในครอบครัวอีกครั้ง หยวนชิงหลิงก็พาเด็ก ๆ ไปเยี่ยมฮ่องเต้ฮุยจงกับองค์ชายรัชทายาท

ฮ่องเต้ฮุยจงกับองค์ชายรัชทายาทต่างก็ดีใจมากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขารู้ว่าพวกเด็ก ๆ จะกลับมาเรียนหนังสือ จากนี้ต้องมาอยู่ที่นี่แบบระยะยาว ฮ่องเต้ฮุยจงก็แทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีปรีดา ตบหน้าอกตัวเองผาง ๆ รับประกันกับหยวนชิงหลิงอย่างหนักแน่นว่า จากนี้ไปค่าใช้จ่ายทั้งหมดเวลาที่เด็ก ๆ ไปโรงเรียน พวกเขาจะเป็นคนออกให้ รวมทั้งบรรดาค่าเดินทางไปกลับจากโรงเรียนด้วย เพราะอย่างไรทุก ๆ คนในบ้านต่างก็ต้องไปทำงาน มันไม่ค่อยสะดวก

หยวนชิงหลิงกล่าวขอบคุณ แล้วหยิบเหล้ากับกระบี่ที่นำมาจากราชวงศ์เป่ยถังออกมา ทั้งยังมีดินหนึ่งกำ และหินอีกก้อนหนึ่งจากในวัง ซึ่งหยู่เหวินเห้าเป็นคนจัดเตรียมไว้ให้ เขาบอกว่าคนที่ต้องอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนไปนาน ๆ มักจะมีความหวังประการหนึ่ง ว่าจะได้เห็นกรวดหินดินทรายอะไรพวกนี้ของบ้านเกิดตัวเองสักครั้ง

ผลคือ เมื่อฮ่องเต้ฮุยจงกับองค์ชายรัชทายาทได้เห็น ก็ถือพวกมันเอาไว้ในมือ แล้วร้องไห้ออกมาจริง ๆ

หลังจากหยวนชิงหลิงปลอบพวกเขาแล้ว ทั้งสองคนก็มีท่าทางแห้งเหี่ยวระทม   บอกว่าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะได้กลับไปอีกสักครั้ง ต่อให้ทำได้แค่กลับไปดูก็ตาม ไม่ได้เจอใครก็ยังนับว่าดีที่ได้เห็น

แม่น้ำลำธาร กับภูเขาแมกไม้เหล่านั้น มักจะปรากฏในความฝันมานานหลายปีแล้ว แต่ไม่อาจหวนกลับไปได้

หยวนชิงหลิงไม่ตอบ แต่ในใจกลับเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย ความเศร้าโศกระทมทุกข์ของฮ่องเต้ฮุยจงกับองค์ชายรัชทายาท เธอเข้าใจมันได้ดีที่สุด นั่นเป็นเพราะเธอคือคนที่เคยผ่านมันมาก่อน

เพียงแต่ พวกเขาจะกลับไปได้หรือไม่ เธอไม่สามารถพูดได้แน่ชัด เพราะสุดท้ายแล้ว นี่คือสิ่งที่อ๋องชินเฟิงอันเป็นคนจัดเตรียมไว้ ถ้าพวกเขาจะกลับไปจริง ๆ ก็น่าจะต้องให้ทางอ๋องชินเฟิงอันเป็นคนจัดการถึงจะไม่เกิดปัญหาตามมา

หลังจากกลับไปครั้งนี้ บางทีน่าจะลองถาม ๆ ดูสักหน่อย

หลังจากจัดการเรื่องโรงเรียนแล้ว หยวนชิงหลิงก็เตรียมตัวกลับ เธอไม่ได้เต็มใจที่จะแยกห่างจากลูก ๆ แต่ว่าเด็ก ๆ เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และคาดหวังกับชีวิตใหม่ของพวกเขา ถึงขั้นที่ว่าไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์ที่ต้องอยู่ห่างจากแม่เลย ซึ่งทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก

เธอรู้ว่าลูก ๆ พอโตแล้วอย่างไรก็ต้องปล่อยมือ แต่พวกเขายังไม่โตกันเลยนะ

ก่อนกลับ หยวนชิงหลิงเชิญหยางหรูไห่ออกมาพบ แต่คิดไม่ถึงว่าหยางหรูไห่จะพาฉีฮั่วมาด้วย

หยวนชิงหลิงได้เห็นหน้าฉีฮั่ว ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที เธอเอาแต่รู้สึกว่าเขาจะต้องตื๊อถามเรื่องของเสี่ยวกวาจื่ออีกแน่ หยางหรูไห่แอบกระซิบบอกกับเธอว่า "ตอนที่คุณนัดฉันออกมา ไม่ทันระวังโดนเขาได้ยินเข้า เขาเลยตื๊อไม่เลิก บอกว่าจะเป็นจะตายก็จะขอตามมาด้วย"

ฉีฮั่วสวมเสื้อกล้ามกับรองเท้าแตะ ผมตั้งชันชี้โด่ชี้เด่ ยืนเท้าสะเอวในสภาพที่ดูเหมือนไก่งวงอยู่หน้าประตูร้านอาหาร พูดอย่างไม่พอใจว่า "ประโยคนี้ข้าก็ได้ยินแล้วเช่นกัน"

หยางหรูไห่ยิ้มพลางพูดว่า “เดิมทีก็ตั้งใจพูดให้เจ้าได้ยินนั่นแหล่ะ”

ฉีฮั่วก้าวออกมาข้างหน้าแล้วมองหยวนชิงหลิง "เจ้าคิดว่าข้าจะลักพาตัวลูกสาวของเจ้าไปอย่างนั้นรึ? ลูกสาวของเจ้ารู้ทักษะการจุดไฟด้วยพลังพิเศษ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้ ตอนนี้ข้าแค่สะกดกั้นความสามารถของนางไว้ชั่วคราว ไม่อย่างนั้น ตอนนี้นางจะสงบเสงี่ยมขนาดนั้นได้อย่างไรล่ะ? ป่านนี้คงจะจุดไฟจนเป่ยถังของพวกเจ้ามอดไหม้เป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว แต่อย่างไรนางก็ต้องเรียนรู้วิธีการจากข้า ว่าควรต้องควบคุมมันอย่างไร ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต ตอนนี้ข้าสะกดกั้นพลังนางไว้ได้จนถึงสามขวบ เมื่ออายุพ้นสามขวบไปแล้ว ก็จะสะกดมันไว้ไม่ได้อีก จำเป็นต้องรู้วิธีควบคุมไฟอย่างแท้จริง ถึงจะไม่เกิดหายนะใหญ่โตขึ้นมา”

หยวนชิงหลิงรีบขอโทษ "ข้ารู้ ข้าเองก็รู้สึกขอบคุณเจ้ามาก แต่สามีของข้าเขาไม่รู้เรื่องพวกนี้"

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คุยกับเขาเสียสิ ข้าไม่ได้จะแย่งไปแล้วไม่คืนให้เสียหน่อย ถ้าไม่ใช่เพราะภรรยาข้าไม่อาจให้กำเนิดลูกสาวที่รู้วิธีจุดไฟด้วยพลังพิเศษได้ ข้าก็คงไม่ต้องมาถามจากพวกเจ้าแบบนี้หรอก ” ฉีฮั่วบ่นอย่างไม่พอใจ

หยางหรูไห่มองเขา แล้วถามอย่างสงบนิ่งท่ามกลางอารมณ์ปั้นปึงของอีกฝ่ายว่า “ประโยคนี้ของเจ้า สามารถเอาไปบอกต่อเยว่เอ๋อ ภรรยาของเจ้าได้หรือไม่นะ?”

ฉีฮั่วหดคอส่ายหน้าทันที “ถ้าเจ้าบอกนาง แล้วนางมาเล่นงานข้า ข้าจะตามมาเล่นงานเจ้าต่อ”

หยางหรูไห่กับหยวนชิงหลิงหันมามองหน้ากัน แล้วหัวเราะออกมา

การมอบเสี่ยวกวาจื่อให้ไปอยู่ในการดูแลของฉีฮั่ว หยวนชิงหลิงรู้สึกไม่วางใจ หยางหรูไห่ก็รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้น หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว หยางหรูไห่จึงบอกว่าจะพาหยวนชิงหลิงไปเยี่ยมคารวะเยว่เอ๋อภรรยาของฉีฮั่ว

เธอเคยมีวาสนาได้เจอหน้าเยว่เอ๋อครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รู้จักหรือเข้าใจอะไรนางมากมาย เมื่อได้เห็นคนที่เหมือนดั่งเทพเซียน สงบนิ่งและสง่างาม พูดจาดีมีเหตุผล ทั้งยังมีความรู้กว้างขวาง หยวนชิงหลิงก็รู้สึกวางใจขึ้นได้มากจริง ๆ

เสี่ยวกวาจื่อที่ลุกเป็นไฟ มีอาจารย์แม่ที่เยือกเย็นงามสง่าเช่นนี้ จะต้องสามารถเลี้ยงดูลูกสาวจนกลายเป็นคนที่มีอารมณ์ดีขึ้นมาได้แน่

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หยวนชิงหลิงกับเยว่เอ๋อได้พูดคุยกัน ทางเยว่เอ๋อมีการวางแผนรองรับทั้งหมดไว้แล้ว ว่าหนูน้อยจะเริ่มเรียนเมื่อไหร่ จะได้รับการศึกษาแบบไหน และจะส่งคืนพวกเขาเมื่อไหร่ ทั้งหมดมีการจัดเตรียมไว้อย่างชัดเจน หยวนชิงหลิงจึงรู้สึกวางใจมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน