บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1539

ถัดจากนั้น การค้นหาในเมืองหลวงก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องยาวนานถึงสองวันติด แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวอะไร

แต่แล้วก็มีคนร้ายคนหนึ่งยอมเปิดปาก คนคนนี้เป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของเหยี้ยนจือหยู เขาทนการทรมานไม่ไหว ยอมเปิดปากสารภาพ บอกว่าคนที่เข้ามาในเมืองหลวงมีกันทั้งหมดสามสิบคน ส่วนจำนวนคนที่เข้าไปในวังในคืนนั้นมีกี่คน เจ้าตัวก็ไม่รู้

กู้ซือพาคนออกค้นหาทั่วเมือง จนสามารถควานหาคนพวกนี้เจอได้ทั้งหมด รวมกับสิบสองคนที่ถูกจับได้ก่อนหน้านี้ ทั้งหมดสามสิบคนล้วนถูกจับตัวไปดำเนินคดี แต่แล้ว ไม่ว่าจะใช้การทรมานที่หนักแค่ไหน พวกคนร้ายก็ยังคงยืนกรานว่าไม่ได้จับตัวเจ้าหญิงไป

แล้วคนร้ายกลุ่มนี้ ต่างก็พูดเหมือนกันหมดว่าไม่เคยเข้าไปในวัง

หยู่เหวินเห้าเริ่มตรวจสอบจากในวัง ก่อนหน้านี้เขาสงสัยว่ามีคนจงใจเปิดช่องโหว่ หลังจากตรวจสอบแล้ว พบว่ามีทหารรักษาพระองค์ที่รับเงินจากนักฆ่า แล้วจงใจหันเหความสนใจทหารในทัพไปทางอื่น ปล่อยให้นักฆ่าลอบเข้ามา

นับตั้งแต่ที่หยู่เหวินเห้าขึ้นเป็นฮ่องเต้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกราชโองการสั่งประหารชีวิต ในโทษฐานที่ถึงขั้นกล้าสมรู้ร่วมคิดกับนักฆ่า ปล่อยให้ผู้ร้ายแทรกซึมเข้ามาในวังเพื่อลอบปลงพระชนม์ ไม่ลงโทษประหารเก้าชั่วโคตร ก็นับว่าเป็นความเมตตาในฐานะฮ่องเต้แล้ว

สามวันแล้ว เสี่ยวกวาหายตัวไปสามวันแล้ว ทั้งยังไม่มีข่าวคราวใด ๆ เช่นเคย หยู่เหวินเห้าร้อนอกร้อนใจเหมือนสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บ อารมณ์ก็รุนแรงฉุนเฉียวจนใครก็เข้าหน้าไม่ติด

แม้แต่หยวนชิงหลิง ที่ก่อนหน้านี้มักจะบอกว่ากวากวาไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย แต่มาตอนนี้ก็ร้อนใจจนนั่งไม่ติดแล้วเช่นกัน

ในขณะที่ทุกคนต่างมือเท้าสับสน  ตื่นตระหนกตกใจทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้นเอง อ๋องชินเฟิงอันสามีภรรยากับสามยักษ์ใหญ่ก็มาถึงเมืองหลวง

พระชายาชินเฟิงอันเฟิงมือข้างหนึ่งอุ้มเด็ก มืออีกข้างหนึ่งคว้านกไว้ตัวหนึ่ง นั่งรถม้าเข้าวังมา

เมื่อคนในวังเห็นว่า พระชายาชินเฟิงอันกำลังอุ้มเจ้าหญิงที่หายตัวไปแล้วถึงสามวันเข้ามา ทั้งหมดก็คุกเข่าลงด้วยความปิติยินดี แล้วรีบวิ่งเข้าไปรายงานฮ่องเต้ทันที

หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงรีบเดินออกไป ได้เห็นเด็กที่พระชายาชินเฟิงอันอุ้มอยู่ นั่นไม่ใช่กวากวาหรอกหรือ?

หยู่เหวินเห้าถลาเข้ามาอุ้มเด็กไปไว้ในอ้อมแขนทันที พูดอะไรไม่ออก น้ำตาไหลอาบแก้ม กวากวาดูเป็นเด็กดีว่าง่ายเรียบร้อยอย่างยิ่ง นอนขดตัวในอ้อมแขนของเขาไม่พูดอะไรเลยเช่นกัน มีสภาพเหมือนเด็กที่ทำความผิดใหญ่หลวงบางอย่าง

หยวนชิงหลิงก็ร้องไห้ด้วย ลูบใบหน้าของกวากวา มองดูนางอย่างละเอียด ให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไร ถึงค่อยถามพระชายาด้วยความสับสนว่า “พระชายา ทำไมท่านถึงอุ้มกวากวากลับมาได้ล่ะเจ้าคะ?”

พระชายาตอบด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ว่า “นางไปที่นั่นน่ะสิ”

หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงหันมามองหน้ากัน ทั้งคู่ตกใจมาก "ไปที่นั่น เป็นไปได้อย่างไรกัน? ใครเป็นคนพานางไป?"

พระชายาตบ ๆ ฝุ่นบนร่างกายตัวเอง แล้วพูดว่า “ไปยกชามาให้ข้าดื่มก่อน ข้าตรงดิ่งกลับมาจากทะเลสาบจิ้ง ตลอดทางไม่ได้แวะจิบน้ำสักอึก กลัวว่าพวกเจ้าจะร้อนใจ เลยรีบพานางมาส่งคืนให้พวกเจ้าก่อน”

หยวนชิงหลิงรีบพูดว่า "ได้เจ้าค่ะ เชิญเข้ามาข้างใน"

หลังจากต้อนรับพระชายา เชิญนางไปนั่งลงเรียบร้อยหยู่เหวินเห้าอุ้มกวากวาพลางจูบนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ยอมวางนางลง กระทั่งหยวนชิงหลิงก็อยากจะอุ้มบ้าง เขาก็ไม่ยอมวาง จากนั้นค่อยมองไปที่พระชายาแล้วถามว่า "นี่สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ท่านพูดมาเถอะ"

หลังจากจิบชาแล้ว พระชายาก็พูดว่า “ระหว่างการตรวจร่างกายของฉู่เสี่ยวอู่ ข้าอยู่ในโรงพยาบาล ได้ยินพ่อของเจ้าพูดว่ากวากวามาที่นี่ ข้ายังคิดอยู่เลยว่าเจ้าพานางกลับมา แต่คิดไม่ถึงว่าพอกลับไปถึงบ้านของเจ้า ก็เห็นกวาจื่อกับเจ้านกฟีนิกซ์น้อย รวมถึงลูกชายห้าคนของพวกเจ้าที่กำลังทำสีหน้าสำนึกผิด หลังจากถามไถ่ไปรอบหนึ่ง ถึงได้รู้ว่าเด็ก ๆ ทั้งหกคนสามารถสื่อสารทางจิตกันได้ พวกเขาคิดถึงน้องสาว ส่วนน้องสาวก็คิดถึงพี่ชาย พวกเขาเลยส่งกระแสจิตที่อยากให้กวากวาไปที่นั่น แล้วพอดีกับที่.....”

ระหว่างที่พระชายาพูดไปพลาง นิ้วมือก็เหยียดชี้ไปที่นกไปพลาง เจ้านกน้อยหันหน้าเข้าหามุมกำแพง มีท่าทางเหมือนสำนึกผิด

"มันมีความสามารถในการเดินทางข้ามเวลา แล้วกวากวาก็เป็นเจ้านายมัน พอกวากวาเกิดความคิดขึ้น มันเลยตอบสนองต่อความคิดนั้น ด้วยเหตุนี้ โดยไม่ต้องผ่านทะเลสาบจิ้ง ก็สามารถเดินทางข้ามเวลาไปได้เลยโดยตรง"

สองคนสามีภรรยาฟังแล้ว ต่างตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง

เจ้านกขี้เหร่ตัวนี้ มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมมหัศจรรย์ขนาดนี้เลยเชียวรึ?

ยังมีเรื่องที่ว่าเด็ก ๆ ก็มีความสามารถสื่อจิตถึงกันได้อีกด้วย?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน