บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1571

โสวฝู่ฉู่ดูนางเหมือนจะไม่เข้าใจ ก็เสริมขึ้นมาอีกประโยคว่า“ทุกสรรพสิ่งบนโลก หลีกหนีไม่พ้นวิถีแห่งธรรมชาติ”

หยวนชิงหลิงอ๋อเสียงหนึ่ง พูดชมเชยว่า “โสวฝู่ฉู่ท่านช่างเป็นผู้มีความรู้ลึกซึ้งจริงๆ”

“เสแสร้ง ”เซียวเหยากงใช้มือพัดไปมา ถามหยวนชิงหลิง “จับชีพจรอีกแล้ว เมื่อวานท่านย่าของเจ้าเพิ่งจะมา ”

“วัดความดัน ทดสอบเบาหวาน ทิ่มนิ้วมือ ”หยวนชิงหลิงพูด

อู๋ซ่างหวงได้ยินว่าต้องทิ่มปลายนิ้วก็วิ่งเข้าไปข้างใน ช่วงก่อนหน้านี้เขาถูกตรวจพบว่ามีเบาหวานค่อนข้างสูง ผ่านไปไม่กี่วันก็จะทิ่มปลายนิ้วอีกแล้ว เจ็บจนถึงหัวใจเชียวนะรู้หรือไม่

หยวนชิงหลิงไม่กลัวเขาหนี อย่างไรก็หนีไม่พ้น นางเดินเข้าไปอย่างสบายใจ วางกล่องยาลง โสวฝู่นั่งลงข้างๆ เข้ามาวัดความดันก่อน รอให้เขากับเซียวเหยากงทำการตรวจเสร็จแล้ว ทั้งสองคนจะไปจับตัวอู๋ซ่างหวงมากดไว้กับเก้าอี้ ดันนิ้วมือของเขายื่นออกไปให้หยวนชิงหลิง เซียวเหยากงบอกว่า “ทิ่มแรงๆ”

หยวนชิงหลิงย่อมตัดใจทิ่มแรงๆไม่ได้ การเคลื่อนไหวค่อนข้างอ่อนโยนมาก อู๋ซ่างหวงกลับโมโหแทบตาย จ้องเซียวเหยากงอย่างถมึงทึง

ความดัน เบาหวาน ต่างก็ค่อนข้างสูง แต่ไม่เป็นปัญหาใหญ่ ไม่ต้องกินยา ต้องตรวจตามกำหนดเวลา

หลังจากทำเรื่องที่กำหนดไว้ทั้งหมดแล้ว หยวนชิงหลิงจึงพูดเรื่องสาขาสำนักเหลิ่งหลังขึ้นมา โสวฝู่ฉู่ได้ยินแล้วรู้ว่าเป็นเรื่องจริงจัง ก็รีบตอบตกลงทันที ให้คนไปเชิญท่านชายสี่เหลิ่งมา

สำหรับนิสัยที่ชอบขโมยการซึ่งหน้าเช่นนี้ ท่านชายสี่เหลิ่งรู้สึกคุ้นเคยนานแล้ว

เขาเคยพูดกับคนของสำนักเหลิ่งหลังว่า “ชาตินี้ของข้า ได้รับมามากมาย แต่ทั้งหมดล้วนไม่ล้ำค่าเท่าองค์หญิง ถ้าหากจะให้ข้าเอาทั้งหมดที่มีไปแลกกับองค์หญิง ข้าก็ยินดี รวมถึงสำนักเหลิ่งหลังด้วย ”

คำพูดนี้ ทำเอาคนในสำนักเหลิ่งหลังที่ได้ยินแล้วรู้สึกซึ้งใจจนน้ำตาไหลแทบจะนองหน้า จากนั้นก็ห้อมล้อมเข้ามาสั่งสอนท่านชายสี่เหลิ่งไปครั้งหนึ่ง ท่านชายสี่เหลิ่งดิ้นรนเอาชีวิตรอดมาได้อย่างยากลำบาก เอ่ยด้วยเสียงที่อ่อนแรงว่า “แต่ไม่รวมถึงหมาป่าหิมะ”

ถูกตีสั่งสอนหนักยิ่งกว่าเดิม เกือบจะเอาชีวิตน้อยๆไปทิ้งซะแล้ว

ฉะนั้น ตอนนี้ต้องเผชิญต่อการปล้นของเจ้าห้าอีกครั้ง เขาแค่คิดว่ามีเวลาว่าง จึงตอบตกลงไป แต่มีเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือภายหน้าหากเขาต้องการใช้งานสำนักเหลิ่งหลัง ราชสำนักไม่สามารถหาข้ออ้างเพื่อขัดขวางได้

อู๋ซ่างหวงบอกว่า“เรื่องนี้ง่ายจะตาย เจ้ายังคงมีตำแหน่งเป็นเจ้าสำนักเหมือนเดิม”

“……”ท่านชายสี่เหลิ่งครุ่นคิด “ที่จริงแล้ว ตอนนี้ข้าได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้วางแผนด้านการพัฒนาแล้ว ”

“คนเก่งย่อมทำงานหนักกว่าคนอื่น คนคนหนึ่งถ้าหากทำได้แค่งานเดียว เช่นนั้นก็ไร้ความสามารถ ทุกคนต่างก็ควรมีงานหลายอย่างจึงจะดี”อู๋ซ่างหวงอดไม่ได้ที่จะตอบโต้กลับ

ท่านชายสี่เหลิ่งนิ่งขรึมไปชั่วครู่ มองไปทางหยวนชิงหลิง “ภายหน้าหากฮ่องเต้มีเรื่องอะไร ให้บอกข้าโดยตรง ไม่จำเป็นต้องผ่านคนอื่น ”

ทางเขาอย่างน้อยยังสามารถเหลือพื้นที่ให้ถอยได้ บางทียังสามารถต่อรองได้

หยวนชิงหลิงก็เห็นใจอาจารย์ พยักหน้าพูดว่า“ได้ ครั้งหน้าข้าจะให้เขาพูดกับท่านโดยตรง ”

ท่านชายสี่เหลิ่งนิ่งเงียบไปชั่วครู่ “ช่างเถอะ เก็บคำพูดเมื่อครู่คืนมา อย่าได้มีครั้งหน้าเลย”

หยวนชิงหลิงรู้สึกสงสารอาจารย์จากใจจริง รู้สึกว่าราชสำนักรังแกเขามากเกินไปแล้ว

ฉะนั้นตอนที่เดินออกไปส่งเขา อยากจะปลอบใจเขา หรือรับประกันกับเขา หลังจากท่านชายสี่เหลิ่งฟังแล้ว ก็หยุดฝีเท้าลง มองนางเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม“เจ้าคิดว่าข้ารู้สึกปวดใจจริงๆหรือ ”

“ไม่ว่าใครก็ต้องปวดใจ เพราะว่า นี่นับว่าเป็นการขโมยจริงๆ”หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างรู้สึกละอายใจ

ท่านชายสี่เหลิ่งถามว่า“เช่นนั้นพวกเจ้าสองสามีภรรยาได้เสียสละเพื่อเป่ยถังไปเท่าไหร่แล้ว อาจารย์ข้ากับอ๋องชินเฟิงอันได้เสียสละเพื่อเป่ยถังเท่าไหร่แล้ว สามผู้อาวุโสได้เสียสละเพื่อเป่ยถังไปเท่าไหร่ นักรบในสนามรบเสียสละเพื่อเป่ยถังไปเท่าไหร่ พวกเขาเคยพูดสักคำหรือไม่”

หยวนชิงหลิงเงียบเสียงพูดไม่ออก

“ฉะนั้น ศิษย์โง่ ไม่มีอะไรต้องปวดใจ และไม่มีอะไรต้องเสียดายและเสียใจ ถ้าหากจะมี ก็ควรจะเสียใจที่ตัวเองไม่สามารถเสียสละได้ ”

หยวนชิงหลิงซาบซึ้งมาก แต่ความจริงแล้ว มีผู้คนมากมายได้เสียสละเพื่อเป่ยถังจริงๆ โดยไม่หวังผลตอบแทน

“อาจารย์ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ”หยวนชิงหลิงน้ำตารื้นขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน