รวมตัวกับลูก ๆ แล้วทั้งคืน ทั้งได้ทำความเข้าใจแต่ละเมืองปราการไปบ้างพอสมควรแล้ว วันรุ่งขึ้น หยวนชิงหลิงก็จะเดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว
นางแทบจะอดใจรอไม่ไหว อยากดูว่าในเลือดของจิ่งเทียน กับน้ำแข็งที่เก็บมาจากทะเลสาบน้ำแข็งนั่น จะมีตัวหนอนน้ำแข็งแฝงมาด้วยหรือไม่
เนื่องจากฉีฮั่วยังไม่กลับไป ดังนั้น หยวนชิงหลิงเลยดึงตัวฉีฮั่วออกไป แล้วกำชับกำชาหลายครั้งว่าเรื่องนี้ต้องปิดบังกวาเอ๋อไปก่อนเป็นการชั่วคราว
ฉีฮั่วตบหน้าอกผาง ๆ รับประกันเป็นมั่นเหมาะว่าเขาจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น เพื่อให้หยวนชิงหลิงรู้สึกวางใจ
แต่พอหยวนชิงหลิงเห็นท่าทางซีเรียสจริงจังของเขาแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกลับรู้สึกวางใจไม่ลงเอาเสียเลย
นางเอาแต่รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าเขาจะปากสว่าง
นางอดพูดย้ำซ้ำ ๆไปอีกสองสามประโยคไม่ได้ จนฉีฮั่วเริ่มมีท่าทางโกรธ ๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว "นี่คุณไม่เชื่อฉันรึไง? ฉันบอกว่าไม่พูดก็คือไม่พูดไงเล่า!"
หยวนชิงหลิงทำได้แค่พูดว่า "ถ้างั้นก็ดี คุณจำไว้ดี ๆ ล่ะ"
“ ได้ คุณไปบอกลาเด็ก ๆ เถอะ” ฉีฮั่วยกมือขึ้นโบกใส่ ด้วยท่าทางที่เหมือนกำลังไล่แมลงวัน
ฮองเฮาคนนี้อายุก็ยังไม่มากสักหน่อย ก็จู้จี้ขี้บ่นเสียแล้ว
หลังจากหยวนชิงหลิงบอกลาเด็ก ๆ แล้ว ก็ออกเดินทางกลับเมืองหลวง
ภายในเวลาไม่ถึงวัน ก็กลับถึงเมืองหลวง แล้วตรงกลับวังไปทันที
หลังจากอธิบายสถานการณ์แบบง่าย ๆ ให้เจ้าห้าฟังครู่หนึ่ง นางก็พุ่งเข้าไปในห้องทดลองทันที
เมื่อวางเลือดของจิ่งเทียนไว้ใต้กล้องจุลทรรศน์แล้ว ผลคือพบว่ามีหนอนน้ำแข็งจริง ๆ ซึ่งเหมือนกับหนอนน้ำแข็งที่อยู่ในเลือดของเจ้าห้า แต่มีความกระตือรือร้นมากกว่าเจ้าห้านิดหน่อย
จากนั้นก็หยิบน้ำจากทะเลสาบน้ำแข็ง นำมาแต้มบนเลนส์เพื่อทำการสังเกต แต่กลับไม่พบ
ในตัวอย่างที่เก็บมาจากหลาย ๆ สถานที่นั้นตรวจไม่พบ อาจเป็นไปได้ว่าไม่ได้เกิดการติดเชื้อมาจากทะเลสาบน้ำแข็งนั่น
ไม่สามารถสืบหาที่มาของหนอนน้ำแข็งได้ ทำให้หยวนชิงหลิงค่อนข้างท้อแท้พอสมควรทีเดียว
แต่ขั้นแรก ยังสามารถสังเกตหนอนน้ำแข็งในเลือดของจิ่งเทียนได้ โดยแยกพวกมันออก วางไว้ในอุณหภูมิที่ต่างกัน เพื่อดูความสามารถในการสืบพันธุ์ และการอยู่รอดของหนอนน้ำแข็ง
หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ นางก็คิดว่าสมควรให้เจ้าห้ารู้ถึงความสามารถของตัวเองได้แล้ว
หวังว่าจะไม่ทำให้เขาตกใจกลัวไปเสียก่อนล่ะ
หยวนชิงหลิงลากฝีเท้าอันเหนื่อยล้ากลับไปที่ตำหนักเสี้ยวเยว่ เจ้าห้ายังไม่กลับมา ลู่หยาพูดว่า “ฮองเฮา เมื่อครู่ฝ่าบาทเพิ่งสั่งให้มู่หรูกงกงกลับมาบอกว่า คืนนี้พระองค์อาจต้องรอจนถึงยามจื่อถึงจะกลับมาเพคะ”
“ดึกขนาดนั้นเชียวรึ? พระองค์ได้บอกหรือไม่ว่ายุ่งเรื่องอะไรอยู่?” หยวนชิงหลิงนั่งลงถาม
วันนี้ตอนที่นางกลับมาถึงเป็นเวลาช่วงบ่าย ๆ แค่ได้พูดคุยกันคร่าว ๆ สองสามคำ นางก็ไปยุ่งกับงานตัวเองแล้ว ส่วนเจ้าห้าก็ไปยุ่งกับงานของตัวเองด้วยเช่นกัน
“ ไม่ได้บอกเพคะ บอกแค่ว่าจะทำงานอยู่ในห้องทรงพระอักษรเท่านั้น” ลู่หยาตอบ
“ได้” หยวนชิงหลิงเก็บเสื้อผ้าแล้วไปอาบน้ำ หลังจากกินมื้อเย็นแบบง่าย ๆ เสร็จ ก็สั่งให้ลู่หยาไปดูที่ห้องทรงพระอักษรว่าเจ้าห้าได้กินข้าวแล้วหรือยัง
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา จะมีบางครั้งที่ยุ่งมาก ๆ จนละเลยการกินข้าว ปีที่แล้วก็ละเลยจนปวดกระเพาะอยู่หลายครั้ง หลังจากนั้นมา นางจึงกำหนดว่าต้องกินข้าวให้ครบสามมื้ออย่างเคร่งครัด
แต่บ่อยครั้งที่เขาก็ยังทำไม่ได้ บางครั้งพวกเขาคุยเรื่องงานราชการกัน ตัวนางก็ไม่เหมาะจะเข้าไปรบกวน จึงส่งอาหารไปให้ ทั้งต้องรอนานกว่าหนึ่งชั่วยามกว่าจะกิน ทำให้อาหารเย็นไปหมดก็ไม่สนใจโดยสิ้นเชิง
เมื่อไหร่ที่เจ้าห้ายุ่ง เขาจะกลายเป็นเจ้าห้าจอมทุ่มเทสุดชีวิตเสมอ
ลู่หยาพูดด้วยรอยยิ้ม "วางใจเถอะเพคะ แม่นมสี่เป็นคนนำไปส่งให้ด้วยตัวเองเลยเพคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...