การสอบเอนทรานซ์ได้เริ่มขึ้นแล้ว
บรรดาพ่อแม่ที่กังวลใจต่างรออยู่ข้างนอก ทั้งเคร่งเครียดวิตกและไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างในจะเป็นอย่างไรบ้าง
แต่กลับกลายเป็นว่า พวกเขากังวลจนเกินเหตุไปจริง ๆ ผู้ที่เดินออกจากสนามสอบเป็นคนแรก ก็คือสองคุณชายตระกูลหยู่เหวิน
สีหน้าของทั้งสองคนดูผ่อนคลาย คล้ายว่าเตรียมตัวมาพร้อมจนมั่นใจอย่างยิ่ง ราวกับว่าสำหรับพวกเขา นี่ไม่ใช่การสอบที่สำคัญหรือยากลำบากอะไร แต่เป็นเพียงข้อสอบของเด็กประถมเท่านั้น
อู๋ซ่างหวงดึงเด็ก ๆ มาแล้วเอาแต่ถามว่ายากหรือไม่? รู้สึกว่าตอนสอบทำได้เป็นอย่างไร? ทั้งสองคนต่างก็แสดงท่าทางในทำนองละเว้นประโยคที่สำคัญไป แล้วพูดออกมาสองสามคำว่า "ก็พอไหวนะครับ!"
เซียวเหยากงก็ถามด้วยว่า "มีที่ทำไม่ได้กี่ข้อ?"
เมื่อทุกคนได้ยิน ก็คิดว่านี่ล่ะคือคำถามสำคัญ จึงพากันหันไปมองสองพี่น้องอย่างพร้อมเพรียง
สองพี่น้องส่ายหน้าพร้อมกันอีกครั้ง “ทำได้หมด!”
นี่ออกจะไม่ค่อยแยแสไปหน่อยแล้วนะ อายุยังน้อยก็ควรรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนเสียบ้างสิ
สุดท้ายคนเป็นพ่อก็ยังพึ่งพาได้เสมอ เดินเข้ามาโอบไหล่ลูกทั้งสองคนแล้วพูดว่า “สอบเสร็จแล้วก็ทิ้งมันไปเถอะนะ ไม่ต้องไปคิดถึงอีก ไม่ว่าจะสอบได้ดีหรือสอบได้ไม่ดี จากนี้ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว แค่รอการประกาศผลก็พอ”
สองวันมานี้ เขารอคอยด้วยใจที่ร้อนรนเล็กน้อย อยากรีบกลับไปที่เป่ยถังให้เร็วขึ้นอีกหน่อย
อันที่จริง จากที่ได้สังเกตเด็ก ๆ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขาก็พบว่าครั้งนี้ไม่ว่าพวกเขาจะมาหรือไม่มาที่นี่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะทุกคนต่างบอกว่าการสอบเอนทรานซ์นั้นสำคัญมาก แต่พวกเขากลับดูผ่อนคลายไม่ได้ลำบากหรือกังวลอะไรเลย
นี่เป็นการแสดงออกถึงความมั่นใจในตนเองโดยธรรมชาติ พวกเขามีความสามารถและฉลาดหลักแหลมจริง ๆ แต่ตนเองในฐานะพ่อ ซึ่งส่งต่อมรดกทางพันธุกรรมอันโดดเด่นเลอเลิศเช่นนี้ไปให้กับลูก ๆ ก็ควรได้หน้าในเรื่องนี้ด้วยสินะ
หลังจากสอบเสร็จ ก็ต้องไปเลี้ยงฉลองมื้อใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะสองคนสามีภรรยาไม่สามารถพาพวกเขาไปเที่ยวได้ เลยตั้งใจให้อาหารมื้อนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองไปด้วยเลย
แต่ถึงอย่างนั้น มาตอนนี้หลังจากสอบเสร็จ ความคิดของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ทุกอย่างเป็นไปตามพรหมลิขิต สอบเสร็จก็ถือว่าประสบชัยชนะแล้ว
หลังจากครอบครัวรวมตัวฉลองกันเล็ก ๆ เสร็จ หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงก็รีบกลับไปที่เป่ยถังโดยไม่มีการรั้งรอใด ๆ อีก
แต่ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน ก่อนที่จะกลับไป เธอก็ยังไม่ลืมว่าต้องขอให้หยางหรูไห่ฉีดยายับยั้งให้ก่อนเข็มหนึ่ง
สำหรับเธอแล้ว สารยับยั้งไม่ได้เป็นเพียงการยับยั้งความสามารถของเธอเท่านั้น แต่ยังเป็นยาที่ช่วยชีวิตไว้ได้อีกด้วย ถ้าเธอไม่ใช้ยาตัวที่มีผลยับยั้งต่อไป ร่างกายของเธอก็จะไม่สามารถทนต่อผลที่ตามมาของการพัฒนาสมองได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...