บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 182

สวีอีเอามือปิดศีรษะแล้วเดินออกมา หลังจากถูกมัดไว้ แล้วยังต้องไปขับรถม้าให้พระชายาด้วย

หยวนชิงหลิงนั่งบนรถม้า พลางมองหน้าสวีอีที่สีหน้าเต็มไปด้วยความอดสู พลันกระโดดขึ้นรถม้า นางจึงพูดขึ้น: “เจ้าจะไปด้วยหรือ?”

“ท่านอ๋องสั่งให้ข้าตามไปด้วย เพื่อส่งพระชายาเข้าวัง” สวีอีพูดด้วยเสียงไม่เต็มใจ

หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ทำไม?รองรับอารมณ์มาอีกแล้วหรือ?”

สวีอีไม่กล้าบ่นอีกแล้ว พึมพำ “ข้าน้อยปากไม่ดี จึงมักไปยั่วยุให้ท่านอ๋องโมโห”

หยวนชิงหลิงปล่อยผ้าม่านลง พร้อมกับหัวเราะ สวีอีช่างเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาจริงๆ

สวีอีแอบเปิดม่านดู พร้อมเอาหัวเข้าไปส่อง “พระชายา เมื่อครู่ที่ท่านถามคือที่นี่ วันหลังข้าน้อยจะพาท่านไป”

ท่านอ๋องเอาใจยาก มาพึ่งพระชายาดีกว่า หลังจากนี้ถ้าเกิดเรื่องขึ้น พระชายายังช่วยเขาได้

แม่นมสี่สบถออกมาครั้งหนึ่ง “ดูเจ้าสิ ช่างไม่อยากมีชีวิตอยู่จริงๆ พระชายาพูดเล่น เจ้ากลับคิดจริงหรือ?เจ้าอย่าได้เอาไปพูดด้านนอกเชียว ข้าตัดลิ้นเจ้าแน่ มิน่าล่ะทำไมท่านอ๋องถึงได้มัดเจ้า เจ้ามันสมควรโดน”

สวีอีค่อยๆ เอาหัวออกไป ในใจก็รู้สึกเจ็บมาก

ช่วงนี้ทำอะไรก็ไม่ราบรื่น ไปหาใครก็หาเรื่องคนนั้น?และมักจะโดนด่าตลอด!

รถม้ามาจอดที่ถนนชิงเหนี่ยว เสียงล้อดังตึกตักๆ แล้วก็ตามด้วยเสียงออดแอดออดแอด หยวนชิงหลิงได้ยินเสียงแล้วรู้สึกแปลกๆ จึงพูดขึ้น: “สวีอี......”

ทันใดนั้น ก็ได้ยินเพียงเสียงรถม้าดังสนั่น “เปิ่ง” รถม้าที่คัน พลิกไปอยู่ด้านข้างทันที

โชคดีที่สวีอีรับรู้เร็ว จึงรีบกระโดดลงไป แล้วพูดเสียงร้อนรน : “พระชายารีบลงมา ล้อรถหลุดออกแล้ว”

แม่นมสี่พยุงนาง เพื่อรีบลงจากรถม้า โดยไม่สนใจอะไรแล้ว เพราะเกรงว่าถ้าสวีอียกไม่ได้ คนก็จะตกลงมา

สวีอีเห็นทั้งสองคนลงมาแล้ว ถึงได้โล่งอก พร้อมกับหันไปมองรถม้าอย่างเสียอารมณ์ พลันพูดขึ้น: “รถม้าคันนี้ก่อนหน้านี้ก็เกิดปัญหา ท่านอ๋องได้เรียกข้าน้อยไปซ่อมแล้ว แต่ข้าลืม ตายแน่ ครั้งนี้ท่านอ๋องไม่เอาข้าไว้แน่”

แม่นมสี่พูดออกมาอย่างเหนื่อยใจ “เจ้าว่าเจ้ายังสามารถทำอะไรได้บ้าง?ช้าเร็วยังไงท่านอ๋องก็ต้องจัดการเจ้า”

สวีอีผงกหัวลงอีกครั้ง “ข้ากลับไปเปลี่ยนรถม้าก่อน โถ่เอ้ย?ล้อนั่น?ต้องเอาล้อมาใส่ก่อนถึงจะสามารถขับต่อไปได้ ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นการขัดขวางคนเดินไปมาตามถนน”

หลังจากที่ล้อรถหลุดออกไปรถม้าก็จอดขวางกลางถนน

กำลังพูดอยู่ ก็พลันเห็นรถม้าสีหม่นวิ่งมาอย่างรวดเร็ว

ก่อนที่รถม้าจะมาถึงนั้น คนขับรถม้าก็รีบหยุดรถม้าไว้ พลางหันไปพูดกับสวีอี: “พวกเจ้าเกิดอะไรขึ้น?อย่าขวางถนน!”

พอสวีอีเห็น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “แย่แล้ว เป็นคนของโสวฝู่ฉู่”

แม่นมสี่หมุนตัว แล้วหันหลัง พร้อมกับสีหน้าเยือกเย็น

หยวนชิงหลิงเคยเจอคนของโสวฝู่ฉู่ครั้งหนึ่ง เหมือนจะเป็นตอนที่อยู่ด้านนอกของห้องทรงพระอักษร คนของฝู่ฉู่มองนางไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ตาแก่แห้งเหี่ยวน่านิ่ง มองนางด้วยสายตาดั่งคมดาบ

เขาออกมาข้างนอกง่ายๆ แบบนี้หรือ?มีเพียงคนขับรถม้าหนึ่งคน ไม่มีทหารคอยเปิดทาง ไม่มีองครักษ์คอยอารักขาข้างๆ

และรถม้าเองก็ไม่ได้ดูเลิศหรูเลย ถ้าหากไม่รู้ยังคิดว่าเป็นรถม้าของตระกูลทั่วๆ ไป

ขุนนางโสวฝู่ เป็นคนเดียวในใต้หล้า และอยู่บนคนนับหมื่น กลับธรรมดาแบบนี้ ช่างทำให้หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงจริงๆ

สวีอีเดินเข้ามาคำนับ “ใต้เท้าฝู่ฉู่ ข้าน้อยเป็นทหารคุ้มกันของจวนอ๋องฉู่ มาส่งพระชายาฉู่เพื่อเข้าร่วมงาน แต่อยู่ดีๆ ล้อของรถม้าก็หลุดออก ถึงได้จอดขวางถนนแบบนี้ ขอให้ใต้เท้าโปรดรอสักครู่”

โสวฝู่ฉู่เปิดม่านขึ้น พร้อมกับกวาดสายตามอง ในเมื่อพระชายาอยู่นี่ แถมยังยืนอยู่ด้านนอก เขาจะนั่งบนรถมันก็ดูไม่ค่อยดี จึงลุกออกมา

แล้วหันไปกำชับคนขับ : “ไปช่วยเขาหน่อยนะ”

คนขับรถม้ารับคำสั่ง แล้วเดินไปหาสวีอี

โสวฝู่ฉู่เองก็เดินลงมาจากรถม้า พร้อมกุมมือแล้วพูดขึ้น: “พระชายา!”

“คารวะใต้เท้าฝู่ฉู่!” ต่อหน้าผู้คนนั้น หยวนชิงหลิงก็ไม่กล้าจะทำอะไร เขาอุตส่ามีมารยาท ก็เพราะว่าเขาให้เกียรติราชวงศ์ แต่ไม่ได้มองนางในสายตา

“พระชายาเกรงใจแล้ว!” โสวฝู่ฉู่พูดเสียงเรียบ พร้อมกับสายตาจับจ้องไปที่แม่นมสี่

แม่นมสี่รู้ว่าเขามาแล้ว จึงทำได้แค่ค่อยๆ หันกลับมา พร้อมกับคำนับ : “ข้าน้อยคารวะใต้เท้าโส่วฝู่ฉู่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน