บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1872

สรุปบท บทที่ 1872 ความแข็งแกร่งไม่พอคำค้านไร้ผล: บัลลังก์หมอยาเซียน

ตอน บทที่ 1872 ความแข็งแกร่งไม่พอคำค้านไร้ผล จาก บัลลังก์หมอยาเซียน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1872 ความแข็งแกร่งไม่พอคำค้านไร้ผล คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยาย จีน บัลลังก์หมอยาเซียน ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

หยู่เหวินหลี่ปรายตามองทังหยวนด้วยสายตาราบเรียบแวบหนึ่ง “ความแข็งแกร่งไม่พอ คำค้านไร้ผล”

ทุกคนต่างหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก นี่มันเหนือความคาดหมายแท้ ๆ หรือว่าที่จริงแล้วพี่ใหญ่จะชอบเจ้าตาทับทิมมากจริง ๆ ?

เซเว่นอัพมองดูอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหลุดคำพูดประโยคหนึ่งออกมาจากปาก “พี่ใหญ่ ไม่ควรมีรักก่อนวัยอันควรนะ”

ทังหยวนรีบพูดเสริมอย่างรวดเร็วว่า "ประเด็นหลักคือเจ้าตาทับทิมไม่ควรมีรักก่อนวัยอันควร นางยังเด็ก"

ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าตอนที่เก็บเจ้าตาทับทิมมาได้ นางเพิ่งจะเกิดไม่นาน ดังนั้นก็เท่ากับว่าเจ้าตาทับทิมยังเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น

เจ้าตาทับทิมโพล่งว่า "ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ ข้าอายุร้อยปีแล้ว"

ทุกคนมองนางด้วยความประหลาดใจ นางดูเหมือนอายุร้อยปีซะที่ไหนกันล่ะ?

“จริง ๆ นะ ติดแค่ว่าเมื่อก่อนข้าถูกห่อหุ้มด้วยพลังวิญญาณตลอดเวลา ถูกห่อหุ้มในก้อนพลังนั้นอยู่เก้าสิบกว่าปี ข้าอายุครบหนึ่งร้อยปีแล้วจริง ๆ ” เจ้าตาทับทิมพูดอย่างจริงจัง

หยู่เหวินหลี่ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เป็นอย่างนั้นเองหรอกรึ?

ข้าวเหนียวมองแล้วมองอีก “อายุร้อยปีแล้ว? ถ้าอย่างนั้นจะไม่นับว่าแก่เกินไปหน่อยหรอกเหรอ?”

“หัวข้อนี้ปัดตก ข้าวเหนียว คิดเรื่องเป้าหมายในชีวิตของตัวเองต่อไปซะ” หยู่เหวินหลี่ขัดจังหวะ ปัดตกหัวข้อนี้ทิ้งไป เรื่องของเขา ไม่ต้องการให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นการชั่วคราว

หัวข้อนี้หมุนวนกลับมาอีกรอบ ข้าวเหนียวก็มีสีหน้าหนักใจขึ้นมาอีกครั้ง

ในฐานะชายหนุ่มที่เคยมีเป้าหมายในชีวิตมากมาย เขาจึงยกเอาทุกสาขาอาชีพมาคิดวิเคราะห์อย่างจริงจังรอบหนึ่ง แต่กลับไม่พบสิ่งที่ตัวเองสนใจที่สุด

ฝืนทำไปมันก็ไม่มีความสุขน่ะสิ

หรือบางทีควรกลับไปพิจารณาเรื่องเรียนหมออีกครั้ง? ไม่แน่ว่ามันอาจสร้างเสริมและปลูกฝังความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้?

อันที่จริงถ้าว่าตามที่เคยพูด ท่ามกลางเป้าหมายมากมายที่เขาตั้งไว้ ความรู้สึกสนใจต่อการเป็นหมอค่อนข้างจะเข้มข้นกว่าอย่างอื่นอยู่นิดหน่อย

แต่เขาก็เคยคิดด้วยว่า อาจเป็นเพราะได้เห็นแม่เป็นสาเหตุหลัก ดังนั้นจึงส่งผลให้เขาเกิดมีตัวกรองสำหรับอาชีพหมอขึ้นมา

“พี่สาม เดิมทีพี่บอกว่าอยากเป็นหมอ แต่ต่อมาก็ไม่อยากเรียนหมอเสียแล้ว เป็นเพราะอะไรล่ะ?” เจ๋อหลานถามคำถามที่ค่อนข้างสำคัญตรงประเด็นออกมา

“เดิมทีข้าคิดแค่ว่า มีข้าเพิ่มหนึ่งคนก็ไม่นับว่ามาก มีข้าน้อยลงไปหนึ่งคนก็ไม่นับว่าน้อยน่ะสิ”

“แล้วถ้าทุกคนต่างก็คิดแบบนี้กันหมดล่ะ?” หยู่เหวินหลี่รู้สึกว่า ถึงแม้ประโยคนี้จะฟังดูเป็นเรื่องธรรมดาดาษดื่น แต่มันก็มีวงจรอุบาทว์เช่นนี้อยู่จริง ๆ “ดังนั้น เมื่อไหร่ที่เจ้าอยากทำอะไรสักเรื่องหนึ่ง อย่าคิดถึงคำพูดประโยคนี้ เพราะพูดกันตรง ๆ คำพูดประโยคนี้คือการปัดภาระและการปฏิเสธ ซึ่งมันจะทำลายความคิดดี ๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตัวเจ้า”

ข้าวเหนียวพูดอย่างจริงจัง "พี่ใหญ่ ข้าจะไตร่ตรองปัญหานี้อย่างลึกซึ้ง ขอบคุณพี่ใหญ่"

“เจ้าน้องโง่ อาศัยช่วงเวลาที่ยังเป็นเด็กนักเรียน อยู่ในวัยที่เบ่งบานมีชีวิตชีวา มีอะไรที่อยากทำก็จงรีบไปทำเร็ว ๆ เข้าเถอะ” หยู่เหวินหลี่พูดด้วยรอยยิ้ม

นี่คือช่วงอายุที่ดีที่สุดของพวกเขา สามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย ขอแค่พวกเขาสนใจ ขอแค่ไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าอะไรก็เรียนรู้ได้ทั้งนั้น

เจ้าตาทับทิมนั่งเท้าคางมองดูเขาอยู่อีกด้าน สายตาที่มองเขาเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ชื่นชม ทำไมพี่ซาลาเปาถึงได้โดดเด่นเก่งกาจขนาดนี้นะ? พูดจาก็ไพเราะน่าฟังเหลือเกิน

ซาลาเปาหันหน้ามา ได้สบตากับนางเข้าพอดี จึงยกยิ้มเล็กน้อย แล้วยกมือขึ้นลูบหน้าผากของนางเบา ๆ “ง่วงแล้วสินะ? ถ้าง่วงก็ไปนอนเถอะ”

“ข้าไม่ง่วง ข้าอยากคุยกับทุกคน” เจ้าตาทับทิมกอดหมาป่าซาลาเปา หมาป่าขยับหัวตัวเองขึ้นไปข้างหน้าเล็กน้อย รองส่วนคางของนาง หนึ่งหมาป่าหนึ่งจิ้งจอก สามารถเข้าใจกันและกันได้โดยปริยาย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน