บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1873

ทุกคนคุยสัพเพเหระกันจนเกือบถึงเช้า ค่อยกลับไปงีบหลับเอาแรงครู่สั้น ๆ

รอจนตะวันขึ้นสูง ก็เริ่มออกเดินทางต่อ

ทุกคนรู้สึกว่าเจ้าตาทับทิมเดินช้าเกินไป ทังหยวนจึงไปขอให้พี่ใหญ่แบกนางขึ้นหลังเดินดีกว่า

แต่หยู่เหวินหลี่กลับยืนกรานให้เจ้าตาทับทิมเดินเองช้า ๆ เพราะอย่างไรก็ไม่ได้รีบกันอยู่แล้ว

ทังหยวนหัวเราะพลางพูดว่า "นี่ขนาดเจ้าตาทับทิมบอกว่าอยากแต่งให้พี่ แล้วพี่ก็ตอบตกลงด้วย ทำไมถึงแบกขึ้นหลังเดินไม่ได้ล่ะ? พี่ใหญ่ช่างไม่รู้วิธีเอาใจเด็กผู้หญิงเลยซักนิด"

หยู่เหวินหลี่จูงข้อมือของเจ้าตาทับทิม พาเดินไปข้างหน้าทีละก้าว ๆ ปากก็พูดไปด้วยว่า "ถ้าคนสองคนมาถึงจุดที่จะเดินไปด้วยกัน นั่นคือการที่ทั้งสองฝ่ายต่างเรียนรู้ที่จะสนับสนุนซึ่งกันและกัน ก้าวหน้าไปด้วยกัน แต่ไม่ใช่แบกรับทุกอย่างไว้เองทั้งหมด"

แน่นอนว่าการแบกนางขึ้นหลังเดินมันง่าย แต่ที่ยากคือการเดินเองทีละก้าว ๆ นอกจากต้องใช้ความอดทนที่มากพอแล้ว ยังต้องแก้ไขข้อผิดพลาดบางอย่างของนางด้วย แบบนี้ถึงจะเดินได้ดีขึ้น

ถ้าเขาไม่เรียนรู้ไปด้วยกันกับนาง แล้วใครจะเรียนรู้ร่วมกับนางล่ะ? คาดหวังให้คนอื่นพาไปเรียนรู้แทนรึ?

ยิ่งไปกว่านั้น วิธีเรียนรู้การเดินไม่มีทางลัด ทำได้แค่เดินให้มาก ๆ จึงต้องอาศัยช่วงที่เขายังไม่ยุ่งฝึกฝนให้มากหน่อย

ทุกคนตระหนักขึ้นมาได้ทันทีว่า พี่ใหญ่ก็คือพี่ใหญ่ ไม่ว่าจะคิดการณ์อะไรก็ล้วนละเอียดรอบคอบและพิถีพิถันมาก

พวกเขาค่อย ๆ เดินไปในลักษณะนี้ จนในที่สุดก็ปีนขึ้นไปถึงยอดเขาหมาป่าหิมะได้

พอขึ้นไปบนยอดเขาแล้วมองลงไป อันที่จริงคือมองไม่เห็นทิวทัศน์อะไรมากนัก เพราะทุกแห่งมีแต่เมฆและหมอกหนา ๆ ปกคลุมจนทั่ว

แต่กลับมีความรู้สึกว่า ตัวเองประสบความสำเร็จเป็นพิเศษ หัวใจหลักของการปีนเขา คือการเพลิดเพลินไปกับการเดินทางระหว่างการปีนเขานั่นเอง

หมาป่าหิมะกลับไปหาเผ่าหมาป่าแล้ว เห็นแค่หมาป่าหิมะวิ่งทะยานอยู่บนยอดเขา ร่าเริงมีชีวิตชีวา เหมือนก้อนเมฆที่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงกับทำให้คนมองหูตาพร่างพราย แต่กลับให้ความรู้สึกสดชื่น

นี่เป็นครั้งแรก ที่บรรดาพี่ชายน้องสาวได้นำสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มารวมกลุ่มกัน ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อทำสิ่งที่แสนจะธรรมดา แต่กลับมีความหมายอย่างยิ่ง

แต่ในเวลานี้ทุกคนต่างไม่พูดอะไรทั้งนั้น แค่มองดูทะเลหมอกกับยอดเขาอันสูงตระหง่านกันอย่างเงียบ ๆ

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดขึ้นมาว่า "นี่คือแผ่นดินเป่ยถังของพวกเราสินะ"

ทันทีที่คำพูดนี้ถูกเปล่งออกมา ในใจของทุกคนพลันเกิดความรู้สึกหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจ เป็นผลให้ความรู้สึกสำนึกในหน้าที่ของคนตระกูลหยู่เหวินถือกำเนิดตามขึ้นมาติด ๆ

ในใจของทุกคนแอบตั้งสัตย์สาบานไว้ว่า ดินแดนแห่งนี้ จะต้องปกป้องเอาไว้ให้ดีที่สุด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน