บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1911

ต้าหมอกลับไปแล้ว ก่อนกลับก็ยังไปคุยกับสวีอี บอกว่าเขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานของถังกั่วเอ๋อ การแต่งงานเป็นชะตาฟ้าลิขิต สวีอีรู้สึกว่าต้าหมอไม่มีทั้งลูกไม่มีทั้งคู่รัก คงจะไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้แน่ ๆ

ทางจวนอ๋องซู่ในตอนนี้ แห้งเหี่ยวอับเฉาอย่างยิ่ง

ฮองเฮากลับไปส่งข่าวว่าตอนนี้พี่จูตี้ดีขึ้นมากแล้ว ยังบอกด้วยว่าจะกลับมาในเร็ว ๆ นี้ ตอนแรกทุกคนต่างก็วางใจ ต่างแยกย้ายกันไปทำงานของใครของมันได้

แต่เอาเข้าจริง เรื่องบางอย่างก็ปล่อยวางไม่ลง โดยเฉพาะเวลาที่ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง

ก่อนหน้านี้ตอนที่แม่นมสี่เกิดเรื่อง ทุกคนก็ยังได้เห็นนาง ได้มีโอกาสอยู่ข้าง ๆ ทั้งยังมีฮองเฮาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แน่นอนว่าย่อมทำให้รู้สึกใจคอสงบเป็นธรรมดา

แต่ตอนนี้มีใครได้เห็นพี่จูตี้บ้างล่ะ? แม้ว่าอู๋ซ่างหวงจะไปแล้วก็จริง แต่ด้วยนิสัยของเขา ไม่มีทางพูดคำพูดดี ๆ ออกมาแน่ แม้แต่องครักษ์เงาเฒ่าก็ยังเทียบไม่ได้ จะไปช่วยเรื่องรักษาโรคภัยได้อย่างไรกัน?

อย่างไรก็เป็นห่วงมากจริง ๆ อยากจะจับกลุ่มไปเยี่ยมดูนางสักครั้ง ต่อให้ได้เห็นแค่แวบเดียวก็ยังดี ให้ได้เห็นว่าสีหน้าดีแค่ไหน แค่นั้นก็วางใจได้แล้ว

อันที่จริง พวกเขาต่างก็รู้กันแบบคลุมเครือว่าอีกด้านหนึ่งมีสถานที่แห่งนั้นอยู่ พอดีกับที่ตอนนี้อ๋องชินเฟิงอันกับพระชายากลับมาแล้ว หากพวกเขาขอร้อง ก็พอจะไปที่นั่นได้

แต่ในใจของพวกเขาต่างก็รู้ดี ว่าสถานที่บางแห่งนั้น ไม่ไปเสียเลยยังจะดีกว่า ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่ควรไป เพราะมันจะทำให้ใจคอว้าวุ่น พลิกกลับการรับรู้และสติสัมปชัญญะ เกิดความอยากรู้ ลดความใส่ใจระแวดระวัง อาจไม่ใช่เรื่องที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อย่างเข้าสู่วัยนี้แล้ว การปล่อยให้จิตใจมีชีวิตชีวามากจนเกินไป มันไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตในวัยเกษียณ

อ๋องชินเฟิงอันและพระชายาเห็นพวกเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด แลดูอมทุกข์มาก จึงวางแผนว่าจะจัดงานเลี้ยงใหญ่ คิดว่าอยากจะให้ทุกคนได้กินอาหารดี ๆ สักมื้อ เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว ไม่มีอะไรที่เนื้อดี ๆ สักมื้อจะเยียวยาไม่ได้

เมื่อเขาไปบอกองครักษ์เงาเฒ่า ให้เขาประกาศเรื่องนี้ออกไป องครักษ์เงาเฒ่าพลันโมโหโทโสขึ้นมาแทน “เอาแต่กิน ๆ ๆ อยู่นั่น วันทั้งวันรู้จักแต่กิน ตอนนี้มันเวลาอะไรแล้ว? ไม่รู้ว่าพี่จูตี้จะทุกข์ทรมานขนาดไหนแท้ ๆ ยังจะมีอารมณ์จัดงานเลี้ยงอีก ถ้ายังมีแรงกินเนื้ออยู่ ทำไมไม่ไปขุดแร่ขุดเหมืองหาเงินหาทองมาอีกสักหน่อยล่ะ? อย่างน้อยก็พอให้ทุกคนได้มีชีวิตบั้นปลายที่ดีขึ้นอีกหน่อย”

อ๋องชินเฟิงอันถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างลังเลว่า “เมื่อไหร่กันที่พวกเจ้าใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างไม่เป็นสุข? ไม่มีข้าวจะกินหรือไม่มีเสื้อผ้าจะใส่ล่ะ? แต่ก่อนพอพูดถึงเรื่องกิน คนที่ส่งเสียงโห่ร้องก้องตะโกนดังที่สุด ก็ไม่ใช่เจ้าหรอกรึ?"

องครักษ์เงาเฒ่าโต้กลับทันควัน “ถึงอย่างนั้นก็ต้องรู้จักเวร่ำเวลาด้วยสิ เมื่อก่อนไม่มีเรื่องอะไร แน่นอนว่าจะกินจะดื่มก็ได้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้พี่จูตี้ป่วยหนัก เจ้ารู้หรือไม่ว่าอะไรคือป่วยหนัก? ก็คือป่วยเป็นโรคที่ร้ายแรงมากจนมีโอกาสตายได้ จนขนาดนี้แล้วเจ้ายังจะกินลงอีกรึ? มีมโนธรรมในใจบ้างหรือไม่? "

พูดจบ ก็เดินย่ำเท้าปึงปังออกไปทันที

อ๋องชินเฟิงอันโกรธจนถึงกับหัวเราะออกมาเลยทีเดียว เอามือตบโต๊ะพลางพูดกับพระชายาชินเฟิงอันว่า "เจ้าเฒ่าทารกนี่ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเห็นว่าจะรักหยกถนอมบุปผาอะไรกับใครเขา นี่ถึงขั้นสั่งสอนข้าเป็นแล้ว? ให้ดีนับจากนี้เขาอย่าได้ร่ำร้องขอจัดงานเลี้ยงอีกเด็ดขาดล่ะ ไม่อย่างนั้นข้าจะเอาคำพูดของเขาวันนี้ โยนกลับไปใส่หน้าให้เต็มรักเลย"

พระชายาชินเฟิงอันยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักหยกถนอมบุปผาหรอก ในสายตาของเขา คนไม่มีแบ่งแยกเพศ มีแต่คนของตัวเองกับคนของผู้อื่น”

“แต่ก่อนตอนที่ข้าได้รับบาดเจ็บยังไม่เห็นว่าเขาใส่ใจอะไรขนาดนี้เลย” อ๋องชินเฟิงอันยังบ่นพึมพำประโยคที่ลึกซึ้งที่สุดเพิ่มอีกประโยค

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน