บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1915

วันรุ่งขึ้นหลังเสร็จประชุมราชการเช้า เจินจื่อเฟิงก็ถูกเชิญไปรอที่นอกห้องทรงพระอักษร

ในฐานะผู้ที่ถูกร้องเรียนมาหลายต่อหลายครั้ง เขานับว่ามีประสบการณ์อย่างโชกโชน ก็คงไม่พ้นถูกตำหนิด้วยอารมณ์โกรธกริ้ว ไม่ต่างอะไรกับต้องเผชิญกับฝนตก ฟ้าร้อง น้ำค้างแข็งพวกนั้น คิดเสียว่าเป็นพระกรุณาของฮ่องเต้ เป็นของขวัญที่ทรงประทานมาให้ก็แล้วกัน

แน่นอนว่าเขาต้องคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะใต้เท้าสวี ในเมื่อนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาว่าใต้เท้าสวี อีกทั้งเรื่องที่เขาพูดก็เป็นความจริง ทั้งยังไม่ได้แอบว่าลับหลังด้วย แต่ไปพูดแบบเปิดเผยซึ่งหน้าตรงไปตรงมา

หยู่เหวินเห้าไม่ได้เรียกให้เขาเข้าพบในทันที แต่บอกให้เขายืนรอที่ด้านนอก จากนั้นก็หารืองานราชการกับพวกเน่ย์เก๋อต่อด้านใน

วันนี้ฮ่องเต้ทรงมีคำสั่งเรียกพบขุนนางจำนวนไม่น้อย เดินเข้าเดินออกไม่หยุด ทุกคนต่างเห็นกันหมดว่าเขายืนรออยู่ที่ด้านนอก

ตอนแรกอารมณ์ของเขายังนับว่าดีอยู่ แต่พอผ่านไปได้ครึ่งชั่วยาม ฝ่าบาทก็ยังไม่เรียกเขาเข้าไป เขาจึงรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา ประกอบกับวันนี้มีประชุมเช้า เขาทั้งง่วงทั้งหิว ยืนไปยืนมาก็เริ่มจะเวียนหัวตาลาย

โชคไม่ดีที่มู่หรูกงกงรับใช้อยู่ด้านใน จึงมีเพียงใต้เท้าสวีคนเดียวที่ยืนกอดดาบเฝ้าประตูรองอยู่ด้านนอก เป็นเพราะมีเรื่องปะทะฝีปากกันไปเมื่อวันก่อน เขาจะเข้าไปถามก็ไม่สะดวกใจนัก

ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว พวกคนที่ทำงานข้างในได้ดื่มชากินของว่างกันไม่ขาด มีแต่เขาที่กระทั่งน้ำแม้แต่หยดเดียวก็ยังไม่ได้กิน ลำคอแห้งผากจนเกือบจะเป็นผงอยู่แล้ว

ในที่สุดก็ทนไม่ไหว เขาสาวเท้าเข้าไปถามสวีอีว่า " ใต้เท้าสวี ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงมีรับสั่งเรียกข้าเข้าเฝ้า เป็นเพราะเรื่องของน้องชายข้าใช่หรือไม่?"

สวีอียังไม่รู้ว่าฝ่าบาทคิดจะช่วยระบายโทสะแทนเขา แต่ในใจยังคงเก็บเรื่องที่อีกฝ่ายพูดเมื่อวันก่อนมาใส่ใจอยู่ จึงตอบแบบเฉยชาไปว่า “ข้าไม่รู้ ฝ่าบาทไม่ได้ทรงตรัสอะไร "

เจินจื่อเฟิงประสานมือ พูดขึ้นว่า “หรือไม่ ใต้เท้าสวีเข้าไปดูสักหน่อยว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น? หรือไม่ก็ถามฝ่าบาทให้หน่อยว่า เมื่อไหร่พระองค์จะทรงเรียกข้าเข้าเฝ้า?”

สวีอีตอบกลับทันที "ฝ่าบาทกำลังหารือข้อราชการ ข้าจะเข้าไปได้อย่างไรล่ะ?"

“แค่ลองถามดูสักหน่อยเถอะ ข้าทั้งคอทั้งปากแห้งไปหมดแล้ว อีกทั้งยังง่วงแล้วก็หิวด้วย งานที่กรมอาญาก็มีอยู่ไม่น้อย จะให้รออยู่ที่นี่ตลอดก็คงไม่ดีแน่”

สวีอีเห็นว่าเสียงตอนที่เขาพูดมันแหบแห้งลงไปหน่อยแล้วจริง ๆ ก็รู้สึกว่านับตั้งแต่ประชุมเช้ายาวมาจนถึงตอนนี้ ที่จริงก็เป็นอะไรที่ลำบากอยู่ จึงพูดว่า "ข้าจะเรียกคนมารินน้ำให้ใต้เท้าเจินสักแก้วก็แล้วกัน"

ในห้องทรงพระอักษรนั้น เขาย่อมไม่กล้าตัดสินใจเอง แต่ถ้าเป็นข้างนอก ให้น้ำกินสักแก้วก็คงไม่เป็นไร

เจินจื่อเฟิงรับน้ำมาได้ ก็ยกขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดกับสวีอีด้วยรอยยิ้มว่า "ขอบคุณใต้เท้าสวีอย่างยิ่ง"

สวีอียิ้มรับ “ เรื่องเล็กน้อยไม่ต้องเกรงใจ ”

เจินจื่อเฟิงก็ยิ้มด้วย “ใต้เท้าสวีช่างใจดีจริง ๆ”

มู่หรูกงกงออกมาพอดี เห็นสวีอีเข้าไปในตำหนักข้างเพื่อรินน้ำให้เจินจื่อเฟิง ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ทั้งได้เห็นท่าทางของพวกเขา

คนสองคนที่ทะเลาะกันไปเมื่อวันก่อน ดูเหมือนตอนนี้จะคืนดีกันได้เรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างยิ้มแย้มชื่นมื่น นี่คือตอนจบอันดีงาม มันควรจะเป็นเช่นนั้น

แต่มู่หรูกงกงกลับไม่คิดอย่างนั้น เขาถึงขั้นโกรธมากด้วย ที่เรื่องมันเป็นไปในลักษณะนี้ ใต้เท้าสวีสมควรจะได้รับบทเรียนสักครั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน