สวีอีครุ่นคิดกลับไปกลับมาอยู่ครู่ใหญ่ ถ้าเขากลับไปบอกอะซี่ว่าจะยืมไปให้มู่หรูกงกง อะซี่ก็คงจะเอาเงินออกมาได้ราว ๆ หมื่นตำลึง แต่ถ้ามากกว่านั้นคงไม่ได้แน่ เพราะที่เหลือเป็นสินเดิมของอะซี่ตอนที่แต่งมา เขาจะไปแตะต้องสินเดิมของนางได้อย่างไรกัน?
ตอนแรกเขาสัญญากับมู่หรูกงกงไปว่า จะพยายามระดมเงินมาให้เขาอย่างสุดความสามารถ ส่วนเรื่องที่ว่าจะให้ยืมได้เท่าไหร่ ชั่วขณะนี้ยังไม่อาจรับประกันได้
มู่หรูกงกงมองดูเขาที่เดินออกไปด้วยใบหน้ากลัดกลุ้มอมทุกข์ ก็อดส่ายหัวไม่ได้ บอกว่าจะซื้อบ้านเขาก็เชื่อแล้ว? ไม่ถามต่ออีกสักสองสามข้อหรือ? เช่นดูว่าซื้อหลังไหน? หรือราคาจริงเท่าไหร่?
จนคุ้นเคยกันดีขนาดนี้แล้วแท้ ๆ หรือใต้เท้าสวียังไม่รู้แผนการในอนาคตของเขาอีก? เขาตัดสินใจไว้ว่าเขาจะแก่ตายในวัง หากฝ่าบาทไม่ทรงยอมให้เขาแก่ตายในวัง เช่นนั้นเขาก็จะกลับไปบ้านเกิดตัวเอง ทำไมเขาจะต้องซื้อบ้านในเมืองหลวง ทั้งยังซื้อในเขตกุ้ยสวินอีกต่างหาก?
แม้ว่าใต้เท้าสวีจะไม่ถือว่าเป็นคนฉลาดอะไรมากมาย แต่ก็ถือได้ว่ารู้จักระแวดระวังคนอื่น ทำไมตอนนี้เขาถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้? ดูเหมือนว่าฝ่าบาทอาจยังต้องสั่งให้เขาออกไปทำงานข้างนอกบ้าง ให้เขาได้ทำงานให้มากขึ้นหน่อย ปลุกสัญชาตญาณระวังภัยให้กลับมาน่าจะดี
ในฐานะของคนที่ทำงานรับใช้ฝ่าบาท เขาต้องนึกระแวงสงสัยทุกคำพูดที่คนอื่นนอกเหนือจากเจ้านายพูด จะไม่สามารถเชื่อได้ทุกถ้อยคำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว
สวีอีเดินออกไป เจินจื่อเฟิงยังคงยืนอยู่ข้างนอก สวีอีไม่สนใจเขา แค่เดินไปยืนอยู่อีกด้าน แล้วคิดถึงแต่เรื่องเงินที่มู่หรูกงกงอยากขอยืมแค่เรื่องเดียว
หลังจากที่เจินจื่อเฟิงยืนนานกว่าหนึ่งชั่วยาม เขาก็ตื่นตระหนกจริง ๆ แล้ว
ในอดีต แม้ว่าฝ่าบาทจะโกรธกริ้วเพียงใด ก็จะไม่ปล่อยให้เขาถูกแขวนค้างนานขนาดนี้ มีแต่จะถูกเรียกเข้าไป มีเรื่องอะไรก็ตรัสไปแบบรวดเดียวจบ
เขาในฐานะขุนนางขั้นห้าคนหนึ่ง โอกาสที่เขาจะได้เข้าห้องทรงพระอักษรนั้นมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นเพราะถูกร้องเรียนเป็นหลัก โชคยังดีที่งานในหน้าที่ทำได้ดีมาตลอด ติดแค่ถูกคนฟ้องร้องเยอะมาก ฝ่าบาทเองก็ไม่ได้ทรงลงโทษอะไรร้ายแรงนัก แต่ก็ส่งผลให้เขาถูกกดอยู่กับที่ ไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งได้
แต่ในครั้งนี้ดูเค้าลางดี ๆ ก็คล้ายว่าจะไม่เหมือนเดิมแล้วจริง ๆ แต่เรื่องของน้องชายเขาก็ไม่ได้ลำเอียงเข้าข้างเลย หลังจากทำร้ายคนจนบาดเจ็บ คนจากกรมปกครองก็มาพาตัวไปดำเนินคดี
เขาก็แค่ขอให้คนส่งข้าวของบางอย่างเข้าไปในนั้น อยากให้เขาลำบากน้อยลงหน่อย กับฝากคำพูดเป็นห่วงเป็นใยไปให้สองสามคำ พวกคนในกรมปกครองเห็นแก่หน้าเขา จึงปฏิบัติต่อน้องชายเขาเป็นอย่างดี น่ากลัวว่านี่คงเป็นสาเหตุให้เขาถูกร้องเรียนแน่
การรอหนนี้ รอไปเป็นเวลาสองชั่วยามครึ่ง จนถึงเวลาฝ่าบาทเสวยกระยาหาร ถึงได้มีรับสั่งเรียกให้เขาเข้าไป
เขาหิวท้องกิ่วจนชนิดที่ว่าหน้าอกแทบจะแนบติดกับแผ่นหลังให้ได้แล้ว พอเข้าไปก็คุกเข่าลง "ถวายบังคมฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่น ๆ ปี"
หยู่เหวินเห้าทำท่าเหมือนไม่ได้ยิน ก้มหน้าอ่านฎีกา ปล่อยให้เขาคุกเข่าอยู่อย่างนั้น
ในใจของเจินจื่อเฟิงเริ่มหวาดกลัวขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ได้แต่คุกเข่าอยู่อย่างนั้น คิดในใจว่าทำไมครั้งนี้ฝ่าบาทถึงได้ทรงกริ้วขนาดนี้? หรือมันอาจไม่ได้มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...