บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1916

สวีอีครุ่นคิดกลับไปกลับมาอยู่ครู่ใหญ่ ถ้าเขากลับไปบอกอะซี่ว่าจะยืมไปให้มู่หรูกงกง อะซี่ก็คงจะเอาเงินออกมาได้ราว ๆ หมื่นตำลึง แต่ถ้ามากกว่านั้นคงไม่ได้แน่ เพราะที่เหลือเป็นสินเดิมของอะซี่ตอนที่แต่งมา เขาจะไปแตะต้องสินเดิมของนางได้อย่างไรกัน?

ตอนแรกเขาสัญญากับมู่หรูกงกงไปว่า จะพยายามระดมเงินมาให้เขาอย่างสุดความสามารถ ส่วนเรื่องที่ว่าจะให้ยืมได้เท่าไหร่ ชั่วขณะนี้ยังไม่อาจรับประกันได้

มู่หรูกงกงมองดูเขาที่เดินออกไปด้วยใบหน้ากลัดกลุ้มอมทุกข์ ก็อดส่ายหัวไม่ได้ บอกว่าจะซื้อบ้านเขาก็เชื่อแล้ว? ไม่ถามต่ออีกสักสองสามข้อหรือ? เช่นดูว่าซื้อหลังไหน? หรือราคาจริงเท่าไหร่?

จนคุ้นเคยกันดีขนาดนี้แล้วแท้ ๆ หรือใต้เท้าสวียังไม่รู้แผนการในอนาคตของเขาอีก? เขาตัดสินใจไว้ว่าเขาจะแก่ตายในวัง หากฝ่าบาทไม่ทรงยอมให้เขาแก่ตายในวัง เช่นนั้นเขาก็จะกลับไปบ้านเกิดตัวเอง ทำไมเขาจะต้องซื้อบ้านในเมืองหลวง ทั้งยังซื้อในเขตกุ้ยสวินอีกต่างหาก?

แม้ว่าใต้เท้าสวีจะไม่ถือว่าเป็นคนฉลาดอะไรมากมาย แต่ก็ถือได้ว่ารู้จักระแวดระวังคนอื่น ทำไมตอนนี้เขาถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้? ดูเหมือนว่าฝ่าบาทอาจยังต้องสั่งให้เขาออกไปทำงานข้างนอกบ้าง ให้เขาได้ทำงานให้มากขึ้นหน่อย ปลุกสัญชาตญาณระวังภัยให้กลับมาน่าจะดี

ในฐานะของคนที่ทำงานรับใช้ฝ่าบาท เขาต้องนึกระแวงสงสัยทุกคำพูดที่คนอื่นนอกเหนือจากเจ้านายพูด จะไม่สามารถเชื่อได้ทุกถ้อยคำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว

สวีอีเดินออกไป เจินจื่อเฟิงยังคงยืนอยู่ข้างนอก สวีอีไม่สนใจเขา แค่เดินไปยืนอยู่อีกด้าน แล้วคิดถึงแต่เรื่องเงินที่มู่หรูกงกงอยากขอยืมแค่เรื่องเดียว

หลังจากที่เจินจื่อเฟิงยืนนานกว่าหนึ่งชั่วยาม เขาก็ตื่นตระหนกจริง ๆ แล้ว

ในอดีต แม้ว่าฝ่าบาทจะโกรธกริ้วเพียงใด ก็จะไม่ปล่อยให้เขาถูกแขวนค้างนานขนาดนี้ มีแต่จะถูกเรียกเข้าไป มีเรื่องอะไรก็ตรัสไปแบบรวดเดียวจบ

เขาในฐานะขุนนางขั้นห้าคนหนึ่ง โอกาสที่เขาจะได้เข้าห้องทรงพระอักษรนั้นมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นเพราะถูกร้องเรียนเป็นหลัก โชคยังดีที่งานในหน้าที่ทำได้ดีมาตลอด ติดแค่ถูกคนฟ้องร้องเยอะมาก ฝ่าบาทเองก็ไม่ได้ทรงลงโทษอะไรร้ายแรงนัก แต่ก็ส่งผลให้เขาถูกกดอยู่กับที่ ไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งได้

แต่ในครั้งนี้ดูเค้าลางดี ๆ ก็คล้ายว่าจะไม่เหมือนเดิมแล้วจริง ๆ แต่เรื่องของน้องชายเขาก็ไม่ได้ลำเอียงเข้าข้างเลย หลังจากทำร้ายคนจนบาดเจ็บ คนจากกรมปกครองก็มาพาตัวไปดำเนินคดี

เขาก็แค่ขอให้คนส่งข้าวของบางอย่างเข้าไปในนั้น อยากให้เขาลำบากน้อยลงหน่อย กับฝากคำพูดเป็นห่วงเป็นใยไปให้สองสามคำ พวกคนในกรมปกครองเห็นแก่หน้าเขา จึงปฏิบัติต่อน้องชายเขาเป็นอย่างดี น่ากลัวว่านี่คงเป็นสาเหตุให้เขาถูกร้องเรียนแน่

การรอหนนี้ รอไปเป็นเวลาสองชั่วยามครึ่ง จนถึงเวลาฝ่าบาทเสวยกระยาหาร ถึงได้มีรับสั่งเรียกให้เขาเข้าไป

เขาหิวท้องกิ่วจนชนิดที่ว่าหน้าอกแทบจะแนบติดกับแผ่นหลังให้ได้แล้ว พอเข้าไปก็คุกเข่าลง "ถวายบังคมฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่น ๆ ปี"

หยู่เหวินเห้าทำท่าเหมือนไม่ได้ยิน ก้มหน้าอ่านฎีกา ปล่อยให้เขาคุกเข่าอยู่อย่างนั้น

ในใจของเจินจื่อเฟิงเริ่มหวาดกลัวขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ได้แต่คุกเข่าอยู่อย่างนั้น คิดในใจว่าทำไมครั้งนี้ฝ่าบาทถึงได้ทรงกริ้วขนาดนี้? หรือมันอาจไม่ได้มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน