บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 2076

แม้ว่าเจ้าห้าจะพูดอย่างละเอียดมากแล้ว แต่ท่านหมิงก็ยังคิดว่าถ้าเขาทำแบบนี้ มันจะต่างอะไรกับพวกฮ่องเต้เลอะเลือนที่รักเพียงหญิงงามไม่รักแผ่นดินล่ะ?

การปกครองประเทศ ก็คือการนำพาให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง ประชาชนร่มเย็น ทำให้ประชาชนมีอาหารและเครื่องนุ่งห่มที่เพียงพอ ส่วนของอื่นใดที่นอกเหนือไปจากอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ก็ไม่น่าจะสำคัญอะไรมากมายนักหรอก

ตอนนี้ทำได้ดี ทั้งยังมีความมุ่งมั่นและกำลังวังชาอยู่ สามารถทำให้ดีอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ได้ รักษาสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้เอาไว้ไม่ดีกว่าหรือ? การเปลี่ยนผู้กุมอำนาจมันมีความเสี่ยงมากนะ

หยู่เหวินเห้าบอกเขาว่า มีความเสี่ยงแต่ก็มีประโยชน์ด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อเปลี่ยนคนรุ่นใหม่ขึ้นมา ก็เท่ากับการเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ มีโอกาสมากที่มันจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ อีกทั้งตัวเขาเองก็ยังไม่ถือว่าเกษียณออกไปเต็มตัวด้วย

สุดท้าย ท่านหมิงก็พูดว่า: "ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว และอู๋ซ่างหวงก็เห็นด้วย เช่นนั้นพ่อก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ แต่เจ้าต้องคอยจับตาให้ดีนะ รัชทายาทยังเด็กมาก"

“เสด็จพ่อวางใจเถอะ ข้าจะคอยจับตาดูแน่นอน” หยู่เหวินเห้าให้คำมั่นสัญญา

สุดท้าย ท่านหมิงก็พูดว่า: "ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว และอู๋ซ่างหวงก็เห็นด้วย เช่นนั้นพ่อก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ แต่เจ้าต้องคอยจับตาให้ดีนะ รัชทายาทยังเด็กมาก"

“เสด็จพ่อวางใจเถอะ ข้าจะคอยจับตาดูแน่นอน” หยู่เหวินเห้าให้คำมั่นสัญญา

ท่านหมิงมองเขา พลางถอนหายใจเฮือก "พ่อไม่เข้าใจการตัดสินใจของเจ้านัก แต่พ่อก็จะสนับสนุนเจ้า เชื่อเจ้า เพราะการที่เจ้าตัดสินใจเช่นนี้ ย่อมผ่านการชั่งน้ำหนักถึงผลได้ผลเสียมาแล้วแน่นอน"

เขาไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะสนับสนุน นี่คือทั้งหมดที่เจ้าห้าเข้าใจ

ในใจของเขารู้สึกซาบซึ้ง จำได้ว่าก่อนที่เจ้าหยวนจะกลับมา นางกอดแม่แล้วพูดคำพูดประโยคหนึ่งว่า "หนูรักแม่ค่ะ" เขาได้ยินก็รู้สึกประทับใจมากเหมือนกัน จึงคุกเข่าลงกับพื้นแล้วพูดว่า: "พ่อ ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของท่าน ข้า....."

เขาหยุดชะงักไป พบว่าการจะเอ่ยคำสามคำว่าข้ารักท่านออกจากปาก มันเป็นอะไรที่ยากมากจริง ๆ เหมือนว่าเขาจะพูดได้แค่กับเจ้าหยวนคนเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคุกเข่าแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อกอดเสด็จพ่อ ก่อนจะพูดว่า "ขอบคุณในความไว้เนื้อเชื่อใจของท่าน"

ท่านหมิงไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

แค่ปล่อยให้ลูกชายกอดต่อไปทั้งอย่างนี้

จู่ ๆ ขอบตาก็ถูกคลื่นความร้อนระลอกหนึ่งพุ่งเข้าจู่โจมอย่างกะทันหัน ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลกลใด เขาก็นึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ลูกชายเป็นถึงฮ่องเต้ ในช่วงหลายปีมานี้ มันหาได้ยากมากที่เขาจะมีอารมณ์อ่อนไหวเช่นนี้

รอจนพวกเขาสองสามีภรรยาออกไปจากหมู่ตึกเหมย หัวใจของท่านหมิงก็ยังไม่อาจสงบลงได้ ยังคงรู้สึกตื่นเต้นระคนยินดีอยู่ไม่หาย

ฮู่เฟยเห็นว่าเขาเอาแต่ใจลอย จึงคิดไปว่าเขาคงนึกบ่นในใจว่าฮ่องเต้ไม่ได้รั้งอยู่เป็นเพื่อนเขาให้นานกว่านี้ จึงพูดขึ้นว่า: "ฮ่องเต้มีเรื่องสำคัญในราชสำนักต้องรีบสะสาง ท่านโปรดเข้าใจเขาด้วย"

ท่านหมิงหันไปมองฮู่เฟย ในดวงตาเปียกชื้น "ข้าเข้าใจดี ข้าแค่รู้สึกว่าลูกชายคนนี้ ยิ่งนับวันก็ยิ่งทำให้รู้สึกรักใคร่ผูกพันจนยากจะตัดใจแยกจากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว"

เดิมทีฮู่เฟยคิดจะพูดว่าพออายุมากขึ้น ก็มักจะรู้สึกผูกพันจนยากจะตัดใจแยกจากลูกชายเป็นธรรมดา แต่คิด ๆ ไปก็นึกขึ้นมาได้ว่าช่วงนี้เขามักจะกังวลเรื่องอายุที่มากขึ้น ดังนั้นนางจึงไม่พูดประโยคนี้ออกมา แค่ยิ้ม ๆ แล้วพูดว่า: "เช่นนั้นวันหลัง ถ้าท่านอยากกลับไปเยี่ยมเยียนพวกเขา หม่อมฉันจะไปกับท่านนะเพคะ"

"อื้ม" ท่านหมิงพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่รู้สึกว่าในใจเหมือนมีพันธะบางอย่างที่ผูกพันกับคนในราชวงศ์อย่างลึกซึ้งกว่าเล็กน้อย เต็มไปด้วยความคิดถึงและยากจะตัดใจแยกจาก

หรือบางทีอาจเป็นเพราะอายุมากแล้วจริง ๆ ก่อนหน้านี้เคยรู้สึกว่าหลังได้ออกจากเมืองหลวงมาแล้ว ค่อนข้างเป็นอิสระขึ้นแท้ ๆ

จู่ ๆ เขาก็ตัดสินใจว่า "ข้าอยากกลับไปอยู่ที่จวนอ๋องซู่ ในฐานะลูกชาย ก็สมควรจะไปอยู่เคียงข้างพ่อตัวเองสักหน่อย ไม่ควรเห็นแก่ตัวเกินไปนัก"

ฮู่เฟยถึงกับตกตะลึงไปครู่ใหญ่ ๆ "ข้าเกรงว่า ความเคยชินในการใช้ชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ลองถามอู๋ซ่างหวงดูก่อนเถอะนะเพคะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน