วันเวลาผ่านไปแบบนี้จนถึงปลายปี ก่อนงานเลี้ยงครอบครัว หยู่เหวินเห้าก็บอกเล่าความคิดเห็นของเขาให้รัชทายาทฟัง
หลังจากที่รัชทายาทได้ยิน กลับไม่มีท่าทีแปลกใจหรือตกใจอะไรเลย แค่พูดอย่างเคร่งขรึมว่า: "ท่านพ่อ ในเมื่อท่านมอบความรับผิดชอบอันหนักหน่วงเช่นนี้ให้ข้า ข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่าเป่ยถังจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อให้ประเทศชาติรุ่งเรืองประชาชนร่มเย็น และจะสร้างกองทัพแข็งแกร่ง ต่อไปเพื่อปกป้องดินแดนทางตอนเหนือของเป่ยถังไม่ให้ถูกใครรุกราน”
ไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการทางชายแดน สถานที่สำคัญทางการทหาร และบรรดากิจการทหารของกองรักษาการณ์ต่าง ๆ เขาได้จัดวางทุกอย่างไว้จนทะลุทะลวงหมดแล้ว
ในช่วงสองปีมานี้ เขาเริ่มศึกษาเรื่องการดำเนินชีวิตของประชาชน หลักการปกครอง ทั้งยังอ่านหนังสือศาสตร์ของฮ่องเต้ที่อ๋องชินเฟิงอันเป็นคนเขียนไว้หลายต่อหลายรอบด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่เขามีเวลา ก็จะไปเยี่ยมคารวะเหล่านักปราชญ์ จับเข่าคุยรายละเอียดสำคัญ และฟังคำแนะนำของพวกเขา
เมื่อหนึ่งปีก่อน เขาได้ก่อตั้งคณะปราชญ์แห่งตำหนักบูรพาขึ้นมาอย่างเป็นทางการ คนเหล่านี้ครอบคลุมไปถึงเหล่านักปราชญ์จากทั่วทุกถิ่น บางคนอยู่ในเมืองหลวง บางคนอยู่ในป่าเขา แต่มีการติดต่อส่งข้อมูลหากันตลอดเวลา ถ้าเมื่อไหร่ที่มีการเรียกรวมตัว พวกเขาต่างก็ยินดีที่จะมายังเมืองหลวง
ในช่วงที่เขารับหน้าที่ดูแลงานบ้านเมือง เขาได้ลองใช้คนมีความสามารถไปทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ดูก่อน ส่งเสริมขุนนางในส่วนกรมการปกครองด้วยแนวคิดใหม่ ๆ บางอย่าง ฝึกให้พวกเขาหัดทำลายกฎและข้อบังคับเก่า ๆ เพื่อสิ่งที่ดีกว่า
ที่เขาทำอะไรเยอะแยะมากมายขนาดนี้ ก็เพราะรู้ว่าเสด็จพ่อมีความตั้งใจที่จะเกษียณ เมื่อไหร่ที่เสด็จพ่อเกษียณ ประการแรกเลยคือ ต้องหวังที่จะได้ใช้เวลากับแม่ให้มาก ๆ เพื่อให้แม่ได้มีโอกาสพัฒนาอาชีพของตัวเอง เพราะทุกเรื่องที่แม่ทำ ล้วนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติทั้งสิ้น
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขาหวังว่าเป่ยถังจะสามารถพัฒนาขึ้นไปถึงอีกระดับหนึ่งได้ ตอนนี้ขุนนางทุกคนเข้าใจแนวทางหน้าที่ของตัวเองดีแล้ว เป่ยถังเจริญรุ่งเรืองและแข็งแกร่งแล้ว สามารถใช้วิธีการขับเคลื่อนแบบที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ใช้วิธีการกำกับดูแลที่สอดคล้องไปตามธรรมชาติ ไม่เรียกร้องให้สร้างแนวทางอะไรที่มันแตกต่าง
เพราะพวกเขารู้สึกว่า ตอนนี้ชีวิตครบถ้วนสมบูรณ์ดีแล้ว ไม่ทำ ก็จะไม่เกิดข้อผิดพลาด ทำแล้ว ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะตามมา ดังนั้นไม่สู้ไม่ทำอะไรเลยดีกว่า เพราะถึงอย่างไรชีวิตก็ไปได้ดีอยู่แล้ว
เสด็จพ่อพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลง ร่วมมือกับโสวฝู่ แต่ทุกคนขาดแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ไปหมดแล้ว ทำงานไปได้แค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็หยุด ไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ การฝืนทำโดยไม่เข้าใจประเด็นสำคัญ ทั้งยังไม่ตรงปัญหาแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร? มีแต่จะเสียทั้งกำลังคน เสียทั้งกำลังทรัพย์ไปเปล่า ๆ
ทำให้กลุ่มเน่ย์เก๋อที่นำโดยเสด็จพ่อกับโสวฝู่ เหน็ดเหนื่อยจนร้องขอชีวิตไปตาม ๆ กันเลยทีเดียว
แต่ถ้าเจ้านายของราชวงศ์เปลี่ยนคนใหม่ พวกขุนนางที่หมายจะนั่งกระดิกเท้าสบาย ๆ พักผ่อนนอนเล่นอยู่บนเก้าอี้ของตัวเองก็จะหมดสิทธิ์เพ้อฝันทันที เพราะเจ้านายใหม่คนนี้มีทีมงานของตัวเอง ถ้าพวกเจ้าไม่ทุ่มเททำงานให้หนัก ก็มีสิทธิ์ถูกเด้งออกจากตำแหน่งได้เสมอ
สิ่งที่เรียกว่าบุคลากรใหม่ รูปแบบการทำงานแนวใหม่ เมื่อคนที่เป็นผู้นำกระตุ้นแรงบันดาลใจของลูกน้องขึ้นมาได้ การดำเนินงานใด ๆ หลังจากนั้นก็จะง่ายขึ้นมาก
ตอนนี้เป่ยถังไม่ได้ย่ำแย่อะไร แต่ก็ยังค้างเติ่งอยู่เท่ากับเมื่อห้าหกปีก่อน ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว ตั้งแต่ต้นจนมาถึงตอนนี้ ก็ยังคงเว้นระยะห่างจากต้าซิ่งและต้าโจวในระดับที่แน่นอนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
ในหนึ่งช่วงรัชสมัยของฮ่องเต้องค์หนึ่ง ว่ากันตามจริงมันก็คือภาพจำลองเล็ก ๆ ของประเทศประเทศหนึ่ง เมื่อมีความสำเร็จ การทุจริตคอรัปชั่นก็จะเริ่มตามมา ถ้าไม่ทำลายสิ่งเก่าทิ้งก็ไม่อาจสร้างสิ่งใหม่ได้ ถึงเวลาแล้วที่ควรจะต้องสร้างกฎใหม่ของราชวงศ์ใหม่ขึ้นมา
ซึ่งในจุดนี้ หยู่เหวินเห้ากับลูกชายล้วนมีความคิดแบบเดียวกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...