ในวันที่ห้าของปีใหม่ พวกเขาก็เริ่มเก็บข้าวของ รอราชสำนักเปิดทำการ ก็จะป่าวประกาศออกไปว่าจะไปพักฟื้นอาการป่วยที่หมู่ตึกเหมย
เจ้าห้าบอกว่ากลับไปครั้งนี้ เพราะต้องไปอยู่ค่อนข้างนาน ดังนั้นของที่ต้องนำกลับไปจึงมีเยอะตามไปด้วย
แต่แท้ที่จริงแล้วขณะที่กำลังเก็บของ ก็พบว่าไม่มีอะไรที่ต้องเอาไปด้วยเลย เพราะที่นั่นล้วนมีหมดทุกอย่างแล้ว กระทั่งเสื้อผ้าก็ยังไม่จำเป็นต้องเอาไปด้วยซ้ำ
เรียกได้ว่ามือหนึ่งจูงเจ้าหยวน ส่วนมืออีกข้างจูงแม่ยายกลับไปได้อย่างผ่อนคลายสบายใจเลยทีเดียว
แต่เพราะตอนนี้ เขาก็นับว่าเป็นคนที่มีเพื่อนอยู่ทางนั้นเหมือนกัน ก็สมควรต้องเอาของติดไม้ติดมือไปให้เพื่อน ๆ สักหน่อย
เขาเลือกหยกพกสองสามชิ้นจากในวังออกมา แล้วเอาไปถามเจ้าหยวนว่า "เจ้าว่าที่แอนตาร์กติกาจะมีสินค้าพิเศษเช่นนี้อยู่หรือไม่? รอให้ถึงตอนที่ข้ากลับไป จะบอกว่ามันเป็นสินค้าพิเศษที่นำกลับมาจากแอนตาร์กติกา"
หยวนชิงหลิงยิ้มพลางพูดว่า "หรือไม่เจ้าก็เอาน้ำแข็งกลับไปสักหลาย ๆ ก้อน? หรือไม่ก็จับนกเพนกวินกลับไปสักสองสามตัวก็ได้นะ"
“สถานที่ใหญ่โตขนาดนั้น ไม่มีหยกเลยรึ?” เจ้าห้าดูจะผิดหวังลงเล็กน้อย เขาเล่นกับมันพลางพูดว่า “เดิมทีข้าคิดจะบอกว่าข้าขุดมันขึ้นมาด้วยตัวเอง ทั้งยังขัดมันเองกับมือด้วย จะได้แสดงให้ใคร ๆ เห็นว่าข้ามีความสามารถ”
“ต้องทำเองเท่านั้น ถึงจะแสดงออกได้ว่าเจ้าจริงใจและมีความสามารถอย่างนั้นรึ? ข้ากลับคิดว่า ถ้าเจ้ากลับไปเลือกของขวัญสักชิ้น ขอแค่ตั้งใจเลือกให้ดี ๆ พวกเขาจะต้องสัมผัสถึงความจริงใจของเจ้าได้แน่ ส่วนเรื่องความสามารถน่ะหรือ? การที่เจ้าสามารถเสร็จสิ้นงานสำรวจในแอนตาร์กติกาได้รวดเร็วถึงขนาดนี้ ก็นับว่ามีความสามารถมากแล้วล่ะ"
หยวนชิงหลิงรู้สึกมีความสุขมาก ในตอนนั้นนางคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเขาจะใช้ข้ออ้างนี้เพื่อจากมา เขาไม่ได้เข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับแอนตาร์กติกามากนัก เรียกได้ว่าเพิ่งดูจะสารคดีไปได้แค่ครู่เดียว เดาคร่าว ๆ แล้วน่าจะดูไปยังไม่ถึงสิบนาทีเลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่านางเข้าใจดี ว่าเจ้าห้าจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะการที่คนเราจะใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนกับคนในท้องถิ่นได้ นอกจากมีญาติแล้ว ยังต้องมีเพื่อนฝูงและบุคคลที่ติดต่อกันทางสังคมด้วย จากนั้นจึงค่อย ๆ มีชีวิตและอาชีพของตัวเอง
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาถึงจะหลอมรวมเข้าด้วยกันได้อย่างแท้จริง
เมื่อถึงช่วงราชสำนักเปิดทำการ บรรดาขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ได้ยินว่าฝ่าบาททรงมีพลานามัยที่ย่ำแย่ลง จำเป็นต้องไปพักฟื้นที่หมู่ตึกเหมย ต่างก็เป็นห่วงพระวรกายของฝ่าบาทมาก แต่ยังดีที่โสวฝู่ ออกมาปลอบใจได้ทันเวลา บอกว่ามีหมออัจฉริยะอย่างฮองเฮาอยู่ ไม่ต้องเป็นห่วงจนเกินไป
ขอแค่เขาไม่โหมทำงานหนักขนาดนั้นอีก หรือเอาแต่อ่านฏีกากับจัดการเรื่องสำคัญทางการทหาร ทั้งวันทั้งคืนอีก หลังจากพักฟื้นสักระยะเขาก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นได้เอง
คำพูดของโสวฝู่สามารถทำให้จิตใจของผู้คนสงบลงได้เสมอ แน่นอนว่าทุกคนรู้ดีว่าทักษะทางการแพทย์ของฮองเฮายอดเยี่ยมแค่ไหน มีฮองเฮาอยู่เคียงข้าง ฝ่าบาทจะต้องมีพลานามัยที่ดีอย่างแน่นอน
หยู่เหวินเห้าไม่อนุญาตให้พวกเขาตามมาส่ง เขากับสวีอีทำหน้าที่เป็นคนขับ รถม้าสองคันลากคนทั้งกลุ่มตรงไปยังทะเลสาบจิ้ง
ที่ไม่ให้พวกเขาตามมาส่ง ก็เพื่อจะหลีกเลี่ยงบรรยากาศแห่งการจากลา เดิมทีนี่เป็นแค่การจากลากันเพียงชั่วคราว เขายังจะกลับมาอยู่ อีกทั้งคิดจะกลับเมื่อไหร่ก็จะกลับเมื่อนั้นด้วย
แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีใครตามไปส่งเลย เจ๋อหลานตามไปด้วย คนที่หยู่เหวินเห้าไม่อนุญาต ไม่ได้รวมเจ๋อหลานอยู่ในนั้นด้วย
เจ๋อหลานกับมู่หรูกงกงนั่งอยู่ในรถม้าคันหนึ่ง ส่วนหยวนชิงหลิงกับพ่อตาแม่ยายและพี่ชายนั่งอยู่ด้วยกันในรถม้าอีกคัน
“ดังนั้น โลกอีกใบที่องค์หญิงพูดถึง ไม่ใช่เมืองยมโลกจริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ?” มู่หรูกงกงพยายามเบิกตาจนกว้าง เผยให้เห็นท่าทางประหลาดใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...