บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 257

เมื่อไปถึงวัดฮู่กว๋อก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว เจ้าอาวาสได้ยินว่าอ๋องฉู่มา ก็ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง

“ฝ่าบาท กล่าวลากันเมื่อสามปีก่อน อาตมายังคงเป็นห่วงและระลึกถึงเสมอ ฝ่าบาทสุขสบายดีหรือไม่?”

เจ้าอาวาสเป็นพระอาวุโสผู้มีใบหน้าโอบอ้อมอารีดูมีเมตตา ไม่มีความถือเนื้อถือตัวเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนบนใบหน้าของเขา ครั้นเมื่อได้เห็นก็ดั่งว่ามีเวทมนต์ที่สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ความทุกข์ใจของผู้คนบนโลกใบนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก

“ทำให้ท่านเจ้าอาวาสเป็นห่วงแล้ว ข้าสบายดีทุกประการ” หลังประสานมือคำนับเสร็จ ก็ดึงตัวหยวนชิงหลิงมาข้างหน้าแล้วกล่าวแนะนำ “ท่านเจ้าอาวาส นี่คือภรรยาของข้าเอง แม่หญิงหยวนชิงหลิง”

หยวนชิงหลิงประสานมือเข้าหากัน แสดงความเคารพ “นมัสการท่านเจ้าอาวาส”

เจ้าอาวาสมองหยวนชิงหลิงด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขาหรี่ลง ทั้งยังมองนางอย่างพิจารณาครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "เจริญพรพระชายา!"

เจ้าอาวาสเชิญทั้งสองเข้าไปในอาราม ส่วนอาซี่กับสวีอีไปรออยู่ข้างนอก

หลังจากเข้าไปในอารามแล้ว เจ้าอาวาสก็สั่งให้สามเณรยกน้ำชามาให้ ค่อยเอ่ยถามว่า “ฝ่าบาทและพระชายามาเยี่ยมเยียนอ๋องจี้กระนั้นรึ ? อ๋องจี้ยามนี้กำลังทำวัตรเย็น เกรงว่าคงไม่อาจมาพบพวกท่านได้”

ฮ่องเต้มีพระราชโองการ ให้อ๋องจี้อยู่แต่เพียงในวัดฮู่กว๋อ ห้ามไม่ให้ออกไปพบคนภายนอก ดังนั้น ท่านเจ้าอาวาสจึงช่วยพูดอ้อมๆให้ เพื่อเป็นการรักษาหน้าของอ๋องจี้ไม่ให้ตกต่ำจนเกินไป

หยู่เหวินเห้าตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่ใช่ ท่านเจ้าอาวาสโปรดอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้มาเยี่ยมเขา แต่มาเพราะมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง จะมาขอรบกวนท่านเจ้าอาวาสให้ช่วยเหลือ”

เจ้าอาวาสยิ้ม “หากฝ่าบาทมีเรื่องใดที่อยากพูด เชิญพูดมาเถิด”

หยู่เหวินเห้าจับมือหยวนชิงหลิง หันไปมองเจ้าอาวาสแล้วกล่าวว่า: "ท่านเจ้าอาวาส ข้าสงสัยว่าพระชายาถูกวิญญาณตามรังควาน จึงอยากขอท่านเจ้าอาวาสผู้มีดวงตารู้แจ้งดั่งโพธิสมภาร ได้โปรดช่วยมองดูให้กระจ่างแทนข้าด้วยเถิด "

เจ้าอาวาสตกตะลึง แล้วจึงหันไปมองดูหยวนชิงหลิง

หลังจากมองพิจารณาอีกครั้ง ครั้งนี้ใช้เวลานานขึ้นราวสิบวินาทีเห็นจะได้ เขาก็ค่อย ๆ เคลื่อนย้ายสายตาออกมา จากนั้นจึงยกยิ้ม: "แม้ว่าพระชายาอาจรู้สึกจิตใจไม่สงบอยู่บ้าง แต่นางก็ไม่ได้ถูกวิญญาณตามรังควานใด ๆ เป็นท่านอ๋องคลางแคลงใจมากไปเท่านั้น"

“ไม่มีรึ?” หยู่เหวินเห้าถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เมื่อเขานึกถึงกล่องยาขึ้นมาได้ ก็รีบพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “เจ้านำกล่องยาออกมาแสดงให้ท่านเจ้าอาวาสดูเร็วเข้า”

หยวนชิงหลิงตกใจจนผงะ ตอนแรกเขาไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าเขาจะเอากล่องยาให้ท่านเจ้าอาวาสดู

ของสิ่งนี้จะเอาให้คนอื่นดูตามอำเภอใจได้อย่างไรกัน? เจ้าอาวาสรูปนี้จะเชื่อใจได้จริงๆน่ะหรือ? เขาไม่น่าจะสะเพร่าได้ขนาดนี้นะ

“เอาออกมาสิ!” หยู่เหวินเห้าหันกลับมามองนาง

หยวนชิงหลิงจ้องเขาตาเขม็ง “ไม่ได้เอามา!”

“ไม่ได้เอามา? เจ้าพกมันไว้ในกระเป๋าแขนเสื้อตลอด มีรึจะไม่ได้เอามาด้วย?” หยู่เหวินเห้าพูดไปพลางก็ยกมือนางขึ้นไปพลาง แล้วคุ้ยหาในกระเป๋าแขนเสื้อเป็นพัลวัน

หยวนชิงหลิงปัดมือของเขาอย่างนึกรำคาญ "ข้าหยิบเอง เจ้าปล่อยมือเดี๋ยวนี้เลย!"

หยู่เหวินเห้าปล่อยมือ มองดูนางหยิบกล่องยาออกมาวางบนโต๊ะ กล่องยามีขนาดเท่ากล่องไม้ขีดไฟ หยู่เหวินเห้ามองดูมันอย่างแน่วนิ่ง รอให้กล่องยาขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้น

กล่องยาไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งยังไม่มีวี่แววว่าจะขยายใหญ่ขึ้นเลยแม้แต่น้อย

หยู่เหวินเห้าประหลาดใจอย่างหนัก “หือ? ทำไมมันไม่ใหญ่ขึ้นล่ะ?”

เขาหันไปมองหยวนชิงหลิงทันที นางเองก็สับสนงงงันไม่แพ้กัน แม้ว่าใจนางจะหวังว่ากล่องยาจะไม่ขยายใหญ่ขึ้น แต่นางก็รู้ว่ากล่องยาไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของนาง จึงก็ไม่อาจกำหนดได้ว่ากล่องยาจะใหญ่ขึ้นหรือไม่

เจ้าอาวาสยิ้ม “กล่องนี้งดงามประณีตไม่น้อย”

หยู่เหวินเห้ารีบพูดว่า “ไม่ใช่นะ ท่านมหา เดิมทีเจ้ากล่องใบนี้มันสามารถเปลี่ยนขนาดตัวเองให้ใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงได้ ทั้งยังสามารถใส่ของได้มากมายด้วย”

“โอ้ แต่ตอนนี้มันไม่เปลี่ยนเสียแล้ว” เจ้าอาวาสใช้ดวงตาที่เปี่ยมด้วยความรักใคร่เมตตา มองดูหยู่เหวินเห้า เป็นแววตาเปี่ยมความรักในแบบที่ แทบจะเรียกได้ว่าเหมือนแววตายามที่มองคนโง่สมองทึบคนหนึ่งเลยทีเดียว

หยู่เหวินเห้าหันไปมองหยวนชิงหลิงอย่างทำอะไรไม่ถูก นางเองก็ทำได้เพียงแบมือแสดงท่าทีจนใจไม่แพ้กัน

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ?” หยู่เหวินเห้ารู้สึกประหลาดใจเหลือเกินแล้ว

เขามองหยวนชิงหลิง แล้วก็หันไปมองเจ้าอาวาส รู้สึกจนใจที่ไม่อาจแสดงความรู้สึกที่ทั้งประหลาดใจ ทั้งแสนจะพิลึกพิลั่นที่มันวนเวียนอยู่ในใจนี้ออกมาได้

เจ้าอาวาสยิ้มแย้ม “พระชายาเชื่อในสิ่งใดหรือ?”

หยวนชิงหลิงโพล่งออกมาทันที " วิทยาศาสตร์ ข้าไม่เชื่อเรื่องเทววิทยา ดังนั้น ต่อให้ใครมาพูดเรื่องผีเรื่องวิญญาณกับข้า ข้าก็ไม่เชื่อทั้งนั้น"

เจ้าอาวาสพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง ทั้งกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกสนใจขึ้นว่า “เช่นนั้นพระชายารู้ได้อย่างไรว่า วิทยาศาสตร์ที่ท่านเชื่อ กับศาสนาพุทธที่อาตมาเชื่อ ในท้ายที่สุดแล้ว จะไม่ได้ผลลัพธ์เดียวกันในวิถีทางที่แตกต่างกันล่ะ?”

“มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?” หยวนชิงหลิงตกตะลึง แต่จู่ ๆ กระแสความเย็นสายหนึ่งก็พุ่งเข้าสู่กลางใจของนาง นางคล้ายย้อนระลึกไปถึงความคิดหนึ่งที่นางเคยมี ในตอนที่กำลังศึกษาวิจัยเรื่องการพัฒนาสมอง เมื่อสมองได้รับการพัฒนาจนถึงขีดสุด จะสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ได้มากมาย เป็นพลังวิเศษที่เหนือจากมนุษย์ปกติ ไม่ว่าจะเป็นการนำสิ่งของออกมาจากอากาศ การเคลื่อนตัวข้ามผ่านช่วงเวลา หรือเคลื่อนย้ายไปต่างสถานที่ในพริบตา ฯลฯ แม้ว่าทั้งหมดนั้นจะยังเป็นแค่ทฤษฎี แต่ถ้าทฤษฎีนี้ถูกพิสูจน์จนได้รับการยืนยัน มันจะไม่กลายเป็นแบบเดียวกัน กับอิทธิฤทธิ์ของเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์เลยหรอกหรือ?

“พระชายาคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้อย่างนั้นหรือ? ท่านลองหลับตา ฟังด้วยใจอันสงบนิ่ง ท่านได้ยินเสียงอะไรบ้าง?” เจ้าอาวาสชี้นำ

หยวนชิงหลิงหลับตาลง พยายามสงบจิตใจของตัวเอง ในช่วงแรก ๆ เสียงที่ได้ยินในหูเป็นเสียงที่ทั้งดัง ทั้งยังสับสนวุ่นวายมาก มีทั้งเสียงลม เสียงใบไม้ร่วง เสียงหมาเห่ามาจากที่ไกลๆ เสียงนกร้อง เสียงแมลง เสียงพูดคุยสนทนา และเสียงสวดมนต์ เมื่อเวลาผ่านไปช้า ๆ เสียงเหล่านี้ดูเหมือนจะหายไป นางเริ่มจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น เสียงไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดของนาง แม้แต่เสียงของเซลล์ที่แตกตัวและสร้างใหม่อย่างไม่หยุดนิ่ง

นางค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วมองไปที่เจ้าอาวาส

“พระชายาได้ยินเสียงอะไรบ้างรึ?” เจ้าอาวาสถาม

"ได้ยินเยอะมาก เยอะมาก ๆ เลย"

เจ้าอาวาสยิ้ม “นี่คือเสียงของสรรพสัตว์ทั้งหลาย”

“ท่านอย่าบอกนะว่าข้ามีความสัมพันธ์กับพระพุทธเจ้า? ที่ข้าได้ยินเสียงเหล่านี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้แน่ !”

“ไม่ว่าพระชายาจะมีความเกี่ยวพันใด ๆ กับพระพุทธเจ้าหรือไม่ อาตมานั้นไม่อาจตอบได้ แต่ในสายตาของพระชายา เหตุใดท่านจึงได้ยินเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน สามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ มองทะลุทุกสิ่งในโลก มองเห็นชีวิตและความเป็นความตาย สามารถมองผ่านเวลาและห้วงอวกาศ ทั้งหมดนี้มีเหตุผลอะไรอย่างนั้นรึ?”

หยวนชิงหลิงตกใจจนตะลึงค้างไปแล้ว นางปากอ้าตาค้างไปครู่ใหญ่ ๆ ก่อนที่จะพึมพำขึ้นว่า: "ท่านมหา นี่สรุปแล้วท่านต้องการจะพูดอะไรกันแน่ ? แท้ที่จริงแล้ว ท่านคือใครกันแน่?"

“พระชายานำกล่องยาของท่านออกมาเถอะ” เจ้าอาวาสกล่าว

หยวนชิงหลิงหยิบกล่องยาออกมา วางลงบนโต๊ะ แล้วหันไปมองท่านเจ้าอาวาส

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน