หยวนชิงหลิงหันหลัง เดินจากไปโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมาทั้งสิ้น หยู่เหวินเห้าไล่ตามนางไปคว้าจับข้อมือนางไว้ “มันไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด”
“แล้วมันควรจะเป็นอย่างไรล่ะ? เจ้าว่ามาสิ บอกเหตุผลมาแล้วข้าจะเชื่อ” หยวนชิงหลิง ประนีประนอมกับตัวเอง เฝ้าเตือนสติตัวเองว่า ผู้ชายคนนี้จะไม่ทำเรื่องอะไรที่มันเหลวไหลไร้ยางอาย นางโกรธก็ส่วนโกรธ แต่ก็ยังอยากได้ยินเหตุผลว่า ทำไมเขาถึงต้องปิดบังเรื่องนี้
หยู่เหวินเห้าพูดด้วยความรู้สึกขุ่นเคือง: "นางเคยมาที่นี่จริง แต่ข้าจำไม่ได้ว่านางพูดอะไร หรือทำอะไรบ้างหลังจากนั้น แต่นางมาด้วยกันกับโสวฝู่ฉู่"
“สวีอีไม่เห็นโสวฝู่ฉู่ เห็นแค่เพียงหญิงชราตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น” หยวนชิงหลิงพูดด้วยท่าทีเย็นชา
หยู่เหวินเห้าหันกลับไปมองสวีอี ถามอย่างคลางแคลงใจว่า "ไม่เห็นโสวฝู่ฉู่? แต่เห็นเป็นหญิงชราตัวเล็ก ๆ?"
สวีอีตบขาหนา ๆ ของตัวเอง โพล่งออกมาเสียงดังว่า "ข้าน้อยจำได้แล้วขอรับ เป็นโสวฝู่ฉู่..... ไม่ๆๆ เป็นเสื้อผ้าของโสวฝู่ฉู่ ปักเป็นลายนกกระเรียน นั่นคือเสื้อผ้าของเขา แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่โสวฝู่ฉู่ มีคนปลอมตัวเป็นผู้ชาย เป็นหญิงชราตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่มีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ ข้าไปถามคนเฝ้าประตูแล้ว เป็นคนเฝ้าประตูที่นำทางโสวฝู่ฉู่กับฉู่หมิงหยางเข้ามาด้วยตัวเอง เขาบอกว่าพอข้าเปิดประตู เขาก็จากไปทันที ก่อนจะไป ยังทันเห็นโสวฝู่ฉู่กับฉู่หมิงหยางเดินเข้าห้องข้างไปด้วย”
“หลังจากเข้าห้องข้างไปแล้วล่ะ?” หยวนชิงหลิงถาม
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า แววตาว่างเปล่า "ข้าจำอะไรไม่ได้เลย ตอนที่ออกมา ผู้ช่วยเจ้ากรมบอกว่าบนใบหน้าของข้า ... " เขาเหลือบมองหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า: "บอกว่ามีรอยชาดสีแดงรอยใหญ่ติดอยู่บนหน้าข้า แต่ข้ากลับไม่รู้ตัวเลย”
หยวนชิงหลิงดูแล้ว รู้สึกว่าเขาไม่เหมือนกำลังโกหกจริง ๆ "แล้วพวกเขาเข้าไปกันนานแค่ไหน?"
“ราว ๆ หนึ่งถ้วยชาเห็นจะได้ คนเฝ้าประตูว่ามาเช่นนั้น”
“ตอนที่ออกไป คนเฝ้าประตูไม่เห็นรึว่าเป็นโสวฝู่ฉู่ หรือเป็นหญิงชราตัวเล็ก ๆ กันแน่?”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้าอีกครั้ง "คนเฝ้าประตูไม่กล้ามองชัดๆ แค่ก้มศีรษะส่งเขากลับไปเท่านั้น"
คำอธิบายนี้มีความเป็นไปได้จริงๆ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะกล้ามองความอหังการของโสวฝู่ฉู่แบบตรง ๆ เต็ม ๆ ตาได้
“เจ้าหมายถึง หลังจากช่วงเวลาที่โสวฝู่ฉู่ กับฉู่หมิงหยางเข้าประตูไป เจ้าก็จำเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในนั้นไม่ได้เลยอย่างนั้นรึ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
“ข้าจำไม่ได้เลยจริงๆ” หยู่เหวินเห้าดูหดหู่เซื่องซึมอย่างยิ่ง
สวีอีมองหยู่เหวินเห้า ในใจแอบคิดไปว่า เดี๋ยวนี้ท่านอ๋องเริ่มพูดมั่วซั่วแล้ว กระทั่งเขายังไม่เชื่อด้วยซ้ำ จะหาเหตุผลที่มันดีกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้รึ?
แต่หยวนชิงหลิงกลับถามว่า: "เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะถูกวางยา?"
“ตอนนั้นข้าก็ไปหาหมอให้ตรวจชีพจร ก็ไม่พบว่ามีพิษอะไร ทั้งยังไม่มีกลิ่นยาอะไรในห้องอีกด้วย”
หยู่เหวินเห้ายื่นมือออกไปดึงข้อมือของนางเข้ามา พลางยื่นหน้าเข้าไปหา "เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?"
หยวนชิงหลิงสะบัดมือออก แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “รักษาระยะห่างหน่อย ตอนนี้เจ้าเป็นผู้ต้องสงสัย ก่อนจะตรวจสอบจนรู้ความจริงแน่ชัด จงอยู่ให้ห่างข้าไปอีกแปดร้อยจ้าง นอกจากนี้ เจ้าต้องเช็ดหน้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออีกหนึ่งร้อยครั้ง หลังจากนี้ ข้าจะให้สวีอีไปส่งน้ำยาฆ่าเชื้อให้ คืนนี้ไปหาที่นอนเองคนเดียว ห้ามเข้าตำหนักเซี่ยวเยว่ ข้าเห็นหน้าเจ้าแล้วรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน"
หยู่เหวินเห้าทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ "ข้าสั่งให้ทังหยางไปตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว นี่ไม่ใช่ว่ายังไม่เห็นผลสรุปหรอกรึ ? อย่ามองที่แก้มขวาก็พอ มองแค่ที่แก้มซ้ายก็ได้ ดูสิ! แก้มซ้ายสะอาดมากเชียวนะ! "
เขาขยับแก้มซ้ายเข้าไปใกล้ กะพริบตาดอกท้อปริบๆเพื่อออดอ้อน
หยวนชิงหลิงเงื้อมือขึ้นตบเพี๊ยะเข้าไปฉาดใหญ่ กัดฟันจนเจ็บพลางพูดว่า "หยู่เหวินเห้า หลังจากตรวจสอบเรื่องนี้เสร็จสิ้น ข้าจะวาดหน้าเจ้าให้ลายเป็นแมวโพงเลยคอยดู ถ้ายังกล้าออกไปล่อลวงใครข้างนอกอีกล่ะก็ ข้าจะตัดน้องชายของเจ้าทิ้งซะ!”
สวีอีตกใจ จนรีบหนีบขาตัวเองเข้ามาอย่างรวดเร็ว หันไปมองหยวนชิงหลิงด้วยความรู้สึกสยองขวัญอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...