หยู่เหวินเห้าทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ กุมหัวครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้างุนงงสับสน จากนั้นจึงยื่นมือออกไปจับมือหยวนชิงหลิงไว้ นางทำท่าจะสะบัดออก เขาจึงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า : "อยู่นิ่ง ๆ เวลาที่ได้จับมือของเจ้าไว้ มันช่วยให้ข้าสงบจิตใจตัวเองได้มาก เช่นนี้ข้าอาจจะค่อย ๆ จดจำอะไรขึ้นมาได้บ้างก็เป็นได้ "
หยวนชิงหลิงจึงต้องยอมให้เขาจับข้อมือนางไว้
ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็ถามว่า “เจ้าจำได้บ้างแล้วหรือไม่?”
หยู่เหวินเห้าพูดอย่างเศร้าโศก: “บางทีมันอาจจะดีกว่านี้ถ้าได้กอดสักครั้ง”
“เจ้า.…” หยวนชิงหลิงโกรธขึ้นมาแล้ว “ช่วยจริงจังกว่านี้หน่อยจะได้หรือไม่?”
ดวงตาของหยู่เหวินเห้าสับสน "ข้าพูดจริงนะ ตอนนี้ในสมองข้าเป็นเหมือนก้อนปุยฝ้ายก้อนหนึ่ง ที่ลอยไปลอยมาหาจุดเริ่มต้นไม่ได้เลย"
“ลองคิดดูอีกครั้ง มือของโสวฝู่ฉู่ เสื้อผ้า หมวก หรืออะไรอย่างอื่น…” หยวนชิงหลิงช่วยย้ำเตือน
“เสื้อผ้า…เสื้อผ้า” หยู่เหวินเห้าเงยหน้าขึ้นทันที “นกกระเรียน ใช่แล้ว มันคือเสื้อผ้า นกกระเรียนมันเคลื่อนไหวได้ ทั้งยังมีเสียงดังกึกๆๆๆออกมาจากปากมันด้วย”
หยวนชิงหลิงเข้าใจแล้ว หันไปพูดกับสวีอีว่า : "ไปหยิบเหล้ามาขวดหนึ่ง แล้วก็เอาไก่เข้ามาด้วยตัวหนึ่ง"
สวีอีหันหลังออกไปทันที จากนั้นไม่นาน เขาก็เอาเหล้าขวดหนึ่งเข้ามาส่งหยวนชิงหลิง นางหันไปพูดกับหยู่เหวินเห้าว่า: "ดื่มในหนึ่งลมหายใจให้ได้ครึ่งขวด ให้เริ่มรู้สึกเมาๆหน่อยก็พอ"
หยู่เหวินเห้าถามว่า “ทำไมต้องดื่มเหล้าด้วยล่ะ?”
“ดื่ม!” หยวนชิงหลิงไม่อธิบายอะไร แค่สั่งอย่างหนักแน่น
หยู่เหวินเห้ารับขวดเหล้าไป เงยหน้าขึ้นและดื่มรวดเดียวครึ่งขวด "ไม่ค่อยเมาเท่าไหร่"
“ดื่มต่อลงไปอีกหน่อย รออีกครู่ ก็ไปนอนลงบนเก้าอี้เอนหลังตัวนั้น” หยวนชิงหลิงสั่ง
หยู่เหวินเห้าเดินตรงไปเอนหลังนอนลงบนเก้าอี้ เวลานั้นเขาก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเล็กน้อย
สวีอีไปแย่งไก่ตัวหนึ่งที่กำลังจะถูกเชือดมาจากโรงครัว แล้ววิ่งตึงตัง ๆ เข้ามา
หยวนชิงหลิงสั่งให้เขาอุ้มไก่ไว้กับอก แล้วเดินไปหาหยู่เหวินเห้า ไก่ตกใจจนส่งเสียงร้องดังกะต๊าก ๆ ไม่หยุด
หยู่เหวินเห้าเวียนหัวอยู่ครู่หนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงร้องดังสนั่นหวั่นไหวของไก่ตัวนั้น มันทำให้เขาอดหลับตาลงไม่ได้
หยวนชิงหลิงลูบหน้าผากของเขา พูดเบา ๆว่า "ผ่อนคลายร่างกาย ปลดปล่อยความคิดของเจ้าให้เป็นอิสระ"
หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าร่างกายค่อย ๆ จมดิ่ง เริ่มผ่อนคลายลง
“เจ้ากำลังกลับไปเมื่อวานซืนนี้ ที่กรมปกครอง เจ้ากำลังนอนหลับ นอนครึ่งหลับครึ่งตื่น เจ้าง่วงมาก ง่วงมาก ง่วงมาก ง่วงมาก จู่ ๆ ก็มีคนมาเคาะประตู จึงสะดุ้งตื่น เจ้าโกรธเล็กน้อยที่มีคนมารบกวน แต่เจ้าก็ยังลุกไปเปิดประตูให้ ในเวลานั้นเอง เจ้าก็เห็น...."
สองวันก่อน
ในความเลือนรางนั้น หยู่เหวินเห้ามองเห็นโสวฝู่ฉู่กับฉู่หมิงหยาง "เป็นพวกเจ้าเองรึ?"
โสวฝู่ฉู่เดินเข้ามา แสงอาทิตย์ในฤดูหนาวสาดตามเข้ามาจากข้างนอก แสงจ้าจนตาพร่าไปเล็กน้อย เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ดวงตาพร่าเลือนไปชั่วขณะ เมื่อเห็นว่าที่หน้าอกของโสวฝู่ฉู่มีของบางอย่างที่ดูแปลก ๆ เขาจึงเหลือบมองดูให้ชัด ลายนกกระเรียนปักบนเสื้อนั้น มันเคลื่อนไหวได้จริงๆ
ในหัวเขารู้สึกหนัก ๆ เล็กน้อย ขมวดคิ้วมุ่น “โสวฝู่ฉู่ให้เกียรติมาเยี่ยม ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรอย่างนั้นรึ?”
แต่โสวฝู่ฉู่กลับถอยห่างออกไป ฉู่หมิงหยางก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วจ้องมองเขา "ท่านอ๋อง ยังจำที่ข้าบอกเจ้าไว้ ที่ศาลาริมน้ำวันนั้นได้หรือไม่"
“เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” หยู่เหวินเห้านั่งลงบนเก้าอี้ รู้สึกเวียนหัว ทั้งยังมีลางสังหรณ์แปลกๆ ผุดขึ้นในใจไม่หยุด
“ข้าบอกว่า” ฉู่หมิงหยางเดินช้าๆ ไปนั่งลงข้างๆ แล้ววางมือทั้งสองข้างลงบนหัวเข่าของเขา “ข้าบอกว่าข้าอยากแต่งให้เจ้า”
สวีอียิ้มพลางพูดว่า "ข้ารู้ เมื่อครู่ท่านเพิ่งจะพูดมันออกมา"
หยวนชิงหลิงพูดอย่างแปลกใจว่า: "ทำไมฉู่หมิงหยางถึงต้องทำเช่นนี้ด้วย? เรื่องที่นางจะแต่งเป็นชายารองของอ๋องจี้ นับเป็นความต้องการนางเองแท้ ๆ ทำไมถึงคิดจะกลับลำ แล้วทำไมถึงต้องไปใช้กรมปกครองสร้างสถานการณ์ฉากนี้ด้วย?"
หยู่เหวินเห้ายืนขึ้น ใบหน้าของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง "แทนที่จะเดาอยู่ที่นี่ ไม่สู้ไปถามให้ถึงที่เลยน่าจะดีกว่านะ"
ทังหยางตกใจ "นั่นคงไม่เหมาะสมกระมังท่านอ๋อง?"
“ทังหยาง ไปนำตัวพยานมา แล้วไปอธิบายให้โสวฝู่ฉู่ฟังเสียหน่อย” หยู่เหวินเห้าสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นยืนทันที "ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้วว่าทำไมนางถึงทำเช่นนี้"
ทังหยางถามทันที: "ทำไมรึ?"
หยวนชิงหลิงหันไปมองหยู่เหวินเห้า "จำสิ่งที่เจ้าบอกข้าได้หรือไม่? ตอนที่กลับมาจากวัดฮู่กว๋อ เจ้าบอกว่าไท่ซ่างหวงพึงพอใจในตัวเจ้า ข้าพบว่าแท้ที่จริงแล้วโสวฝู่ฉู่คนนี้ ฟังความต้องการของไท่ซ่างหวงเป็นสำคัญ ด้วยเหตุนี้ฉู่หมิงหยางก็อาจจะพบว่า จริง ๆ แล้วโสวฝู่ฉู่เองก็ชอบใจในตัวเจ้ามากกว่าอ๋องจี้ ดังนั้นจากตอนแรกที่นางตกลงจะแต่งให้อ๋องจี้ พอมาตระหนักถึงความคิดของเสด็จปู่ของเจ้าแล้ว นางก็เกิดเปลี่ยนใจ แต่เหตุเพราะการยื่นขอแต่งเข้ามาเป็นชายารองของนาง ล้วนถูกเจ้าปัดตกไปทั้งสองครั้ง แม่นมสี่ก็ถึงกับไปหาโสวฝู่ฉู่ ขอให้เขาล้มเลิกความคิดนี้ซะ ดังนั้นนางรู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้แน่ ที่นางจะได้แต่งเข้าจวนอ๋องฉู่อย่างถูกทำนองคลองธรรม นางจึงต้องใช้วิธีนี้ เพราะวิธีนี้เคยมีแบบอย่างที่ประสบความสำเร็จให้เห็นมาแล้ว ซึ่งนั่นก็คือข้าเอง "
หยู่เหวินเห้าหันไปมองนาง "เป็นไปไม่ได้ ที่ข้าจะตกหลุมพรางอุบายเดิม ๆ ซ้ำกันถึงสองครั้งติดต่อกัน"
“ด้วยเหตุนี้ เจ้าก็คิดวิธีจัดการเอาเถอะ” หยวนชิงหลิงชี้ไปที่ดาบยาวที่แขวนอยู่บนผนัง
หยู่เหวินเห้าเดินสะบัดแขนเสื้อออกไป " สวีอี ทังหยาง มากับข้า!"
อาซี่ไล่ตามออกไป “ข้าก็อยากไปด้วย”
หยวนชิงหลิงทรุดตัวลงนั่ง ลูบขมับตัวเองหนัก ๆ นี่มันอีนุงตุงนังไปหมดแล้ว
หวังว่าเรื่องอีนุงตุงนังครั้งนี้ จะถูกย้ายไปที่ฝั่งของจวนตระกูลฉู่ได้บ้างซะทีเถอะนะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...