สองวันมานี้แม่นมสี่และอะซี่ค่อนข้างยุ่งเพราะผู้ช่วยในจวนยังมีจำนวนไม่เพียงพอ โดยเฉพาะหลังจากที่ผู้สืบทอดของเจ้าอ๋องกำเนิดขึ้นมาแล้วทุกอย่างก็จะยิ่งวุ่นวายมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจวนอ๋องจึงจำต้องหาคนที่น่าเชื่อถือเข้ามาทำหน้าที่นี้
และดีที่สุดคือจะต้องมีความสามารถด้านวิชาการต่อสู้ด้วยเล็กน้อย ซึ่งนี่เป็นความเห็นของอะซี่ เพราะว่าในยามที่พระชายาเดินทางออกไปไหน จะต้องมีสาวใช้ที่รู้วิชาการต่อสู้คอยปรนนิบัติอยู่เคียงข้างถึงจะดีที่สุด
ฉะนั้นในเช้าตรู่วันถัดมา อะซี่จึงลากตัวแม่นมสี่ออกไปยังตลาดตะวันตก
พวกนางไม่ได้ประกาศว่ามาจากจวนอ๋องฉู่ บอกเพียงแต่ว่าต้องการสาวใช้ที่มีทักษะการต่อสู้ไว้คอยดูแลปรนนิบัติฮูหยินเท่านั้น ทั้งยังให้เงินในราคาที่ดี จนทำให้ในทุกๆ วันมีคนสนใจมาสมัครไม่น้อยเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถเลือกได้คนที่เหมาะสมเสียที เพราะความคาดหวังของอะซี่ค่อนข้างสูง และคนที่มาสมัครจะต้องสามารถปราบมือกับนางได้สิบกระบวนท่าถึงจะรับเข้าทำงาน
แต่น่าเสียดาย แม้คนที่จะปราบมือกันถึงสามกระบวนท่ายังมีน้อยมาก
วันนี้หลังจากที่ตั้งโต๊ะหน้าร้านเสร็จ พ่อค้าค้ามนุษย์ก็เดินเข้ามา อะซี่จึงยกมือขึ้นสะบัด “เจ้ากลับไปเถอะ พวกข้าจะหาคนเอง”
นางไม่เชื่อในตัวพ่อค้าค้ามนุษย์ที่เป็นพวกพูดจากลับกลอก มองไม่เห็นความจริงใจ
พ่อค้าค้ามนุษย์หัวเราะออกมา “พวกเจ้าก็ตั้งร้านตามหามาตั้งหลายวันแล้ว ยังหาไม่ได้แม้แต่คนเดียว เหตุใดถึงไม่ลองพิจารณาคนในมือของข้าน้อยเล่า ?ไม่ว่าจะอ้วนท้วมหรือผอมบางก็มีหมดทุกแบบ”
อะซี่ตอบกลับไปอย่างไม่พอใจ: “พวกเขาบอกว่าจะหาคนด้วยรูปร่างหรือไร?พวกข้าต้องการคนที่มีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ รู้ทักษะวิชาการต่อสู้ ไปๆๆ อย่ามาขวางทาง เดี๋ยวก็จะมีคนมาแล้ว”
พ่อค้าค้ามนุษย์หมดอารมณ์จึงยอมเดินจากไป
พอพูดไปก็มีคนเดินเข้ามา นางเป็นหญิงสาวที่ดูกำยำล่ำสัน อะซี่จึงถามเรื่องทักษะวิชาการต่อสู้ทันที หญิงสาวบอกว่าตัวเองเป็นคนมีพละกำลัง สามารถยกกระถางทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ได้เพียงแรงฮึดเดียว
แต่ทว่าในตอนที่เข้าการประลอง อะซี่เพียงแค่ตวาดเท้าเพียงครั้งเดียวนางก็กระเด็นลงไปกับพื้นแล้ว
“เห็นได้ชัดเลยว่าการยกกระถางทองสัมฤทธิ์ไม่ได้มีประโยชน์อะไร” อะซี่ถอนหายใจ
แม่นมสี่ยิ้ม: “เอาเถอะ เจ้าก็หาคนที่ร่างกายกำยำเสียหน่อยก็เพียงพอแล้ว ในเวลาเช่นนี้หญิงสาวที่รู้วิชาการต่อสู้มีน้อยนัก”
แม่นมสี่เกือบจะเอ่ยออกมาว่าไม่มีแล้ว เพราะเด็กสาวที่จะออกมาเป็นสาวใช้ ส่วนมากจะไม่ฝึกฝนวิชาต่อสู้ นอกเสียจากนักพเนจร แต่นักพเนจรเป็นพวกทะเยอทะยานสูง ไม่มีทางยอมมาเป็นสาวใช้ในจวนแน่นอน
อะซี่ตอบ: “เช่นนั้นไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วข้าก็ต้องออกเรือน ไม่สามารถที่จะคอยอยู่เคียงข้างพระชายาไปตลอด จะให้พึ่งพาสวีอีคนซื่อบื้อก็คงจะไม่ได้ เขาเป็นคนที่ประมาทเลินเล่อ สามารถทำเรื่องผิดพลาดได้ง่าย ยังไงเสียก็ต้องหาสาวใช้สองคนที่รู้วิชาการต่อสู้ให้ได้ ในช่วงเวลาสำคัญต่อให้จะต่อสู้ไม่ไหวก็ยังสามารถหลบหนีได้”
แม่นมสี่ยิ้ม “เจ้านี่ มีใครที่ไหนบอกว่าตนจะออกเรือนกลางถนนเช่นนี้กัน อายบ้างหรือไม่?”
อะซี่ตอบกลับอย่างไม่พอใจ: “เรื่องเช่นนี้มีอะไรน่าอายกัน?เป็นสตรียังไงก็ต้องออกเรือน ว่าแต่แม่นมไม่เคยออกเรือนหรือ?”
แม่นมสี่ตอบด้วยความหัวเสีย: “ข้าจะสมรสใครเล่า?”
อะซี่จ้องนาง “เจ้าย่าบอกว่าเดิมทีแล้วโสวฝู่ฉู่ต้องการที่จะสู่ขอเจ้า แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าถึงไม่ได้อภิเษก”
แม่นมสี่กลอกตาใส่นาง “เจ้าย่าของเจ้าเป็นคนพูดจาเหลวไหล”
อะซี่ยิ้มยิงฟันออกมา “ไม่ใช่หรือ?เจ้าย่าเป็นคนปากพล่อยแล้วยังชอบฟังยิ่งนัก เรื่องปัญหาน้อยใหญ่ของตระกูลชั้นสูงในเมืองหลวงไม่มีทางที่เจ้าจะไม่รู้เลย”
แม่นมสี่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ท่านหญิงแห่งตระกูลหยวน เป็นคนเช่นนั้นจริงๆ ทั้งที่ดูแล้วเป็นคนที่เปิดเผยตรงไปตรงมา แต่เบื้องหลังแล้วก็เป็นคนที่ชอบซักถามฟังความอย่างมาก
“ขอถาม……” เสียงขี้อายดังแทรกขึ้นมา “พวกเจ้ากำลังเสาะหาสาวใช้อยู่ใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
อะซี่เงยหน้าขึ้นก็ได้เห็นหญิงสาวที่ร่างกายบอบบางบนหน้าผากมีรอยแส้ฟาดที่เห็นได้อย่างชัดเจนยืนอยู่ตรงหน้าและกำลังพูดติดอ่างมองมายังนาง
อะซี่มองดูรูปร่างก็รู้ว่านางไม่ตรงตามที่ต้องการทันที: “ใช่ พวกข้ากำลังหาสาวใช้ แต่เจ้าไม่เหมาะสมหรอก”
“ข้าเหมาะสม ข้าทำได้ ไม่ว่าเรื่องอะไรข้าก็ยินยอมทำเจ้าค่ะ” คนที่กำลังพูดอยู่นั่นก็คือหมันเอ่อคนหนานเจียงที่เพิ่งถูกตระกูลฉู่ขับไล่ออกมา สุดท้ายแล้วนางก็เชื่อคำที่ขอทานหนุ่มบอกจนมาถึงที่นี่เพื่อเสี่ยงดวง
“ไม่ใช่ว่าเหมาะสมหรือไม่เช่นนั้นหรอก แต่เจ้ารู้วิชาการต่อสู้หรือไม่?” อะซี่กล่าวถาม
“ข้ารู้นิดหน่อยเจ้าค่ะๆ” หมันเอ่อรีบตอบทันที
อะซี่สังเกตตัวนาง “ก็ได้ หากว่าเจ้าสามารถรับมือข้าได้มากกว่าสามกระบวนท่า ข้าก็จะจ้างเจ้า”
นางเดินออกไป ผสานมือทั้งสอง “ไม่จำเป็นต้องออมมือ จงใช้แรงทั้งหมด……”
หมันเอ่อปล่อยหมัดต่อยใส่หน้านางโดยทันที ด้วยหมัดที่รวดเร็วและว่องไว ทั้งในตอนที่ปล่อยหมัดออกมามีการตวาดโค้งออกไปก่อนจะโดนเข้ากับลูกตาของอะซี่โดยตรง
อะซี่เอามือมาปิดตาแล้วพูดด้วยความโมโห: “ข้ากำลังพูดอยู่ นี่เจ้าลอบโจมตีอยู่”
หมันเอ่อตกใจ “นี่……การต่อสู้ยังมีการลอบโจมตีหรือไม่ลอบโจมตีด้วยหรือเจ้าคะ ?”
อะซี่กัดฟัน พลางสะบัดหมัดออกไปแล้วตามด้วยฟาดเท้าตามไป เดิมทีคิดว่าจะสามารถเตะหมันเอ่อให้กระเด็นออกไปในทันที แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหมันเอ่อจะใช้มือทั้งสองข้างรับลูกเตะของนางเอาไว้ ถึงแม้จะถอยหลังไปหลายก้าว แต่กลับไม่ยอมพ่ายแพ้เลยสักนิด
อะซี่ดีใจอย่างมาก แต่นางยังคงไม่ลดละ ลองใช้กระบวนเจ้ากอินทรีฟากฟ้าเพื่อเพิ่มความยากมากขึ้น ปรากฏว่าหมันเอ่อสามารถต้านรับได้ อีกทั้งหลังจากนั้นยังสามารถโต้กลับได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...