บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 272

สรุปบท ตอนที่ 272 คงจะเจ็บน่าดู: บัลลังก์หมอยาเซียน

อ่านสรุป ตอนที่ 272 คงจะเจ็บน่าดู จาก บัลลังก์หมอยาเซียน โดย ลิ่วเยว่

บทที่ ตอนที่ 272 คงจะเจ็บน่าดู คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยาย จีน บัลลังก์หมอยาเซียน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

หมันเอ่อเงยหน้าขึ้นมอง และได้พบกับชายหนุ่มที่ทั้งตัวเปอะเปื้อนแววตาฉายแววความเย็นชา เต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร นางเห็นเช่นนั้นจึงเช็ดน้ำตาออก “ข้านั่งทับบ้านของเจ้างั้นหรือ?ขออภัยด้วย ข้าจะย้ายไปที่อื่น”

“เจ้ามีมือมีเท้า ไปหางานทำเถอะ” ชายหนุ่มพูดอย่างเย็นชา “จะมาเป็นขอทานทำไม?”

หมันเอ่อร้องไห้ออกมา “ข้าเป็นคนหนานเจียง บ้านไหนก็ไม่อยากได้คนใช้หนานเจียงหรอก”

“ก็ไปทำงานยกของที่ท่าเรือ มือเท้าของเจ้าแข็งแรงมีพละกำลัง” ชายหนุ่มนั่งลงพลางลูบท้องตัวเอง วันนี้เขากลับมาโดยไม่มีอะไรติดมือมาด้วยเช่นเคย เขาไม่มีอะไรลงท้องมาสองวันแล้ว ได้เพียงแต่ดื่มน้ำประทังชีวิตเท่านั้น

หมันเอ่อลุกขึ้นแล้วเดินจากไป

ผ่านไปไม่นานนัก นางก็เดินกลับมาพร้อมกับถือหมั่นโถวสองลูกไว้ในมือ ก่อนจะยื่นมอบให้กับชายหนุ่ม “ข้าเลี้ยง”

ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา “เจ้า……”

“ข้าซื้อมา ไม่ได้ไปขโมยมาหรอก” นางลูบติ่งหูเบาๆ “เจ้านายคนก่อนหน้านี้ของข้าได้มอบต่างหูเงินให้ข้าไว้คู่หนึ่ง ข้าเลยเอาไปขายแลกได้เงินมานิดหน่อย”

“เจ้าไม่ใช่ขอทานหรือ?” ชายหนุ่มรับหมั่นโถวเอาไว้แล้วค่อยๆ กินลงไป เขาเคี้ยวอย่างช้าๆ อยู่นานกว่าจะกลืนลงไป

“ข้าไม่ใช่หรอก แต่เกรงว่าไม่นานคงจะได้กลายเป็นขอทานแล้ว” หมันเอ่อพูดอย่างเศร้าโศก นางลุกขึ้นแล้วมองไปยังชายหนุ่ม“เจ้าว่างานยกของที่ท่าเรือ จะรับหญิงสาวหรือไม่?”

ชายหนุ่มส่ายหน้า “น่าจะไม่รับ”

หมันเอ่อพ่นลมหายใจออกมา เช็ดดวงตาที่แดงก่ำและบวมของตัวเองด้วยความไม่รู้ว่าควรจะทำสิ่งใด

ชายหนุ่มพูดขึ้นมาอีกครั้ง: “เจ้าใช้วิชาการต่อสู้ได้หรือไม่?”

“ได้นิดหน่อย”

ชายหนุ่มจึงพูดต่อ: “พรุ่งนี้เจ้าไปยังตลาดตะวันตกเถอะ มีคนกำลังตามหาสาวใช้ที่มีวิชาการต่อสู้”

“แต่ข้าเป็นคนหนานเจียง” หมันเอ่อรู้ดีว่าคนทั่วไปไม่ยอมรับคนหนานเจียง

ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด “เจ้าลองไปดูก่อน หากเขาไม่รับก็ค่อยว่ากันอีกที”

“อ่อ ข้ารู้แล้ว” หมันเอ่อรีบพยักหน้ารับทันที พร้อมกับรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทางด้านหยู่เหวินเห้าหลังจากที่กลับมาจวนอ๋อง เขาก็เอาแต่พูดกับหยวนชิงหลิงถึงการเอาผิดฉู่หมิงหยางและการรับโทษจากกฎในจวน

หยวนชิงหลิงเมื่อได้ยินเขาพูดว่าได้ลงมือมัดนางไว้กับเสาเรือนก็อดไม่ได้ที่คิ้วจะขมวดขึ้นมา : “เจ้าสัมผัสตัวนางด้วยงั้นหรือ?”

ไม่ใช่ว่ารังเกียจที่เขาไปสัมผัสตัวนาง แต่เรื่องเช่นนี้ควรจะให้ทางตระกูลฉู่เป็นฝ่ายจัดการจะดีกว่า

“ไม่ได้แตะต้องเลยสักนิด ข้าใช้เพียงแส้ลากนางไปเสียอย่างนั้น ทั้งยังดึงเข็มขัดลากตัวสวีอีไปด้วยตลอด” หยู่เหวินเห้าตอบกลับอย่างออดอ้อน แม้แต่เส้นผมของฉู่หมิงหยางเขายังไม่ให้นิ้วมือของตัวเองไปแตะเลย

หยวนชิงหลิงถาม: “แล้วสามสิบกฎเรือนกับสามสิบไม้โบยมีความแตกต่างหรือไม่?”

“ผู้นำตระกูลฉู่เป็นคนลงมือเอง การลงมือครั้งนี้ไม่เบาเลย จนเลือดยังไหลออกมา คาดว่าคงจะเจ็บไปถึงกระดูกเลยทีเดียว” หยู่เหวินเห้าตอบ

เขาเชิดคางนางขึ้นมา “ตอนนี้ไม่โกรธแล้วสินะ?”

หยวนชิงหลิงปัดมือเขาออกแล้วเหลือกตาใส่เขา “ข้าไม่เคยโกรธฉู่หมิงหยางเลยสักนิด ข้าเพียงโกรธเจ้าที่ปิดบังข้า ช่างน่าภูมิใจเสียจริงที่ผู้ชายของข้ามีหญิงสาวมากมายหมายปองถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าช่างเป็นของดี”

“เจ้าน่ะสิถึงจะเป็นของดี!” หยู่เหวินเห้าเหลือบไปมองนาง “เจ้าด่าข้านี่”

หยวนชิงหลิงยิ้มออกมา “ได้ เจ้าไม่ใช่ของดีอะไร พอใจหรือยัง?”

“หุบปากของเจ้าเสีย ยังจะภูมิใจอีก ผู้ใดบอกกันว่าข้าเป็นคนดึงดูดให้ผู้อื่นมาสนใจ?” หยู่เหวินเห้ารินชาแล้วดื่ม

สวีอีที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้แต่ขมิบปาก ยักคิ้ว

หยู่เหวินเห้าชักสีหน้าเข้มขรึมทันที “เจ้าออกไป ข้าจะคุยกับนางเอง”

สวีอีจึงเดินออกไปอย่างลอยหน้าลอยตา

หยวนชิงหลิงมองดูพวกเขาทั้งสองคน “พอกันเลย” “หืม?ยังมีอะไรอีกหรือ?”

นั่นก็เป็นเรื่องจริง

หยวนชิงหลิงกล่าว : “ช่างเถอะ ข้าเองก็จะไม่กังวลจนเกินไป แต่ว่าจากคำพูดนี้ของฉู่หมิงชุ่ยสามารถเห็นได้เลยว่าความสัมพันธ์ของนางกับอ๋องฉีกำลังสั่นคลอน เจ้าเห็นใจน้องชายของเจ้าบ้างหรือไม่?”

“แล้วจะอย่างไร ใครใช้ให้เขาไปชอบนางกัน?”

“เมื่อก่อนเจ้าก็ชอบนาง” หยวนชิงหลิงพูดพลางจ้องเขา

หยู่เหวินเห้าแสดงสีหน้าละอายใจ “ไม่ใช่เพราะว่าความไม่รู้ในวัยหนุ่มหรือไร?ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าเอามาพูดอีกเลย”

หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ข้าไม่โทษเจ้าหรอก ที่จริงพวกเจ้าต่างก็เติบโตมาด้วยกันจนเกิดเป็นความรัก นางเปลี่ยนไปเช่นนี้ คนที่เสียใจมากที่สุดควรจะเป็นเจ้า เพราะความทรงจำที่งดงามที่สุดกลับถูกความเป็นจริงพังทลายลงไป ข้าเข้าใจดี เมื่อก่อนข้าก็เคยพบเจอเรื่องราวเช่นนี้เหมือนกัน ความผิดหวังนั้น มันช่าง……ตราตรึงเหลือเกิน”

“เจ้าเคยพบเจอ?” ทันใดนั้นหยู่เหวินเห้าก็ผลักนางออก แล้วหรี่ตาลงมองนางอย่างชัดๆ แล้วใช้สายตาอันแหลมคมไถ่ถาม “ใคร?ไอ้สารเลวคนไหน?”

หยวนชิงหลิงหัวเราะออกมา “เจ้าไง ในตอนที่ข้าได้พบกับเจ้าครั้งแรกก็แอบหลงชอบเจ้าแล้ว ในใจของข้าทุกสรรพนามที่งดงามที่สุดล้วนถูกร้อยเรียงกลายเป็นเป็นมงกุฎสวมไว้บนศีรษะของเจ้า ในตอนนั้นเจ้าเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในใต้หล้านี้ ข้าจึงมีความฝันที่อยากจะอภิเษกกับเจ้า และสุดท้ายข้าก็ได้สิ่งที่ข้าปรารถนา ได้อยู่ใกล้ชิดกับเจ้า ได้อยู่ด้วยกัน แต่น่าผิดหวัง น่าผิดหวังที่สิ่งสวยงามที่ข้าวาดฝันไว้ มันใช้ไม่ได้กับตัวเจ้าเลยแม้แต่น้อย เสียดายเวลาเสียจริงๆ ”

หยู่เหวินเห้าหัวเราะพลางด่าออกมา: “คำพูดกลับกลอกของเจ้า ข้าได้ยินเพียงแค่ประโยคหน้าที่เจ้าพูดเท่านั้นแหละ คือเจ้าแอบหลงชอบข้า ส่วนหลังจากนั้นก็เหมือนสุนัขเห่า ข้าไม่ฟังทั้งสิ้น”

เขาโน้มตัวลงริมฝีปากแนบกับหูของนาง “เจ้าแอบหลงชอบข้าคำนี้ หมายถึงชอบอย่างว่าใช่หรือไม่ ?”

หยวนชิงหลิงยกกำหมัดขึ้นมาแล้วทุบเขาเบาๆ “สมองของเจ้าคิดเรื่องปกติหน่อยได้หรือไม่?”

“นี่ก็คือความคิดปกติของผู้ชาย” หยู่เหวินเห้าร้องลั่น “พวกเราเพิ่งจะดีกันได้ไม่นานเจ้าก็ท้องเสียแล้ว?ยังไม่ทันถึงไหนเลย เจ้าบอกไม่ได้ก็ไม่ได้ซะแล้ว แล้วยังจะบอกอีกว่าไม่รู้ว่าต้องทนไปอีกกี่เดือน มีใครเคยคิดถึงความลำบากของข้าบ้าง?อากาศหนาวขนาดนี้ ข้าไม่ยอมออกไปอาบน้ำเย็นหรอก เดี๋ยวข้าจะป่วยเอา”

“ข้ามียา” หยวนชิงหลิงมองดูท่าทางที่ไม่พอใจของเขาแล้วก็อดขำไม่ได้ “ใกล้แล้ว ทนอีกแค่ครึ่งเดือนเอง”

หยู่เหวินเห้ายกนิ้วมือขึ้นมานับ “ครึ่งเดือน เฮ้อ ยังต้องรออีกตั้งนับสามฝ่ามือ”

เขาก้มลงมองดูนิ้วมือของนาง “เจ้าดูนิ้วมือของเจ้าสิ ทั้งเรียวยาว ขาวนวล และยังอ่อนนุ่ม คงจะ ……”

หยวนชิงหลิงฟาดฝ่ามือเข้าใส่ทันที “คงจะเจ็บน่าดู”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน