โสวฝู่ฉู่รู้สึกว่าตัวเองกำลังได้รับเคราะห์อย่างหนัก จึงสั่งให้คนนำสุรามาแล้วนั่งดื่มกับเซียวเหยากงบนเตียงอรหันต์
“เจ้าห้า เด็กคนนี้นี่ขี้งกไปหน่อยนะ” เซียวเหยากงหัวเราะออกมา “เจ้าอย่าได้ไปใส่ใจเลย”
โสวฝู่ฉู่กล่าวขึ้นมาอย่างเฉยชา: “ขี้งก?เกรงว่าจะไม่ใช่เช่นนั้น แต่เป็นเพราะกลัวภริยาเสียมากกว่า”
เซียวเหยากงหัวเราะออกมาแล้วยกจอกสุราขึ้นมาชนกับเขา “คำพูดของเจ้าข้าไม่คัดค้านเลย เพราะว่าเป็นเช่นนั้นจริง เพื่อสตรีเพียงคนเดียวเขาถึงกับใจร้อนจนไม่เกรงกลัวว่าจะมีความบาดหมางกับเจ้าเลย”
โสวฝู่ฉู่ถลึงตาใส่เขา “เขาเป็นถึงราชวงศ์ บาดหมางกับข้าแล้วจะเป็นอันใด ?เขาจะขัดแย้งกับข้าไม่ได้เลยหรือ?คนอื่นพูดก็เพียงเท่านั้น แต่เจ้ากับข้าเป็นอะไรกัน ?แล้วเจ้ายังจะกล่าวเช่นนี้อีก ข้าไม่น่าให้เจ้าได้ดื่มสุราชั้นเลิศของข้าเลย”
กล่าวจบ เขาก็เอื้อมมือออกไปแย่ง
เซียวเหยากงปัดมือเขาออก พร้อมกับทำปากขมุบขมิบ “พอเลยๆ ตอนนี้ขี้เหนียวขึ้นมาแล้วหรือไร?ว่าให้คำสองคำก็ฟังไม่ได้แล้ว หลายปีมานี้ตระกูลฉู่ของเจ้ายังเรืองอำนาจไม่เพียงพออีกงั้นหรือ?เจ้าควรจะดูแลคนใต้อำนาจเจ้าด้วย ไม่รู้ว่าไปเอาความกล้าหาญมาจากไหน ?ถึงได้ทะเยอทะยานถึงเพียงนี้ เป็นเพียงแค่หญิงสาวแต่กล้าตะคอกใส่เจ้าอ๋องให้เขาอภิเษกด้วยให้ได้”
เขาตบหน้าตัวเองเบา “ยางอายล่ะ? ยังมีอยู่ไหม? ข้ายังตระหนกแทนเจ้าเลย”
โสวฝู่ฉู่ตอบกลับอย่างเฉยชา: “จัดการ?ไม่มีเวลาเข้าไปยุ่งนักหรอก กิจข้าเยอะนักเจ้าเองก็ทราบดี เรื่องในจวนได้มอบให้พี่ใหญ่เป็นผู้ดูแล เพราะเขาเป็นคนนิสัยค่อนข้างเรียบง่าย เอาเถอะ เอาเถอะ ถ้าหากถึงคราวหมดลมหายใจ ก็นับว่าหมดบุญวาสนาต่อกันแล้ว ตัวข้าตอนนี้ก็พอจะได้กลิ่นโลงศพแล้ว จะให้ไปยุ่มย่ามอะไรกับพวกเขานักหนา ?ถึงคราวต้องตายก็ละทิ้งเสีย จะได้ไม่ต้องทุกข์ใจ!”
“เกรงเพียงว่าเจ้าจะไม่ได้ตายอย่างสงบ ไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องขุดเจ้าออกมาจากหลุมศพ” เซียวเหยากงพูดไปพลันหยิบเมล็ดถั่วปรุงรสขึ้นมากิน
โสวฝู่ฉู่สะบัดมือ “ไม่พูดเรื่องเช่นนี้แล้ว เจ้าว่าอ๋องฉู่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ข้าพูดไปแล้วว่าขี้งก!” เซียวเหยากงครุ่นคิด “ทั้งยังต้องฝึกฝนอีกสักหน่อย ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำวันนี้กล้าอาละวาดเช่นนี้ นับว่าไม่ไว้หน้าเจ้าเลย”
โสวฝู่ฉู่ตอบกลับ : “ข้าเพียงรู้สึกว่าเขามีความใจกล้าเท่านั้น เจ้าว่าวันนี้เขาบ้าบิ่นเกินไปหรือไม่?ก็ต้องมีบ้าง ในช่วงวัยหนุ่มมีผู้ใดบ้างที่ไม่ประมาท ?รอให้ได้เรียนรู้ให้มากกว่านี้ ได้ฝึกฝนมากกว่านี้ ก็จะเข้าใจที่จะรู้จักเก็บคมดาบไปเองโดยธรรมชาติ เมื่อนึกถึงในตอนนั้นที่พวกเราติดตามไท่ซ่างหวง พวกเราเองก็มีความบ้าบิ่นอย่างเด็กหนุ่มเช่นนี้เหมือนกัน และยังคงมุทะลุมาจนถึงวันนี้ไม่ใช่หรือ?”
เซียวเหยากงยิ้ม “ได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้แล้ว นอกจากเจ้ายังไม่ถือสาว่าความ ทั้งยังชื่นชอบในตัวเขาอีก?”
“เป็นเพียงการวิเคราะห์ ไม่ใช่ความชื่นชอบใดๆ” โสวฝู่ฉู่ดื่มสุราเข้าไปพลางตวัดลิ้น “สุรานี้นับว่าเป็นสุราชั้นเลิศ ข้าจึงได้เก็บบ่มมันเอาไว้เสียนานกว่าจะนำออกมาดื่ม ถ้าหากเมื่อก่อนรีบนำออกมาดื่มก็คงจะไม่ได้รสชาติเช่นนี้ เจ้าว่าใช่หรือไม่?”
“อย่ามากลบเกลื่อนกับข้า มีอะไรก็พูดกล่าวออกมา เจ้าชื่นชอบก็คือชื่นชอบ พูดตามตรงไท่ซ่างหวงเองก็โปรดปรานในตัวเขาเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีความคิดเช่นเดียวกับเจ้าคือต้องฝึกฝนให้มาก เพียงแต่ไม่รู้ว่าฝ่าบาทนั้นจะคิดอย่างไรเท่านั้น” เซียวเหยากงกล่าวขึ้น
โสวฝู่ฉู่ไม่ตอบกลับใดๆ
“เจ้ารู้งั้นหรือ?” แววตาของเซียวเหยากงประกายออกมา “บอกให้ข้าฟังหน่อยสิ”
โสวฝู่ฉู่ส่ายหน้า “ไม่รู้หรอก หลายปีมานี้ข้าไม่ได้ไปทดสอบแลกเปลี่ยนความคิดกับฝ่าบาทแล้ว”
“ไม่ได้ทดสอบ แต่ใจของเจ้าก็รู้ดี” เซียวเหยากงพยายามคะยั้นคะยอ
โสวฝู่ฉู่วางจอกสุราลง แล้วกล่าวอย่างจริงจัง : “ในใจของฝ่าบาทชื่นชอบผู้ใด ตัวข้านั้นไม่รู้หรอก แต่สำหรับเขาแล้วส่วนมากจะว่าตามไท่ซ่างหวง ถ้าหากจะบอกถึงความคิดส่วนตัวของเขานั้น ข้าเดาว่าไม่ก็บุตรคนโต หรือไม่ก็บุตรที่ถูกธรรมเนียม”
“คนโตไร้คุณธรรม ลูกเมียหลวงกลับไร้ความสามารถ” เซียวเหยากงกล่าว
“ฝ่าบาทรู้ดี” โสวฝู่ฉู่หมุนจอกสุราแล้วกล่าวอย่างมีนายแฝง: “เขากำลังมอบโอกาสสุดท้ายให้กับอ๋องจี้ ถ้าหากอ๋องจี้ไม่รู้จักไขว่คว้ามันเอาไว้ เขาจะต้องเสียใจ”
“อ๋องจี้พิฆาตพี่น้อง หลักฐานก็เป็นข้าเองที่เป็นคนถวายขึ้นไป ถ้าหากฝ่าบาทยังพิจารณาในตัวอ๋องจี้ เช่นนั้นก็น่าผิดหวังเกินไปแล้ว” เซียวเหยากงหันไปมองเขา “เจ้าบอกว่าฝ่าบาททรงคิดอะไรอยู่ตัวเจ้านั้นไม่อาจรู้ได้ ?นี่ก็เห็นชัดแล้วไม่ใช่หรือ?แม้แต่เขาคิดจะมอบโอกาสสุดท้ายแก่อ๋องจี้เจ้ายังรู้เลย”
โสวฝู่ฉู่ดื่มสุราลงไป ฉายแววตาที่เย็นยะเยือก “นั่นคือโอกาสแห่งความเป็นความตาย”
นางชะงักอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองฉู่หมิงหยาง “อีกทั้ง คุณหนูรองเจ้าเองก็โกหกข้าน้อย ที่จริงแล้วอ๋องฉู่ไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ กับคุณหนูรองเลยแม้แต่น้อย”
ฉู่หมิงหยางอับอายจนกลายเป็นความโกรธ “เจ้ายังกล้าพูดอีกหรือ?ตอนแรกเป็นเจ้าเองที่มั่นอกมั่นใจว่าหยู่เหวินเห้าจะไม่มีทางจำความได้ พอถึงตอนนั้นข้าพูดสิ่งใดก็จะเชื่อฟัง แต่เพราะเหตุใดเขาถึงจำความขึ้นมาได้เล่า?ที่จริงความสามารถของเจ้าก็ไม่เก่งกาจอะไรถ้าวันนั้นข้าไม่ได้พบเจ้าแสดงฝีมือ มีหรือที่ข้าจะยอมเปลืองข้าวสุกรับคนหนานเจียงชั้นล่างอย่างเจ้ามาเลี้ยงไว้ ทั้งล้าหลังราวกับขอทานก็ไม่ปาน พวกเจ้าคนหนานเจียงไม่มีอะไรดีเลยสักคน ไสหัวออกไป ไปหาข้าวของเจ้าไป”
ตอนนี้หมันเอ่อราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ หลังจากที่ตัดสินใจก้าวเท้าเข้ามาในจวนตระกูลฉู่ ก็พยายามให้การปรนนิบัติอย่างเต็มที่ ถึงจะมีแต่คนบอกว่าคุณหนูรองมักจะทำร้ายเหล่าสาวใช้ แต่ตัวเองก็คิดว่านางเป็นเพียงคนมีนิสัยใจร้อน ที่จริงแล้วนางเป็นคนมีจิตใจดี ไม่เช่นนั้นจะรับนางมาเลี้ยงไว้ได้อย่างไร?
แต่เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ใจของนางถึงกับเย็นเยือกอยู่นาน พอคิดถึงสิ่งที่ตัวเองได้ทำไปเปรียบเทียบกับบุญคุณของเขาที่รับเลี้ยงตนไว้นั้น ตนเองก็ได้ตอบแทนเพียงพอมากแล้ว
นางไม่พูดกล่าวสิ่งใดต่อพลางพยุงร่างกายที่บาดเจ็บเดินจากไป
นางที่ถูกขับไล่ออกมา นอกจากตัวเองก็ไม่มีสิ่งใดเลย ไร้ซึ่งหนทางที่จะไป พลางเดินอย่างว่างเปล่า และเมื่อนึกถึงคำพูดของฉู่หมิงหยาง นางก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาอย่างมาก
นางเป็นคนหนานเจียง เหตุใดคนในเมืองหลวงถึงต่างคิดว่าคนหนานเจียงไม่ใช่คนดีกัน?
แต่พอนึกถึงสิ่งที่ตัวเองได้ทำเพื่อคุณหนูรองแล้ว ก็ไม่ต่างกับสิ่งที่คนชั่วทำกันเลย ทั้งที่จริงแล้วในวันนั้นที่ที่ทำการกรมปกครองเมืองหลวงก็รู้แล้วว่าอ๋องฉู่ไม่ได้มีความชื่นชอบในตัวฉู่หมิงหยางเลย ทั้งหมดเป็นเพียงความคิดของฉู่หมิงหยางเพียงฝ่ายเดียว
แต่นางก็ยังยินยอมที่จะช่วยเหลือ จนกระทั่งวันนี้ที่จวนนางก็ยังพยายามที่จะสั่นกระดิ่งเพื่อสะกดจิตอ๋องฉู่เพื่อช่วยเหลือคุณหนูรองอีกครั้ง
ไม่แปลกเลยที่นางจะไม่ชอบคนหนานเจียง แม้แต่ตัวนางเองยังรู้สึกถึงความอัปยศอดสู
นางกอดถุงสัมภาระแล้วนั่งลงยังเนินบนถนนพลางร้องไห้ออกมา
ขอทานหนุ่มขาพิการเดินเข้ามาแล้วกล่าวอย่างเฉยชา : “เจ้าไปร้องไห้ที่อื่นเถอะ เจ้านั่งบนบ้านของข้าแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...