บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 270

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ไม้เท้าของโสวฝู่ฉู่ก็ฟาดลงไปแล้วเรียบร้อย มีเพียงเสียงไม้ที่ดังสนั่นยามฟาดลงไปบนเนื้อหนักๆ ฉู่หมิงหยางเจ็บจนกรีดร้องออกมาออกมาอย่างน่าเวทนา จับหัวตัวเองหมอบคลานลงกับพื้น แต่หลังจากนั้นก็ฝืนกัดริมฝีปากแน่น ไม่ส่งเสียงร้องออกมาอีก

ฉู่หมิงชุ่ยรีบวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นฉากนี้ นางก็รีบเข้าไป แต่ฝีเท้าของนางก็หยุดลงอย่างช้า ๆ มองดูท่อนไม้ฟาดลงบนหลังและขาของฉู่หมิงหยาง ในใจพลันเกิดความรู้สึกบางอย่างคล้าย ๆ ความสาแก่ใจลึก ๆ ที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้

สุดท้ายฉู่หมิงหยางก็กลั้นเสียงร้องไม่ไหว ไม้นั้นที่ฟาดลงมา โสวฝู่ฉู่ใช้พละกำลังอย่างมาก ตีแต่ละครั้งจนเนื้อหนังปริแตกอย่างน่ากลัว

หมันเอ๋อรีบพุ่งเข้าไป หมายจะคว้าไม้เท้าในมือของโสวฝู่ฉู่ให้พ้นตัวเจ้านาย หยู่เหวินเห้าพลันคว้าถ้วยชาขึ้นมาแล้วขว้างออกไปทันที ถ้วยชาลอยเข้าไปกระแทกใส่หน้าผากหมันเอ๋อเต็มเปา นางเลือดไหลอาบเต็มใบหน้า หมันเอ๋อเงยหน้าขึ้นมองหยู่เหวินเห้าอย่างขุ่นเคือง เลือดไหลหยดเป็นทาง ดูแล้วน่าสะพรึงกลัวจนยากจะบรรยาย "อ๋องฉู่ เจ้าถึงกับคิดเล็กคิดน้อยกับผู้หญิงคนหนึ่งขนาดนี้ เจ้ามันไม่ใช่ลูกผู้ชายจริงๆนั่นล่ะ"

“สาวใช้ของตระกูลฉู่ อวดดีได้ถึงเพียงนี้เชียว ข้านับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ” อ๋องชินลุ่ยกล่าวอย่างเย็นชา

ไม้เท้าของโสวฝู่ฉู่ฟาดเข้าใส่หมันเอ๋อเต็มเหนี่ยว หมันเอ๋อกัดฟันทนรับความเจ็บปวดนั้นไว้ "นายท่าน ท่านจะทุบตีข้าน้อยให้ตายก็ได้ แต่ท่านได้โปรดละเว้นคุณหนูรองด้วยเถิดเจ้าค่ะ"

คนในตระกูลฉู่ต่างก็คุกเข่าร้องขอความเมตตา พ่อแม่ของฉู่หมิงหยางรีบเข้าดูเหตุการณ์ พบว่าฉู่หมิงหยางถูกทุบตีจนเกือบจะตายแล้ว พวกเขาจึงรีบเข้ามาหยุด คุกเข่าลงอ้อนวอนร้องขอความเมตตากันอย่างน่าเวทนา

ฉู่หมิงหยางนอนคว่ำอยู่บนพื้น ทั้งร่างเจ็บปวดจนไร้เรี่ยวแรง ริมฝีปากของนางถูกกัดจนแตก เลือดไหลหยดลงมาไม่หยุด นางจ้องมองหยู่เหวินเห้า ยกข้อศอกขึ้นเพื่อช่วยทรงตัวเล็กน้อย แล้วพูดอย่างอาฆาตมาดร้ายว่า: “ทุกสิ่งที่เจ้าทำกับข้าในวันนี้ ข้าเก็บมันเอาไว้ในใจแล้ว วันหน้า ข้าจะต้องให้เจ้าชดใช้คืนมาเป็นสิบเท่า!”

หยู่เหวินเห้าไม่แม้แต่จะชายตามองนาง เมื่อครู่เขานับตามในใจแล้ว พบว่ามันครบสามสิบครั้งพอดี โทสะในใจก็สลายหายไปเกินครึ่ง เขายืนขึ้นและพูดกับโสวฝู่ฉู่ว่า "โสวฝู่ ขอตัวลา!"

ไม่ได้พูดว่าให้อภัยแล้ว หรือไม่พูดถึงการประนีประนอมใด ๆ ทั้งสิ้น แค่กลับไปทั้งอย่างนั้น

สวีอีรีบวิ่งตามหลังไปอย่างรวดเร็ว

กระทั่งเซียวเหยากง กับอ๋องชินลุ่ยก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เป็นเรื่องธรรมดา ที่เซียวเหยากงกับอ๋องชินลุ่ยจะถูกทิ้งไว้ให้จัดการตามเก็บเรื่องยุ่งเหยิงที่เกิด รวมถึงพูดคำหวานหูดี ๆ สักสองสามประโยคปิดท้าย

ฉู่หมิงชุ่ยหันหลังแล้วรีบวิ่งไล่ตามออกไป เข้าไปหยุดหยู่เหวินเห้าเอาไว้ในสวน

หยู่เหวินเห้าหันกลับมามองนางด้วยสายตาเย็นชา " พระชายาฉี มีธุระอะไรรึ?"

ฉู่หมิงชุ่ยเดินเข้าไปช้า ๆ ยื่นมือออกไป ในฝ่ามือของนางมีหยกพกที่แตกออกเป็นสามเสี่ยงของเขาอยู่ในนั้น

“นี่เป็นหยกที่เจ้าหวงแหนมาโดยตลอด เอากลับไปเถอะ ลองดูว่าจะซ่อมแซมกลับสู่สภาพเดิมได้หรือไม่” ฉู่หมิงชุ่ยพูดเบา ๆ

นางมองดูเขา ใบหน้าของเขายังคงหล่อเหลาเช่นเดิม มีรอยแผลเป็นที่กระดูกคิ้ว ซึ่งช่วยเพิ่มความเยือกเย็นและดูดิบเถื่อนขึ้นมาเล็กน้อย

เหนือสิ่งอื่นใด มันทำให้ดูมีเสน่ห์ยิ่งกว่าเดิม

ยามที่เขายืนอยู่กับอ๋องฉีเมื่อไหร่ อ๋องฉีจะเป็นได้แค่คนไร้ความสามารถไปทันที

ไม่มีใครรู้หรอกว่า ตอนนี้นางเสียใจภายหลังมากแค่ไหน

หยู่เหวินเห้ามองแล้วยื่นมือออกไป แม้ว่าหยกชิ้นนี้จะหักไปแล้ว แต่มันเป็นของพระราชทานมาจากเสด็จปู่ ถึงตัวหยกจะบุบสลาย แต่ซากมันก็สมควรต้องนำกลับไปอยู่ดี เพื่อหลีกเลี่ยงคนที่อาจจะมาทึกทักเอาในภายหลังได้

ฉู่หมิงชุ่ยยังคงยื่นมืออยู่อย่างนั้น รอให้เขารับมันไป

แต่หยู่เหวินเห้าไม่ต้องการจะใกล้ชิดกับนางให้มาก จึงรอให้นางกลับด้านแล้วส่งมา

ด้วยวิธีนี้ มือของทั้งคู่จะมีโอกาสสัมผัสกันได้กลางอากาศในชั่วขณะหนึ่ง ฉู่หมิงชุ่ยฝืนยิ้มอย่างขมขื่น “ระหว่างเราสอง ความสัมพันธ์มันขึ้นสนิมจนเข้าหน้ากันไม่ติดถึงเพียงนี้ไปแล้ว ช่างน่าเศร้าเสียจริงนะ!”

หยู่เหวินเห้าไม่ได้พูดอะไร แค่พยักพเยิดส่งสัญญาณไปให้สวีอี

สวีอียื่นตรงเข้ามาคว้ามันไปด้วยมือข้างหนึ่ง ช่วงเวลาที่ไปสัมผัสโดนมือของฉู่หมิงชุ่ย เขาก็รีบกล่าวคำขอโทษอย่างรวดเร็ว

หยู่เหวินเห้าหันหลังกลับ ฉู่หมิงชุ่ยก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขาไว้

“มีอะไรอีกรึ?” หยู่เหวินเห้าถามพลางขมวดคิ้วมุ่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน