บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 280

นางไม่ได้จะปกป้องหมันเอ่อ หรือว่าเพิกเฉยต่ออันตราย ไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเอง

นางเพียงรู้สึกว่าการเข้ามาของหมันเอ่อเช่นนี้ต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่นอน เหตุใดจึงไม่ทำให้ปัญหามันกระจ่างก่อนแล้วค่อยขับไล่ออกไป? แล้วเรื่องที่ไม่ชัดเจนเช่นนี้จะต้องเกิดขึ้นซ้ำๆ อีกกี่รอบกัน?

นางรู้ดีว่าตั้งแต่ที่นางตั้งครรภ์ก็มีคนจำนวนมากที่ไม่ชื่นชอบนาง ต้องการที่จะกำจัดลูกของนางทิ้งเสีย ซึ่งนางเองก็เบื่อหน่ายกับชีวิตที่ต้องหวาดระแวงเช่นนี้ ทุกคนล้วนใช้ชีวิตบนความเป็นความตาย ทุกคนต่างพากันตื่นตระหนกจนความใจเย็นของนางกลายเป็นความผิดไปเสียอย่างนั้น

นางถอนหายใจเบาๆ หวังว่าทุกอย่างจะกลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง และอย่าได้ตึงเครียดเช่นนี้อีก

แต่ตอนนี้นางรู้สึกว่าสมองของนางแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว

สุดท้ายนางก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืน เอาเถอะ ออกไปฟังจะดีกว่า

เมื่อออกไปข้างนอก หยู่เหวินเห้าที่เห็นนางกำลังเดินออกมา ก็ทำเป็นไม่สนใจนาง เพียงแต่นั่งอยู่กับที่บนเก้าอี้ใหญ่ด้วยสีหน้าเย็นชา

หยวนชิงหลิงนั่งลงบนเก้าอี้แขกโดยไม่พูดกับเขาสักคำแล้วหันไปถามอะซี่ “แล้วคนล่ะ?”

“สวีอีกำลังไปนำตัวมาเจ้าค่ะ” อะซี่กระซิบเบาๆ

หมันเอ่อที่ได้เห็นสวีอีเดินมาหา นางก็รับรู้ได้ทันทีเลยว่าตัวเองถูกจับได้แล้ว

นางไม่คิดที่จะหนี ทั้งยังเดินเข้าไปหาพร้อมกับพูดด้วยใบหนาซีดเผือด : “ใต้เท้าสวี”

สวีอีกล่าวอย่างเฉยชา : “เจ้าอ๋องต้องการพบเจ้า ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้เลยว่าจงให้ความร่วมมือเสียดีๆ จะได้ไม่ต้องเจ็บหนัก”

หมันเอ่อกล่าว: “ใต้เท้าสวีเชิญนำทาง”

“เจ้าเดินข้างหน้า ใครจะวางใจได้ว่าเจ้าจะไม่เล่นพิรุธอยู่ด้านหลัง?” สวีอีแย้งกลับ

หมันเอ่อเดินไปด้านหน้า แสดงให้เห็นถึงความอ้างว้างที่ปรากฏออกมา

หยวนชิงหลิงได้เห็นหมันเอ่อที่เดินเข้ามา แววตาของนางเศร้าหมองด้วยอารมณ์ที่สุดแสนจะอ้างว้าง พร้อมกับความกังวลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงถึงความหวาดกลัวออกมา ท่าทีของนางสงบราวกับคนที่รู้ชะตาชีวิตตัวเอง บนหน้าผากของนางมีรอยแส้พาดอยู่ รอยแผลไม่ได้แดงสดดังแต่ก่อนจะเหลือเพียงก็แต่รอยฟกช้ำให้เห็นเท่านั้น

นางเดินเข้ามาแล้วคุกเข่าลงทันที “ถวายบังคมเจ้าอ๋อง!”

นางรู้จักหยู่เหวินเห้า แต่ด้วยความที่นางมาเคยเจอหยวนชิงหลิงมาก่อน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงเก้าอี้แขกคือหยวนชิงหลิง เพราะถ้าหากเป็นพระชายาควรที่จะนั่งนั่งทางด้านขวามือบนเก้าอี้ใหญ่แล้ว

หยู่เหวินเห้าจ้องนางแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม : “อย่ามากความ ว่ามาผู้ใดสั่งให้เจ้าเข้ามายังจวนอ๋องฉู่ ?มีเป้าหมายอันใด?”

หมันเอ่อก้มหน้าลง : “เรียนเจ้าอ๋อง ข้าน้อยมาที่นี่เองเจ้าค่ะ ไม่มีผู้ใดสั่งให้ข้าน้อยมาที่นี่ ข้าน้อยเพียงต้องการหางานทำให้มีที่อยู่ที่กินเพียงเท่านั้นเจ้าค่ะ”

“แล้วจวนตระกูลฉู่ไม่มีที่ให้เจ้ากินเจ้าอยู่หรือไร?” หยู่เหวินเห้าตะเบ็งเสียงดังขึ้นด้วยความตะลึงเล้กน้อย

หมันเอ่อตอบกลับ : “ข้าน้อยถูกใต้เท้าฉู่ขับไล่ออกมา ไร้ซึ่งที่จะไปเจ้าค่ะ”

“โสวฝู่ฉู่ขับไล่เจ้าออก แล้วฉู่หมิงหยางเก็บเจ้าเอาไว้ไม่ได้หรืออย่างไร?” อะซี่ทนเงียบไม่ได้อีกต่อไป

หมันเอ่อตวาดสายตาไป มีแวบหนึ่งที่ปรากฏให้เห็นความผิดหวังและความสิ้นหวังภายในออกมา “ข้าน้อยปรนนิบัติคุณหนูรองได้ไม่ดี คุณหนูรองก็เลยไม่ต้องการข้าน้อยแล้วเช่นกันเจ้าค่ะ”

“ผู้ใดก็ไม่ต้องการเจ้าแล้ว เจ้าจึงมายังจวนอ๋องฉู่ เจ้าเห็นจวนอ๋องฉู่เป็นอะไรกัน?” อะซี่กล่าวอย่างฉุนเฉียว

หมันเอ่ออธิบายด้วยสีหน้าซีดเผือด: “ในตอนที่ข้าน้อยมาที่นี่ ข้าน้อยไม่รู้ว่าเป็นจวนอ๋องฉู่ หากข้าน้อยรู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่กล้ามา”

หยู่เหวินเห้ากระตุกริมฝีปาก แล้วมองนางอย่างเยาะเย้ย “ยังจะพูดว่าไม่กล้ามาได้อีก เจ้ากล้าพาฉู่หมิงหยางไปสะกดจิตข้าถึงที่ทำการปกครอง แล้วยังใจกล้าต่อสู้กับข้าในฐานะสาวใช้ของจวนตระกูลฉู่ แล้วเจ้ามีอะไรไม่เรียกว่าไม่กล้าอีก?”

หมันเอ่อกล่าวชี้แจง : “ในตอนนั้นเจ้านายของข้าน้อยคือคุณหนูรอง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเชื่อฟังคำสั่งของคุณหรูรอง และในตอนที่อยู่ในจวนตระกูลฉู่ เป็นเพราะเจ้าลงมือทำร้ายคุณหนูรอง ข้าน้อยเพียงภักดีต้องการปกป้องผู้เป็นนายจึงได้เข้าไปต่อสู้กับเจ้าอ๋อง ขอเจ้าอ๋องโปรดให้อภัยด้วยเจ้าค่ะ”

หมันเอ่อรีบหันไปมองนางทันที “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ฮูหยิน เจ้าเคยพบเขาหรือ?”

“ข้าเคยพบเขา สวีอี เจ้ารีบไปนำตัวเขามาเถอะ” หยวนชิงหลิงสั่งสวีอีเรียบร้อยแล้วหันไปหาหมันเอ่ออีกครั้ง “เจ้าวางใจได้ ข้าไม่ทำให้เขาต้องลำบากใจ เพียงแค่ต้องการที่จะถามให้ชัดเจนเท่านั้น”

หมันเอ่อมองนางด้วยแววตาที่ไม่สงบและกังวล “ทว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลยเจ้าค่ะ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นคนชั่ว”

อะซี่กล่าวอย่างไม่พอใจ: “เจ้ายังรู้ว่าตัวเองเป็นคนชั่วด้วยหรือ?ชื่อเสียงของคนหนานเจียงถูกคนเช่นเจ้านั่นแหละที่ทำลายลง”

หมันเอ่อก้มหน้าไม่กล้าที่จะโต้เถียง ดวงตาเต็มไปด้วยความละอายใจอย่างมาก

หยวนชิงหลิงหันไปมองหยู่เหวินเห้า ดวงตาของเขายังคงมีความโกรธเคืองแฝงอยู่ นางจึงได้เพียงพูดอย่างเบาๆ : “เจ้ากลับไปก่อน ข้าจะถามเองได้หรือไม่?”

หยู่เหวินเห้าเบิกตากว้างด้วยความโกรธที่พุ่งขึ้นมา “จนถึงตอนนี้เจ้ายังจะปกป้องคนที่คิดจะทำร้ายเจ้าอยู่อีกหรือ? เจ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไร?”

“ข้าไม่ได้ปกป้องผู้ใดทั้งนั้น ข้าเพียงต้องการทำให้มันแจ่มแจ้งเท่านั้น” หยวนชิงหลิงเองก็แข็งกร้าวขึ้นมาพร้อมกับน้ำเสียงที่แฝงด้วยความเย็นชา

หยู่เหวินเห้ากล่าวต่อด้วยความเคือง : “เจ้าอยากจะพิสูจน์อะไรกัน? นางเป็นคนของฉู่หมิงหยางถูกต้องหรือไม่?ฉู่หมิงหยางเป็นคนอย่างไร ยังจะต้องให้ข้าทวนให้เจ้าฟังอีกสักหน่อยหรือไม่?ถึงจะไม่เอามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นางก็เป็นเพียงแค่คนนอก เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง มันคุ้มค่าหรือที่เจ้าจะมาทะเลาะกับข้าเพราะนาง ?”

“ไม่ได้อยากจะทะเลาะกับเจ้า ข้าเคยบอกแล้วว่าข้าแค่ต้องการรู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ก็เพียงเท่านั้น” หยวนชิงหลิงได้ยินน้ำเสียงดุดันของเขา นางก็ชักสีหน้าขึ้นมา

หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างเยาะเย้ย “แท้จริงแล้วเจ้าก็แค่ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าคงจะชอบใจที่ได้เห็นข้าที่คลุ้งคลั่งเพื่อเจ้าสินะ ?เจ้าต้องการเห็นทุกคนกังวลและเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าใช่หรือไม่?เป็นเช่นนี้มันเติมเต็มความรู้สึกของเจ้ามากเลยงั้นสิ?เจ้าคงภาคภูมิใจมากสิท่า?”

หยวนชิงหลิงโกรธจนหน้าซีดขาว “เป็นเจ้าเองต่างหากที่ทำเรื่องให้มันใหญ่โต เจ้าจงใจจะหาเรื่องทะเลาะใช่หรือไม่?”

หยู่เหวินเห้าตอบกลับอย่างเยือกเย็น : “หากไม่ใช่แบบนี้ ข้าเองก็ไม่เข้าใจแล้วว่าทั้งที่รู้ว่าเป็นคนร้าย แต่เหตุใดเจ้าถึงยังอยากที่จะเก็บนางเอาไว้ข้างกาย เจ้าเพียงชอบที่ได้เห็นทุกคนเป็นห่วงเจ้า และพยายามที่จะปกป้องเจ้า เจ้าเอาความรู้สึกของทุกคนมาเล่นย่ำยี พวกเราที่วิ่งวุ่นร้อนรนในขณะเจ้ากลับยืนกุมปากหัวเราะอยู่ข้างๆ !”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน