บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 341

ตอนที่หยวนชิงหลิงได้ยินคำพูดนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่กันคนละโลกจริงๆ

ฉู่หมิงชุ่ยนำพาให้นางเกือบจะเข้าใกล้เงามรณะ จนตอนนี้ยังรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้ไม่คลาย

เพียงแต่ คนตายก็ดุจไปที่ดับมอด บุญคุณความแค้นก็ควรสลายหายไปได้แล้ว

พิธีศพของฉู่หมิงชุ่ยนั้นเรียบง่ายมาก เดิมทีก็ไม่ควรมีพิธีศพอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะยังไม่ได้ทำเรื่องของการเลิกร้าง อีกทั้งฮ่องเต้ถือว่าให้เกียรติตระกูลฉู่ ฉะนั้นจึงได้ยินยอมให้มีการจัดพิธีศพให้กับนาง

คนรุ่นใหญ่ต้องส่งคนรุ่นน้อยไปสวรรค์ ทางด้านตระกูลฉู่ย่อมเต็มไปด้วยบรรยากาศโศกเศร้า

หลังจากพระชายาจี้ไปแล้ว หยู่เหวินเห้าก็เห็นนางนั่งหดหู่อยู่ในห้องเป็นเวลาหลายวัน แต่บาดแผลก็ดีขึ้นจนไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จึงได้พานางออกไปเดินเล่นข้างนอก

เดินตามเส้นทางที่ทอดยาวไป อะซี่กับหมันเอ๋อและสวีอีเดินตามอยู่ข้างหลัง อากาศเหน็บหนาวในฤดูเหมันต์ ลมหนาวม้วนตัวผัดผ่านถนนใหญ่ที่ผู้คน ยิ่งเพิ่มความรู้สึกซบเซาให้กับหน้าหนาวขึ้นอีกหลายส่วน

“ทำไมวันนี้ไม่มีผู้คนเลย”อะซี่รู้สึกประหลาดใจ คนที่เดินไปมา ล้วนดูเร่งรีบ แม้จะเป็นหน้าหนาว ก็คงไม่ถึงกับเงียบเหงาขนาดนี้กระมัง

สวีอีพูดว่า “ตระกูลฉู่มีพิธีส่งศพ คงไม่อยากเฉียดใกล้ความเคราะห์ร้าย ฉะนั้น จึงหลบเลี่ยงกันหมดกระมัง”

อะซี่พูดว่า “พิธีส่งศพก็ไม่ผ่านทางนี้นี่นา ไปทางนอกเมืองมิใช่หรือ”

“ไม่รู้ว่าจะไปฝังที่ไหน แต่คาดว่าคงไม่ได้ฝังในสุสานบรรพชนของตระกูลฉู่ เพราะเป็นลูกสาวที่แต่งออกไปแล้ว ”สวีอีพูด

หยู่เหวินเห้าไม่อยากได้ยินชื่อนี้ และก็ไม่อยากจะเดินตรงไปข้างหน้าอีกเพราะเกรงว่าจะเจอเข้ากับขบวนส่งศพ จึงได้เอ่ยกับหยวนชิงหลิงว่า “เจ้าหิวหรือยัง พวกเราไปหาที่นั่งพักกินเถอะ”

พอดีกับที่ข้างๆนั้นมีร้านน้ำชา พวกเขาจึงพาหยวนชิงหลิงขึ้นไปนั่งบนชั้นสอง สั่งชาโซ่วเหมยมาหนึ่งกา แล้วก็ให้เสี่ยวเอ้อชงชาพุทรามาให้หยวนชิงหลิงแก้วหนึ่ง และของว่างอีกสองสามอย่าง

ที่จริงหยวนชิงหลิงไม่ได้ไม่สบายใจ แต่อากาศหนาวเย็นมาก บวกกับร่างกายที่ไม่ได้ออกกำลัง ทำให้ดูเหมือนความกระตือรือร้นที่มีอยู่จะสูญหายไปจนสิ้น

นางตั้งสติปลุกใจตัวเองอยู่สักพัก ก็พูดว่า “ทางเสด็จพ่อยังไม่มีพระบัญชาอะไรกลับมาหรือ ”เขาหยุดพักงานมาหลายวันแล้ว เดิมทีควรทำโทษพอเป็นพิธีเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะให้หยุดพักงานนานขนาดนี้

หยู่เหวินเห้าเอียงตัวพิงพนักเก้าอี้ แขนเสื้อกว้างสีเขียวครามวางไว้ที่เท้าแขนของเก้าอี้ ดวงตายาวดุจหงส์หรี่ลง แสร้งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกียจคร้านว่า “ไม่ ไม่มีพระบัญชา ข้ายังมีความสุขกับการว่างงานอยู่ พอดีเลยจะได้อยู่กับเจ้ามากๆหน่อย”

หยวนชิงหลิงยิ้ม “อย่างอยู่ใกล้ชิดกันนานเกินไป ระหว่างสามีภรรยาก็ต้องมีช่องว่างของความอิสระอยู่บ้าง ”

“ช่องว่างบ้าบออะไรกัน ไม่จำเป็น”หยู่เหวินเห้าไม่เห็นด้วย หากไม่ใช่เพราะคำข่มขู่ที่มีอยู่ เขายังอยากจะตัวติดกับหยวนชิงหลิงตลอดสิบสองชั่วยามด้วยซ้ำไป

หยวนชิงหลิงหยิบตะเกียบคีบของหวานชิ้นหนึ่งขึ้นมาส่งให้เขา แววตาขุ่นมัว “เรื่องของคดี ข้าไม่เคยถามท่าน แต่ว่า ฉู่หมิงชุ่ยนั้นฆ่าตัวตายจริงหรือ ”

หยู่เหวินเห้าไม่ได้เหลือบตาขึ้นมอง“ไม่ได้ฆ่าตัวตายแล้วจะตายเพราะอะไร นางดื่มยาจื่อจินเข้าไปแล้ว หากไม่ใช่ฆ่าตัวตาย ก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่วันสองวันเท่านั้น ”

หยวนชิงหลิงพูดว่า “นางแขวนขอตายหรือว่าเอาหัวชนกำแพงตาย”

“กรีดข้อมือ”

“น่าแปลก อยู่ในคุกไปเอามีดมาจากที่ไหนกัน ”หยวนชิงหลิงถามพลางมองไปที่เขา

หยู่เหวินเห้ายักไหล่ กินของว่างพลางพูดขึ้นว่า “นี่ข้าก็ไม่รู้ บางทีในคุกอาจมีเพื่อนของนาง รู้ว่านางหาวิธีฆ่าตัวตาย จึงได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือกระมัง”

“ฉู่หมิงชุ่ยไม่มีทางหาวิธีฆ่าตัวตาย นางอยากมีชีวิตรอดมากที่สุด ข้าเคยเห็นคนมามากมาย คนที่ดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างแรงกล้าเช่นนางนั้นมีน้อยมาก แม้ว่าตลอดมานางจะเอาแต่หาเรื่องใส่ตัว”หยวนชิงหลิงนึกถึงตอนที่นางร้องขอความช่วยเหลือโดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีใดๆทั้งสิ้น ช่างไม่เหมือนนางในอดีตที่ดูสูงส่งเลย

“นางไม่เพียงแค่อยากจะมีชีวิตรอด นางยังอยากจะมีชีวิตที่ดียิ่งกว่าใครด้วย”สีหน้าของหยู่เหวินเห้าเหมือนมีเมฆหมอกดำปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดถึงนางแล้ว นางได้ออกไปจากชีวิตของพวกเราแล้ว ”

หยวนชิงหลิงเอ่ยเบาๆว่า “อืม ใช่”

หยวนชิงหลิงมองออก ในใจเขายังคงมีความเศร้าอยู่บ้าง

ถ้าหากฉู่หมิงชุ่ยไม่ได้ฆ่าตัวตาย คนที่ฆ่านางคงเป็นเขา

การฆ่าหญิงสาวที่ตัวเองเคยชื่นชอบมาก่อน รสชาติเช่นนี้ไม่อาจรับได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน