ภายในหอเวินกู้ คนรับใช้มีประมาณสิบกว่าคน เยอะกว่าห้องพระชายาปกติอย่างมาก
เมื่อพวกหยวนชิงหลิงเข้าไป ก็มีคนรีบเข้าไปรายงานด้านใน
หยวนชิงหลิงพูดห้ามขึ้นว่า “ครรภ์เมียรองน่าเป็นห่วง ไม่ต้องให้นางออกมาต้อนรับ พวกเราเข้าไปก็ได้”
ข้ารับใช้หญิงชราคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “พระชายา ฮูหยินกู้จือไม่ใช่เมียรอง”
“ฮูหยิน?” พระชายาซุนหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่งตั้งเป็นฮูหยินตั้งแต่เมื่อไหร่? เจ้าสามนี่จริงๆเลย แต่งกับสนมเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ก็ไม่ปรึกษาพี่สะใภ้อย่างข้าเลย แต่ฮูหยินกับเมียรองแตกต่างกันยังไง? ไม่ถือว่าเป็นชายารองด้วยซ้ำ”
ข้ารับใช้หญิงชราคนไหนมีรูปร่างหน้าตาทรงกรวย ฟังพระชายาซุนแล้ว นางก็ไม่กล้าเหิมเกริมอีก พูดขึ้นเพียงว่า “บางทีท่านอ๋องจะคิดว่านี่เป็นเรื่องของฮูหยินกู้จือ ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกรู้”
“เจ้า.....” พระชายาซุนโกรธจนจะยกมือตบ พร้อมพูดขึ้นว่า “บ่าวใช้อย่างเจ้า อวดดีเกินไปแล้ว”
พระชายาจี้พูดห้ามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “พระชายาซุนจะโกรธทำไม? นางพูดก็ถูก ฮูหยินกู้จือก็ดี เมียรองก็ดี ยังไงก็เป็นเพียงคนนอก ไม่ใช่คนในเชื้อพระวงศ์ของเรา”
ข้ารับใช้หญิงชราเงยหัวขึ้นมามองดูพระชายาจี้ เห็นสีหน้าพระชายาจี้ขาวซีด กลับแลดูน่าเกรงขามเยือกเย็นเฉียบขาด ทำให้ไม่กล้าพูดอะไรขึ้นมาในทันใด
นางหันไปมองดูหยวนชิงหลิงอีกครั้ง เห็นพุงของนางค่อนข้างโต ท่าทีแลดูอ่อนโยน ก็รู้แล้วว่านี่คือพระชายาอ๋องฉู่ เมื่อรู้ว่าพระชายาอ๋องฉู่คนนี้เป็นคนมีมิตรที่ดี จึงพูดขึ้นว่า “พระชายาอ๋องฉู่ ร่างกายฮูหยินกู้จือค่อนข้างอ่อนแอ ขอพระชายาทุกท่านเห็นใจ”
กลับคิดไม่ถึงว่า จะได้ยินหยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ข้าเห็นใจนางด้วยเรื่องอะไร? แค่คนนอกคนหนึ่ง”
ข้ารับใช้หญิงชราอึ้ง เห็นสีหน้าที่เย็นชาของหยวนชิงหลิง ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก นำทางพาทั้งสามคนเข้าไป
กู้จือตื่นนอนแล้ว ยืนทำความเคารพอยู่ข้างเตียง พร้อมพูดขึ้นว่า “กู้จือถวายบังคมพระชายา”
หยวนชิงหลิงเห็นผมของนางห้อยลงมา หน้าท้องน้อยก็ยังไม่เห็นนูน สวมรองเท้าใส่นอนหุ้มส้นสีขาว คลุมกายด้วยเสื้อผ้าหลวมๆ ยิ่งทำให้ดูอ่อนแอ
สีหน้าของนางค่อนข้างขาวซีด ใต้ดวงตาบวมเล็กน้อย เหมือนบวมจากการนอนมากเกินไป ดวงตาหนึ่งเดียวที่เป็นประกายคู่นั้น ก็ดูไม่งดงามแล้ว
หยวนชิงหลิง จำภาพแรกที่เห็นนางได้อย่างชัดเจน
วันนั้นที่จวนอ๋องซุน นางก็คือหนึ่งในคนที่ยืนอยู่เฉยๆคนหนึ่ง
ไม่โทษนาง ตอนนั้น ใครที่รู้จักเอาตัวรอดต่างก็ต้องหลบทั้งนั้น
แต่ที่จริงนางสามารถไปแจ้งข่าวได้ เพราะตอนนั้นนางไม่ได้ถูกจับ
วันนั้นตอนที่นางถูกจับตัวไป ก็เหมือนจะมองเห็นถึงแววตาที่เยือกเย็นของกู้จือ
ยังดูเหมือนจะแฝงไปด้วยความเย้ยหยันด้วยซ้ำ
แค่เพียงเท่านี้ สำหรับกู้จือคนนี้ นางจะต้องรักษาความเป็นตัวตนไว้บ้าง
เมื่อพวกหยวนชิงหลิงนั่งลง เห็นกู้จือยังยืนอยู่ ด้วยท่าทำความเคารพ
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “เจ้านั่งลงเถอะ”
กู้จือจึงนั่งลงบนหน้าเตียง พร้อมกล่าวขอบคุณ
นางนั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนไม่มีตัวตน นั่งอยู่อย่างเงียบๆ แลดูอ่อนแอ ก้มหน้าก้มตา
หยวนชิงหลิงถามขึ้นว่า “ได้ยินมาว่า เมื่อคืนเจ้ามีภาวะแท้งคุกคาม แต่ตอนนี้ดูสีหน้าเจ้าก็ยังดีอยู่”
อะซี่รีบมาช่วย รังเกียจเสื้อผ้าชุดหลวมของนาง จึงไม่จำเป็นต้องตรวจอย่างละเอียด เจอมีรอยช้ำตรงด้านซ้ายของส่วนท้อง
หยวนชิงหลิงมองดูแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ปล่อยนาง”
ทั้งสองคนจึงถอยออกมา
พระชายาซุนกับพระชายาจี้มองหน้ากัน ต่างก็ค่อนข้างตกตะลึง ทำไมวันนี้เหมือนพระชายาอ๋องฉู่จะไม่รู้เรื่องอะไรเลย?
ข้ารับใช้หญิงชราประคองกู้จือนั่งลง นางน้ำตาไหลอย่างอับอาย พูดขึ้นอย่างเศร้าโศกและความขุ่นเคืองว่า “พระชายาอ๋องฉู่ เจ้ารังแกกันมากเกินไป ต่อให้ตรงส่วนท้องของข้ามีรอยช้ำ และจะสามารถบ่งบอกถึงอะไรได้?”
หยวนชิงหลิงเอามือวางลงบนท้องน้อย มองดูอย่างเอาแต่ใจ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “กู้จือ ตอนที่พระชายาเว่ยอยู่ที่ห้องใต้หลังคา เจ้าผลักนางจากข้างหลัง ทำให้นางตกลงมาได้รับบาดเจ็บ และตอนที่เจ้าจะหนี ได้ชนถูกเก้าอี้ภายในห้องใต้หลังคา ชนจนเขียวช้ำ ไม่หายง่ายๆ จะทิ้งร่องรอยบนตัวเจ้าอย่างน้อยสามวัน”
แววตาของนางเยือกเย็น พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมเจ้าต้องผลักนาง? เจ้าจะฆ่านาง แล้วแทนที่นางหรือ?”
กู้จือได้ยินเช่นนี้ ก็ตกใจอย่างมาก สีหน้าขาวซีด ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด เหมือนถูกกระตุ้นกระทบจิตใจอย่างแรงจนจะเป็นลมไปแล้ว
“เจ้า...ทำไมเจ้าถึงได้ใส่ร้ายป้ายสีข้าขนาดนี้? พวกเจ้ารังแกกันมากไปแล้วนะ....”กู้จือยากที่จะยอมรับความอับอาย เอามือปิดหน้าแล้วก็ร้องไห้
หยวนชิงหลิงค่อยยืนขึ้นมา พูดขึ้นด้วยสีหน้าเยือกเย็นว่า “เจ้าจะร้องไห้ทำไม? เจ้าน่าสงสารมากหรือ? เจ้าไม่น่าสงสารเลย กู้จือ พระชายาเว่ยช่วยชีวิตเจ้า พาเจ้ากลับมาเลี้ยงดูเจ้าให้อยู่ในจวนอย่างสุขสบาย เจ้ากลับตอบแทนนางเช่นนี้ นางยังไม่น่าสงสาร เจ้าน่าสงสารตรงไหน? เรื่องเมื่อคืน ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าเจ้าเป็นคนลงมือทำ เมื่อกี้ที่พูดเป็นเพียงคำสันนิษฐานของข้า เป็นความจริงหรือไม่ เจ้ารู้ดีแก่ใจ ข้าก็รู้ดีแก่ใจ เป็นคนต้องมีคุณธรรมบ้าง ไม่เช่นนั้น จะแตกต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน?”
กู้จือร้องไห้หนักสะอึกสะอื้นจนสั่นไปทั้งตัว พูดขึ้นพร้อมน้ำตาไหลอาบแก้มว่า “ข้ารู้ตัวดี....ว่ากระทำไม่ดีต่อพระชายา แต่ข้าจะทำยังไงได้? นี่ล้วนเป็นท่านอ๋อง.....ข้าจะไม่ทำตามได้อย่างไร?”
หยวนชิงหลิงคว้าจับข้อมือของนางขึ้นมาในทันใด กู้จืออึ้ง เงยหน้าขึ้นมองดูนาง
หยวนชิงหลิง พูดขึ้นด้วยดวงตาเฉียบคมว่า “เจ้าหมายถึงอ๋องเว่ยบีบบังคับเจ้าหรือ? ดี ตามข้าไปที่ทำการปกครอง ข้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...