บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 375

ขาถูกไว้อย่างแน่นแล้ว กระดูกแตกหัก เจ็บปวดร้าวก็เพราะกระดูกแตกหัก

มือก็ได้รับบาดเจ็บหรือ นางบอกว่าตอนที่กระโดดลงมามือกุมหัวไว้ด้วยสัญชาตญาณ จึงทำให้หน้าผากได้รับบาดเจ็บ

หยวนชิงหลิงฉีดยาแก้ปวดให้กับนาง แล้วก็จัดยาไว้ให้นางทาน ตอนที่ฉีดเข็ม นางมองเห็นยาที่นางให้นางไว้ก่อนหน้านี้วางอยู่ใต้หมอน นางไม่ได้ทาน

พระชายาเว่ยมองเห็น จึงหันไปมองดู พร้อมพูดขึ้นอย่างเก้อเขินว่า “อันนี้.... ต่อมาข้าได้ทานยานอนหลับที่หมอหลวงจัดให้ จึงไม่ได้ทานยานี้ของท่าน กลัวจะไปขัดแย้งกัน”

หยวนชิงหลิงอมยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่งั้น เจ้าเก็บไว้ก่อนไหม”

ยาแก้ปวดถูกฉีดเข้าไปไม่นาน พระชายาเว่ยก็พูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ไม่ได้ปวดมากขนาดนั้นแล้วจริงๆ”

เมื่อกี้นางยังค่อนข้างปฏิเสธเรื่องการฉีดเข็มนี้เลย นางไม่ชอบการฝังเข็ม

โดยเฉพาะเข็มนี้ใหญ่มาก ข้างในยังมีน้ำ

พระชายาซุนค่อยโล่งอก พร้อมบ่นขึ้นว่า “ดูเจ้าสิ ยังจะไม่เชื่อคนอื่น”

นางพูดบ่น ดวงตาก็แดงขึ้นมา พร้อมพูดว่า “เจ้าเป็นอะไรกันแน่หรือ? กรีดข้อมือไม่พอ ยังไปกระโดดตึกอีกหรือ? เจ้าจะทำให้ข้าตกใจตายหรือ?”

ดวงตาพระชายาเว่ยฉายแววตกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ช่วงนี้ค่อนข้างละเมอ ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เดิมแค่คิดที่จะขึ้นไปรับลม กลับคิดไม่ถึง เห็นภาพหลอน รู้สึกเหมือนด้านหลังมีคนผลัก แล้วตนเองก็ตกลงไปแล้ว”

พระชายาซุนตกใจอย่างมาก ถามขึ้นเป็นชุดว่า “มีคนผลักเจ้า? ใครหรือ? มีใครเห็นไหม? เจ้าขึ้นไปห้องใต้หลังคาคนเดียวหรือ? ห้องใต้หลังคาตรงไหน? ห้องใต้หลังคาแล้วกระโดดลงมาได้ยังไง?”

พระชายาเว่ยส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ได้มีคนผลักจริง เป็นภาพหลอน ที่จริงทุกครั้งที่ข้ากรีดข้อมือ มักจะเห็นภาพหลอน แล้วตนเองก็ไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไร รอเมื่อข้าฟื้นตื่นขึ้นมา ก็ได้ทำร้ายตนเองไปแล้ว”

พระชายาซุนประหลาดใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? เมื่อคืนก็เป็นภาพหลอนหรือ? เจ้าพาคนใช้คนไหนไปด้วย?”

“ไม่มี ข้าขึ้นไปคนเดียว อยากสูดอากาศให้สดชื่น ไม่ได้ให้ใครตามไปด้วย อยู่ห้องใต้หลังคาหอเถียน เพราะด้านนอกหลังคาได้สร้างศาลาหลังเล็กไว้หลังหนึ่ง สามารถเดินออกไปได้ ข้าจึงเดินออกไปรับลม สุดท้ายไม่รู้ว่าทำไม ถึงได้โดดลงไป”พระชายาเว่ยพูดขึ้น

“ตอนที่โดดลงไปเจ้ารู้สึกว่ามีคนพระเจ้าหรือ? ภาพหลอนของเจ้าเห็นอะไรบ้าง?”พระชายาซุนถามขึ้น

“ภาพหลอนจำไม่ได้แล้ว เพียงแค่จำได้ว่ามีคนผลัก แต่คิดว่าต้องเป็นภาพหลอนแน่ เพราะด้านหลังไม่มีคน ข้ายังไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเลย”พระชายาเว่ยพูดขึ้น

พระชายาจี้ไม่พูดไม่จา เมื่อฟังแล้ว ก็พูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “เรื่องนี้น่าสงสัย”

พระชายาซุนหันกลับมามองนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ว่าอย่างไร?”

หยวนชิงหลิงก็มองดูนาง

พระชายาจี้เงยหน้าขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า ไม่ได้แปลว่าไม่มีคน ตอนนั้นเจ้าอยู่ในภาพหลอน ต่อให้มีคนมาเจ้าก็ไม่รู้ตัว ตอนนี้เจ้ามีสติขึ้นมาแล้ว ในภาพหลอนเจ้าเห็นอะไรบ้างเจ้ายังจำได้ไหม? แต่เจ้ากลับจำได้อย่างชัดเจน ว่ามีคนผลักข้างหลังเจ้า เจ้าไม่สามารถมองเห็นข้างหลัง แต่เจ้ายังจำได้ นั่นก็เท่ากับว่าเจ้าไม่ได้อยู่ในภาพหลอน แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง”

พระชายาซุนขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าอย่าข่มขู่นาง แผนการชั่วร้ายแบบนี้จะพูดไปเรื่อยไม่ได้”

พระชายาจี้หัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “แผนการชั่วร้าย? ข่มขู่? ในจวนมีผู้หญิงคนหนึ่งที่คิดอยากที่จะมาแทนที่นาง พวกเจ้ายังมองโลกสวย? โดยปกติแล้ว ไม่ควรคิดว่าเป็นแผนการของคนกระทำก่อนหรอกหรือ ได้ไต่สวนให้แน่ชัดแล้วหรือยัง แล้วค่อยคิดว่าเป็นภาพหลอนก็ยังไม่สาย”

พระชายาซุนกับพระชายาเว่สบตากัน ต่างก็ค่อนข้างตกตะลึง

จากนั้นพระชายาซุนหันไปมองดูหยวนชิงหลิง พร้อมถามขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไร? ไม่ใช่หรือมั้ง?”

ที่จริงครั้งนี้ ในใจหยวนชิงหลิงค่อนข้างเอียงไปทางพระชายาจี้

พระชายาเว่ยพูดว่า ภาพร้อนที่นางเห็น ล้วนจำไม่ได้แล้ว จำได้เพียงอย่างเดียวว่ามีคนผลักนาง

ภาพร้อนของคนที่มีภาวะซึมเศร้า ที่จริงส่วนใหญ่มีอาการประสาทหลอนทางหูและการมองเห็น แต่ไม่ใช่ความรู้สึก

มีคนผลักนางจากข้างหลัง นี่เป็นความรู้สึกที่นางรู้สึกได้ ไม่ใช่ภาพหลอนจากการฟังและการมองเห็น

นางจำได้ชัดเจนกับการถูกผลักในครั้งนี้ แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า บางทีอาจจะมีคนผลักข้างหลังนางจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน