เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยจ้องลูกสาวตัวเองตาเขม็ง ถึงขั้นบังเกิดความรู้สึกอยากตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอดขึ้นมาจริง ๆ แล้ว
กลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ เขาตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ ว่าจะต่อสู้ช่วงชิงเพื่อเกียรติยศที่คู่ควรกับตระกูลฮู่มาให้จงได้
เขารู้ว่า ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับผลความสำเร็จทางการเมืองของเจิ้งเป่ยในครั้งนี้มาก เขากลับมาอย่างยิ่งใหญ่กล้าหาญ วันนี้ตอนที่อยู่ในวัง เขายังถึงกับกล้าท้าทายพระราชอำนาจของฝ่าบาท แม้ว่าจะไม่บรรลุความปรารถนา แต่เขาก็รู้ว่าตราบใดที่เขายังคงยืนหยัดในเป้าหมายนี้ต่อไป เขาจะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน
ดังนั้น ระหว่างทางที่กลับจากวังไปที่จวน ในใจจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกทะเยอทะยาน มีปณิธานอันแรงกล้าไปตลอดทาง
แต่อนิจจาใครหนอจะรู้ว่า หลังผ่านความเพียรพยายาม ลำบากตรากตรำอย่างหนักจนมีวันนี้ได้ เพิ่งจะยิ้มแย้มภาคภูมิใจได้ไม่นานเท่าไร กลับถูกลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนสร้างความลำบากใจให้ได้อาย เหมือนถูกฟาดด้วยที่ช่วยใส่รองเท้าเข้าไปเต็ม ๆ หน้า เรียกได้ว่าฟาดใส่หน้าแก่ ๆ ของเขาแบบตรง ๆ จนยับเยินหมดสภาพเลยทีเดียว
นี่นับเป็นอะไรได้? เขาจงใจสร้างบรรยากาศที่กดดันอย่างลึกล้ำขนาดนั้น พยายามจะบีบคั้นกดกันฝ่าบาทให้ต้องจำนน แต่สุดท้าย กลับถูกฝ่าบาทบีบคั้นกดดันลูกสาวคนสำคัญของเขาแทนหรือนี่?
น้ำเย็นเฉียบที่สาดเข้าใส่หนนี้ ถึงกับดับจิตวิญญาณนักสู้อันแรงกล้าตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเขาจนมอดดับลงไปตรง ๆ เลยทีเดียว
เขาแก่กว่าฮ่องเต้ปีเดียว ก็จะได้เป็นพ่อตาของฮ่องเต้แล้วอย่างนั้นรึ?
โอ้สวรรค์! นี่มันรับไม่ได้จริง ๆ
แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าที่ร้องไห้อยู่ แต่ก็ยังเต็มไปด้วยไฟโทสะอันขุ่นเคืองไม่หายของลูกสาว เขาก็รู้สึกจนใจ ไม่มีทางเลือกอื่นใดแล้วจริง ๆ
ถึงขั้นที่ลูกสาวยังยื่นคำขาดให้เขาด้วยว่า หากฝ่าบาทไม่ต้องการนาง นางก็จะสละทางโลกไปออกบวชเป็นแม่ชีทันที
นี่มันนับเป็นอะไรได้ ? เขาต้องยกลูกสาวให้ฝ่าบาทง่าย ๆ ไม่พอ ยังถึงกับต้องแสร้งทำเป็นหลานชายตัวน้อย ๆ ที่แสนไร้เดียงสา ไปร้องขอความเมตตาจากฝ่าบาทให้ยอมรับลูกสาวของเขาไปอีกอย่างนั้นรึ?
“ไม่! เจ้าเป็นแม่ชี ก็ยังดีกว่าต้องเข้าวัง” เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยฝืนทำใจแข็งดั่งเหล็ก
ฮู่ก่วงถิงยึดตามการตัดสินใจของพ่อ พูดขึ้นว่า: "ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พรุ่งนี้ท่านพ่อก็ส่งข้าไปที่สำนักนางชีหมิงเยว่เถอะ ใครก็ไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อมข้า ข้าตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ไม่ว่าใครก็เกลี้ยกล่อมข้าไม่ได้ทั้งนั้น"
พูดจบก็เช็ดน้ำตา แล้วเดินกลับไปทันที
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยอับจนหมดความคิดแล้วทุกทาง หันไปมองฮูหยินใหญ่อย่างจนใจสุดแสน
ฮูหยินใหญ่ผายมือ นางจะไปมีหนทางทำอะไรได้อีกล่ะ? จะอย่างไรก็ไม่สามารถไปบังคับให้นางแต่งกับคนที่นางไม่ชอบได้อยู่ดี "นั่นลูกสาวที่เจ้าให้ท้ายคนจนเสียคนเองนี่นะ เจ้าคิดจะทำอย่างไรก็ตัดสินใจเอาเองเถอะ"
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยถึงกับขยุ้มผมตัวเอง แล้วดึงทึ้งมันออกมาแบบเต็มกำมือใหญ่ ๆ เลยทีเดียว ช่างทำให้เดือดร้อนรำคาญใจอะไรเช่นนี้ นี่จะไม่ให้เขาได้มีโอกาสดื่มด่ำกับอำนาจวาสนาที่เพียรสร้างมาสักหน่อยเลยหรือ? อุตส่าห์คว้าชัยชนะกลับมายังราชสำนักอย่างยากลำบาก ได้รับคำแซ่ซ้องสรรเสริญจากประชาชน เหล่าขุนนางต่างไว้วางใจ แต่มาวันนี้ เขากลับต้องทำตาปริบ ๆ มองส่งลูกสาวเข้าวังหลังไปง่าย ๆ จากนี้ไปจะให้เขาหน้าไปไว้ที่ไหนได้อีก?
หลังจากรอจนถึงพลบค่ำด้วยหัวใจที่แทบจะขาดลงให้จงได้ เมื่อลูกชายกลับมา เขาก็รีบเรียกลูกชายเข้ามาปรึกษาหารือด้วยทันที
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ แม่ทัพน้อยฮู่ก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงหนึ่ง “ ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงคิดว่านางชอบเจ้าเด็กน้อยอ๋องฉู่นั่นไปได้ล่ะขอรับ ? นางชอบฝ่าบาทมาตั้งนานแล้ว ท่านไม่รู้เลยรึ?”
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยคล้ายถูกโจมตีจนกระทบกระเทือนจิตใจอย่างหนัก "เจ้ารู้อย่างนั้นรึ?"
“ข้าย่อมต้องรู้แน่นอนสิขอรับ ตั้งแต่ยังเล็ก นางก็เอาแต่พูดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอดไม่ใช่รึ? ” แม่ทัพน้อยฮู่นั่งลง พูดพลางยกสองขาขึ้นมาขัดสมาธิ
“ตอนนั้นยังเด็ก อาจเป็นแค่คำพูดเล่น ๆ ไม่จริงจังอะไร” เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยพยายามย้อนนึกไปถึงฉากที่นางได้เห็นฝ่าบาทเมื่อตอนนั้น อันที่จริงนางคุกเข่าอยู่กับพื้น แล้วมองดูจากระยะไกล ๆ น่ากลัวว่าอาจมองเห็นได้ไม่ชัดเท่าไรเลยด้วยซ้ำ
แต่เพียงแวบเดียวที่ได้เห็นหน้าครั้งนั้น กลับเป็นสิ่งที่ติดค้างสั่งสมอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจนางมาโดยตลอด เพราะมีเพียงความคิดถึงคะนึงหาแต่ไม่อาจได้พบหน้า ทุกสิ่งที่นางคิดไว้ในใจ จะต้องดีงามสมบูรณ์แบบมากอย่างแน่นอน
ลูกหนอลูก นั่นคือฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนะลูกเอ๋ย แม้ว่าหน้าตาเขาจะนับว่ารูปงามหล่อเหลา แต่ก็ไม่มีทางเทียบกับคนหนุ่มที่อายุยังน้อยได้จริง ๆ หรอกนะ
“เจ้ารีบคิดหาหนทางเร็วเข้า! จะอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้น้องสาวเจ้า แต่งงานกับคนแก่คราวพ่อได้เด็ดขาด” เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยตบโต๊ะแล้วพูดเสียงดังสนั่น
เขาเกิดนึกขึ้นมาได้ว่า วันนี้เขาโกรธจนตบโต๊ะแผดเสียงโวยวายใส่ลูกสาวไป เรียกว่าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่นางยังเล็กจนเติบใหญ่มาขนาดนี้ ที่ผ่านมาเขาจะตัดใจทำลงไปได้อย่างไรกัน? เขามีลูกสาวที่แสนล้ำค่าแค่คนนี้คนเดียว ทั้งรักทั้งถนอมดั่งแก้วตาดวงใจ แค่จะพูดจาเสียงดังใส่ก็ยังกลัวนางตกใจด้วยซ้ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...