บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 418

พระชายาจี้พูดเสร็จ จ้องมองดูฉู่หมิงหยาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ชายารองคัดค้านข้อเสนอของข้าไหม?”

ฉู่หมิงหยางฟังคำพูดพวกนี้แล้ว ก็ไม่ทันได้สนใจฝ่ามือที่ถูกตบนั้น เพียงแค่มองดูพระชายาจี้ด้วยท่าทีหงุดหงิดโมโห พร้อมพูดขึ้นว่า “พูดตลบตะแลง”

“พูดตลบตะแลงหรือไม่ สืบดูก็รู้ เจ้ากรมการพระนครก็อยู่ที่นี่พอดี”พระชายาจี้พูดขึ้น

ฉู่หมิงหยางหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ากรมการพระนคร? เกรงว่าคงไม่ได้เป็นแล้ว เขาถูกปลดจากตำแหน่งแต่แรกแล้ว”

หยวนหย่งอี้พูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ก่อนหน้านี้ที่ถูกสั่งพักงาน ตอนนี้ฮ่องเต้ได้ให้อ๋องฉู่กลับไปประจำตำแหน่งเดิมแล้ว เจ้าไม่รู้หรือ? ตอนนี้เขายังคงเป็นเจ้ากรมการพระนคร”

ฉู่หมิงหยางพูดขึ้นด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “ใช่หรือ? กลับไปประจำตำแหน่งเดิม? เจ้าบอกว่าใช่ก็ใช่แล้วหรือ? มีราชโองการเป็นหลักฐานไหม? มีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรจากกรมข้าราชการพลเรือนไหม?”

หยู่เหวินเห้าพูดสั่งด้วยเสียงเย็นชาว่า “สวีอี ไปยังที่ทำการปกครอง ประกาศคำสั่งของข้า เชิญผู้ช่วยเจ้ากรมกับหัวหน้าพลตระเวนพาคนมา แล้วสั่งคนไปเชิญใต้เท้าเหลิ่งจิ้งเหยียนที่กั๋วจื่อเจียน ข้าจะตรวจเทียบลายมือ”

อ๋องจี้พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ช้าก่อน เจ้าห้า อย่าทำเกินไป นี่เป็นเรื่องภายในจวนของข้า ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนไปถึงที่ทำการปกครอง”

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อพี่ใหญ่จะเดือดร้อนไปถึงเสด็จพ่ออยู่แล้ว แล้วทำไมจะเดือดร้อนไปถึงที่ทำการปกครองไม่ได้? หรือว่าที่ทำการปกครองยังจะร้ายแรงยิ่งกว่าไปทูลต่อหน้าเสด็จพ่อหรือ?”

“นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวราชวงศ์ จึงควรให้เสด็จพ่อเป็นคนตัดสิน”อ๋องจี้พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา

หยู่เหวินเห้าก็ไม่ยอมแพ้ เดินเข้าใกล้ ท่าทีความโกรธโมโหแทบจะปกคลุมอ๋องจี้ ที่จิตใจตื่นตระหนกตกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเคยพูดแล้ว ในเมื่อพวกเจ้าเอาเจ้าหยวนเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะไม่เป็นเพียงเรื่องภายในราชวงศ์หรือจวนของใคร”

เขาหันกลับมาพูดด้วยเสียงเฉียบขาดว่า “สวีอี ยังจะยืนอึ้งทำอะไร? ไปหรือไม่ไป?”

สวีอีรีบรับคำ แล้วก็รีบไป

สีหน้าอ๋องจี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย พร้อมมีคำสั่ง แล้วก็มีทหารจวนหลายคนวิ่งออกมาขวางสวีอีไว้ อ๋องจี้ออกคำสั่งด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “ไม่ได้รับความอนุญาตจากข้า ใครก็ห้ามออกไป”

“ขอรับ”ทหารจวนรับคำ

สวีอีไม่กล้าลงมือในทันใด หันกลับไปมองดูหยู่เหวินเห้า รอฟังคำสั่งของเขา

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “สู้ออกไป”

สวีอีได้รับคำสั่ง ดาบยาวถูกชักออก แล้วก็กระโดดลอยขึ้นบนอากาศ จับดาบเล่มยาวไว้แน่นแล้วก็กระโดดบินลอยออกไป

อ๋องจี้มองดูหยู่เหวินเห้า พร้อมพูดขึ้นว่า “ทหารจวนของข้ากว่าร้อยคน สวีอีคนเดียว ออกไปไม่ได้หรอก เราพี่น้องกันมีอะไรก็คุยกันได้ ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเผชิญหน้ากันแบบนี้”

หยู่เหวินเห้ามองดูด้านนอก ทหารจวนของจวนอ๋องจี้ ขึ้นชื่อว่าดุร้าย และภายในจวนอ๋องจี้ ยังเลี้ยงคนในยุทธภพไว้จำนวนหนึ่ง เมื่อสถานการณ์คับขัน ฆ่าคนไม่กี่คน แล้วก็อ้างว่าคนในยุทธภพพวกนี้กระทำ ก็จะสามารถหลุดพ้นจากความผิด

หากเป็นปกติ หยู่เหวินเห้าก็สามารถที่จะสงบสติอารมณ์

แต่วันนี้ไม่ได้ ตั้งแต่แวบรกที่เขาเห็นตุ๊กตาตัวนั้น ก็โกรธจนจะระเบิดอยู่แล้ว

อะซี่กับหยวนหย่งอี้ก็มา หมันเอ๋อลังเลอยู่สักพัก ไม่ได้เข้าไปช่วย เพียงคุ้มกันหยวนชิงหลิงให้ถอยหลัง ปกป้องไม่ให้มีการต่อสู้เข้ามาภายในห้อง

พระชายาจี้หันไปสั่งเพ่ยเอ๋อ แล้วเพ่ยเอ๋อก็วิ่งออกไป สักพัก ก็เห็นองครักษ์สวมชุดสีเขียวหลายคนออกมา แล้วก็ต่อสู้กับทหารจวน

ลานกว้างภายในจวนอ๋องจี้ แสงเงาดาบ สู้กันไปมา อย่างอาฆาตแค้น

ทหารจวนยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ สวีอี อะซี่ หยวนหย่งอี้ ต่างก็แทบรับมือไม่ไหวแล้ว ยังไงกำปั้นสองมือก็ยากที่จะรับมือกับสี่เท้า

อ๋องจี้พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “เจ้าห้า จะทุกข์ทรมานไปทำไม? คุยกับข้าดีๆไม่ดีกว่าหรือ? เรื่องในวันนี้ ก็ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น เอะอะเป็นเรื่องใหญ่โต ไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งนั้น หากเสด็จพ่อโกรธ ก็จะไม่โทษข้าเพียงคนเดียว เจ้าเองก็จะถูกลงโทษ” พูดเสร็จ เขาก็ยื่นมือจะไปแย่งเอาตุ๊กตาตัวนั้น

หยู่เหวินเห้าว่องไวกว่าเขา แย่งเอามาไว้ในมือ แล้วก็โยนให้กับหมันเอ๋อ พร้อมพูดขึ้นว่า “คุ้มกันพระชายา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน