บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 422

อันที่จริง นี่นับเป็นครั้งที่สามแล้วที่พระชายาจี้พูดเรื่องนี้

หยวนชิงหลิงตั้งใจจะขจัดความคิดนั้นออกไป จึงเปิดใจพูดกับนาง "ทั้งข้ากับเจ้าห้าไม่ได้สนใจในตำแหน่งนั้นมากนัก ต่อให้มีวันหนึ่งที่เราต้องสู้กันขึ้นมา ก็จะไม่ใช่การทำเพื่อตำแหน่งนั้น แต่เพื่อปกป้องตัวเอง”

พระชายาจี้ไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะ? ทำไมเจ้าไม่สนใจตำแหน่งนั้น ทำไมเจ้าถึงต้องพูดจาโอ้อวดเช่นนี้กับข้าด้วย?”

หยวนชิงหลิงมองนางอย่างจริงจังแล้วพูดว่า "เป็นรัชทายาท เป็นฮ่องเต้มันมีอะไรดีล่ะ?"

พระชายาจี้ถึงกับยืดเอวขึ้นนั่งตัวตรง จ้องมองนางตาเขม็ง “นี่เจ้าพูดจริงจังใช่หรือไม่?”

“ข้าจริงจังมาก” หยวนชิงหลิงเอ่ยตอบ

พระชายาจี้ตะลึงอึ้งค้างจนเซ่อไปเลย "ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเป็นรัชทายาทเป็นฮ่องเต้ถึงไม่ดีล่ะ ? อำนาจน่ะสิ ใครไม่ต้องการอำนาจบ้าง ? ความคิดเช่นนี้ของพวกเจ้าไม่ใช่ว่าโง่งมไร้สมองไปแล้วหรอกหรือ?"

หยวนชิงหลิงลูบท้องของตัวเองพลางถอนหายใจ "เมื่อเทียบกับอำนาจ ข้ากลับยิ่งหวังว่าครอบครัวของข้าจะได้ใช้ชีวิตที่ดี และใช้ชีวิตได้มีคุณภาพกว่านี้อีกสักหน่อยมากกว่า"

เดิมทีนางก็เป็นแค่คนธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ทำงานวิจัยที่ตัวเองชอบ ทำทุกเรื่องที่นางคิดว่ามันมีความหมาย ชีวิตของนางเต็มไปด้วยสาระอันเปี่ยมคุณค่าอย่างแท้จริง

ความคิดลักษณะนี้ ได้ดำเนินต่อเนื่องมายี่สิบกว่าปีแล้ว แม้ว่านางได้ข้ามกาลเวลามาอยู่ท่ามกลางศูนย์รวมของการแย่งชิงอำนาจแห่งนี้ ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย

สนามแห่งการแย่งชิงอำนาจนี้ เป็นสนามแม่เหล็กขนาดใหญ่ที่ดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาแก่งแย่งแข่งขันกันโดยไม่มีเหตุผล

ในความคิดของนาง มันเป็นอะไรที่จิตป่วยสิ้นดี

เหมือนกับพระชายาจี้ที่อยู่ตรงหน้านี้ล่ะ

พระชายาจี้รู้สึกเหลือเชื่อกับสิ่งที่นางพูดอย่างมาก “เช่นนั้น หากเจ้าห้าได้เป็นรัชทายาท พวกเจ้าก็จะได้มีชีวิตที่ดีแล้วไม่ใช่หรือ? หากวันข้างหน้าได้เป็นฮ่องเต้ เช่นนั้นใครยังจะกล้ามาทำร้ายเจ้า ? นี่ต่างหาก ถึงจะเป็นหลักประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

หยวนชิงหลิงถามกลับ “เช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงอยากให้ความช่วยเหลือเจ้าห้าล่ะ?”

“แน่นอนว่าข้าต้องการหาทางออกให้ลูกสาวของข้าน่ะสิ ข้าช่วยพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าก็คงจะไม่ปฏิบัติต่อพวกนางอย่างเลวร้ายแน่” พระชายาจี้เอ่ยตอบ

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า: "ถ้าเจ้าช่วยอ๋องจี้ล่ะก็ ในวันข้างหน้าเขากลายเป็นฮ่องเต้ ลูกสาวของเจ้าก็จะได้เป็นองค์หญิง แบบนี้จะไม่ยิ่งดีกว่าหรือ?"

พระชายาจี้พูดอย่างเย็นชาว่า “ประการแรก เขาทำการใหญ่อะไรไม่ได้หรอก หากไม่มีข้าล่ะก็ เขาก็เป็นได้แค่คนไร้ค่าไม่ต่างอะไรกับท่อนฟืนท่อนหนึ่ง ประการที่สอง ไม่ว่าเขาจะเป็นรัชทายาทก็ดี เป็นฮ่องเต้ก็ดี เขาจะไม่มีวันปฏิบัติต่อลูกๆ ของข้าด้วยความเมตตากรุณาแน่ เขาเป็นคนที่ไม่มีความละอาย ไม่มีความรักใคร่ให้กับครอบครัว ทุกคนในสายตาของเขามีแต่หาทางใช้ประโยชน์ เพื่อเส้นทางในอนาคตของเขา เมื่อลูกสาวโตขึ้น นางก็จะกลายเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่ถูกใช้ผูกมัดไว้รักษาอำนาจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าตั้งแต่ต้นจนจบตำแหน่งองค์หญิงจะดูสูงส่งเหนือใคร เมื่อหาราชบุตรเขยมาแต่งกันไป ก็ไม่อาจมีความสุขได้เท่ากับคนรักที่เป็นเพียงคนธรรมดา ๆ ไม่สู้เป็นแค่จวิ้นจู่ ยังได้ใช้ชีวิตที่ผ่อนคลายเป็นตัวของตัวเองเสียกว่า”

หยวนชิงหลิงได้ยินคำพูดเช่นนี้ของนาง ในใจก็อดรู้สึกเลื่อมใสไม่ได้

พระชายาจี้ช่างมองอะไรได้ทะลุปรุโปร่งจริง ๆ

ก็นั่นก็ทำให้หยวนชิงหลิงพบบางอย่าง ที่จะใช้หักล้างคำพูดของนางได้ “ถูกต้อง เจ้าบอกว่าการเป็นองค์หญิงไม่อาจได้เพลิดเพลินไปกับความสุขของชีวิตคู่เหมือนคนธรรมดา ๆ จำต้องอาศัยแบบแยกบ้านแยกเรือนกัน เช่นนั้น หากในอนาคตเจ้าห้าได้กลายเป็นฮ่องเต้ มีสาวงามสามพันนางในวังหลัง ข้าต้องมาคอยปกป้องตำแหน่งฮองเฮาแห่งวังบูรพาตงกง ขาดคนร่วมเรียงเคียงหมอน แล้วจะไปมีความสุขอะไรได้ล่ะ?”

พระชายาจี้พูดพึมพำ: “มีอำนาจแล้ว เจ้ายังต้องการของพวกนี้อยู่อีกหรือ?”

หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ มีอำนาจแล้ว ยังต้องกินข้าวอยู่หรือไม่ล่ะ?”

พระชายาจี้จ้องนางตาเขม็ง “นี่มันจะเหมือนกันได้อย่างไรล่ะ ? การกินข้าวเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์”

“สำหรับข้าแล้ว การได้อยู่กับเจ้าห้า ก็ถือเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของข้าเช่นกัน”

นัยน์ตาของพระชายาจี้ที่จ้องมองมา เป็นประกายคมปลาบขึ้นกว่าเดิม “เจ้าคิดเช่นนี้ได้อย่างไร หากในอนาคตเขาแต่งชายารองล่ะ? จะไม่ทำให้ตัวเองต้องเสียใจหรอกรึ? ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกเจ้าว่าเจ้าสามารถไว้ใจเจ้าห้าได้ แต่เจ้าต้องรู้จักปกป้องตัวเองด้วย อย่าได้มีอะไรก็ทุ่มเทออกไปจนหมด มิฉะนั้นสุดท้ายเจ้าจะมีจุดจบเหมือนข้า ข้าคือบทเรียนจากความล้มเหลวในอดีต เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า: "เข้าใจ แล้วก็ขอบคุณในเจตนาดีของเจ้ามาก"

พระชายาจี้มองนางอยู่ครู่หนึ่ง มีท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย “จงเตรียมพร้อมสำหรับอันตรายในยามสงบ เจ้าไม่รู้อะไรเลยสักนิด ไม่ช้าก็เร็วมันจะทำร้ายเจ้าจนถึงตายได้เลยทีเดียว ตอนนี้เป็นเพราะความรักที่เจ้าห้ามีต่อเจ้า ถึงได้ทำให้เจ้าลืมทุกสิ่งทุกอย่าง เจ้าคิดว่าความรักนี้จะอยู่ได้ยาวนานไปจนตลอดชีวิตรึ? อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย คนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะผู้ชาย”

ที่ด้านนอกประตู มีเสียงดังแว่วลอยมาเบา ๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าต้องขอหักล้างคำพูดที่ท่านว่าร้ายข้าเป็นครั้งที่สองแล้วล่ะ สรุปแล้วเจ้ามีความเกลียดชังต่อน้องเขยคนนี้มากขนาดไหนกันแน่? ถึงต้องอยากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับภรรยาให้จงได้?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน