บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 449

หยู่เหวินเห้าร้อนใจจนควันจะออกจะปากแล้ว ข้าวก็กินไม่ลง เห็นหยวนชิงหลิงเจ็บปวดขนาดนั้น จึงได้นำทังหยางกับสวีอีไปตรวจสอบหาสาเหตุด้วยกัน

ได้ทำการป้องกันอย่างเต็มกำลังแล้ว แต่กลับมีรอยรั่วให้คนมุดเข้ามาได้ ทำไมเขาจะไม่ร้อนใจจนควันออกหูเล่า

เพราะเคยเป็นเจ้ากรมการพระนคร แม้จะอยู่ในตำแหน่งได้ไม่นาน แต่ว่าขั้นตอนในการทำคดีเบื้องต้นนั้นก็มีความรู้อยู่บ้าง

อาหารที่หยวนชิงหลิงกินได้รับการตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบถึงที่มาของอาหาร

วัตถุดิบของจวนอ๋องที่ทำทุกวัน ส่วนใหญ่ก็มาจากราชสำนัก

จวนอ๋องฉู่ได้รับการจัดสรรเนื้อหมูทุกวันวันละสามสิบชั่ง เนื้อแพะยี่สิบชั่ง ส่วนข้าวสารอาหารแห้งและผักผลไม้ก็สัดส่วนแตกต่างกันไป ตรวจสอบวัตถุดิบที่มาจากในวังก่อน ก็ไร้ปัญหา

จากนั้นก็ตรวจสอบวัตถุดิบที่ซื้อจากภายนอก ใช้วิธีการเรียกคนมาสอบสวนโดยตรง แต่ว่าชั่งตาชั่งขาดไปนั่นย่อมมีอยู่แล้ว ถ้าเป็นการวางยาสร้างเรื่อง เช่นนั้นไม่กล้าทำอย่างเด็ดขาด

และหมอหลวงก็เคยบอกแล้วว่า หยวนชิงหลิงไม่ได้ถูกวางยาพิษ

ตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ไม่ได้อะไรเลย หยู่เหวินเห้ากลับไปที่จวน ทั้งเสียกำลังใจทั้งโมโห ทังหยางสั่งให้คนยกน้ำชามา หยู่เหวินเห้าดื่มไปสองคำ มองดูน้ำชาสีเขียวใส ก็วางลงอย่างกะทันหัน แววตาสั่นระริกขึ้นมาเล็กน้อย “ยังมีอย่างที่ไม่ได้ตรวจสอบ น้ำ”

ในจวนมีบ่อน้ำทั้งหมดสี่บ่อ บ่อหนึ่งใช้สำหรับต้มกินดื่ม บ่อหนึ่งใช้สำหรับทั่วไป

แต่ว่า ห้องครัวจะมีการกักเก็บน้ำบางส่วนไว้ในโอ่ง เวลาที่ต้องการใช้ ก็ตักออกจากโอ่งน้ำโดยตรง ไม่จำเป็นต้องไปตักที่บ่อน้ำทุกครั้งไป

หยวนชิงหลิงนั้นมีโอ่งน้ำส่วนตัว เพราะว่าอาหารการกินของนางต้องระวังเป็นพิเศษ โอ่งน้ำอื่นๆเปิดฝาอยู่เป็นประจำ ง่ายต่อการทำให้สกปรก ฉะนั้น จึงได้ให้นางใช้โอ่งน้ำอีกหนึ่งใบ

สวีอีเปิดโอ่งน้ำของหยวนชิงหลิงออก มองดูอย่างละเอียด ก็เห็นว่าบริเวณก้นโอ่งนั้นมีใบกล้วยจมอยู่เต็มไปหมด

เพราะสีของโองน้ำนั้นเป็นสีทองเหลือง หลังจากที่ใบกล้วยแช่อยู่ในน้ำ สีเขียวก็ใบก็ค่อยๆจางไป มีความเป็นสีเหลืองนิดๆ บวกกับแม่นมฉีที่ดวงตาฝ้าฟาง ตอนที่ตักน้ำไม่ได้ดูให้ชัดเจน ด้วยเหตุนี้ จึงไม่รู้ว่าข้างในมีใบกล้วยจมอยู่

สวีอียื่นมือเข้าไปกวนน้ำสักพัก ก็เห็นว่าใต้ใบกล้วยนั้น มีดอกท้อถูกกดทับเอาไว้จำนวนมาก

หมอหลวงเฉาก็ตามมาดูด้วย เห็นเป็นใบกล้วยกับดอกท้อ ก็ตกใจขึ้นมาอย่างกะทันหันดวงตาแทบถลนออกมา “สวรรค์ หรือว่าที่ชีพจรของพระชายามีอาการเย็นพร่อง เพราะใช้น้ำที่ได้จากการแช่ใบกล้วยกับดอกท้อ”

หยู่เหวินเห้าไม่รู้เรื่องยา ถามขึ้นว่า “ใบกล้วยแช่น้ำ สามารถทำให้คนอาเจียนและท้องร่วงได้ด้วยหรือ”

หมอหลวงเฉากระทืบเท้า “ท่านอ๋องคนดีของข้า ใบกล้วยนั้นมีฤทธิ์เย็นอยู่แล้ว ดอกท้อมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นอาการเย็นพร่อง ทั้งสองอย่างมารวมกัน คนปกติทั่วไปกินแล้วไม่เป็นไร แต่พระชายานั้นไม่ได้ แม้แต่น้ำจากยาที่ไม่ผ่านการต้มมาก่อน ก็ไม่ได้ เพราะนางเคยกินยาจื่อจินมาก่อน ท่านอ๋อง น้ำจื่อจินเป็นยาเย็นขนานใหญ่ ทำลายอวัยวะภายใน พระชายายังไม่ทันได้ปรับสมดุลให้ดีก็ตั้งครรภ์เสียก่อน ร่างกายอ่อนแอกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ตอนนี้กินดื่มก็ลำบาก เลือดลมไม่ค่อยดี ยังใช้ยาที่มีฤทธิ์เย็นมากขนาดนี้ จะไม่ให้ปวดจุกเสียดได้อย่างไร ถ้าหากอาการหนักสักหน่อย……”

หมอหลวงเฉาไม่กล้าพูดออกไป เพียงแต่ใบหน้าได้ขาวซีดไปหมดแล้ว ร่างกายสั่นเทา

หัวใจของหยู่เหวินเห้ากดดันราวกับกับถูกบิดเอาไว้ “อาการหนักหน่อย จะเป็นอย่างไร”

ตาขาวของหมอหลวงเฉามีมากกว่าตาดำ ราวกับเหลือกตาขาวพร้อมจะเป็นลมไปได้ทุกเมื่อ “อาการหนักหน่อย ก็อาจจะตายพร้อมกันสี่คน”

“บังอาจ”หยู่เหวินเห้าโกรธมาก ตะคอกเสียงดุ

หมอหลวงเฉาที่ราวกับเป็นกำแพงผุพังโคลงเคลงอาจพังได้ทุกเมื่อ พอได้ยินเสียงดุของหยู่เหวินเห้า เขาก็ขาอ่อนทั้งคู่ คุกเข่าลงไป “ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วย”

หยู่เหวินเห้าโมโหมาก “ข้าไม่ให้อภัย ตรวจสอบ สวีอี ทังหยาง ตรวจสอบให้ข้าที ดูสิว่าของเหล่านี้ ใครเป็นคนใส่ลงไป”

คนที่สามารถเข้าออกห้องครัวได้ ทั้งหมดก็มีไม่กี่คน จะตรวจสอบก็ไม่ยาก

ที่จริงก็ไม่ต้องทำการตรวจสอบอะไรด้วยซ้ำ เพราะว่าเจ้าขอทานน้อยหูหมิงได้เห็นคนแอบเข้าไปใส่ของเหล่านั้น คนคนนั้นก็คือพ่อครัวโจวกุ้ย

โจวกุ้ยเป็นพ่อครัวที่ฮูหยินใหญ่แห่งจวนเจ้าพระยาจิ้งส่งมา บอกว่าให้มาทำอาหารให้กับหยวนชิงหลิงเป็นการเฉพาะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน