บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 451

แต่ในวัง ข่าวลือก็ค่อย ๆ แพร่กระจายออกไป

ว่ากันว่าในจวนอ๋องฉู่แห่งนี้ มีการป้องกันอย่างรัดกุมแน่นหนา จะปล่อยให้ใครลงมือทำอะไรง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน ?

อีกทั้งพระชายาฉู่ก็ไม่ได้ถูกพิษ จึงเห็นได้ว่าไม่ได้มีคนที่คิดจะทำร้ายนาง

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ มีเรื่องเกิดขึ้นกับนาง ย่อมแสดงให้เห็นว่านางไม่ได้รับพรมากพอ ถึงขั้นกล่าวได้ว่าอ๋องฉู่ไม่ใช่คนที่ได้รับพรจากสวรรค์มากมายอะไร ถ้าไม่อย่างนั้น ทำไมถึงรักษาลูกของตัวเองไว้ไม่ได้ ?

ก่อนหน้านี้ มีหลายคนที่คิดในใจว่าถ้าพระชายาฉู่คลอดลูกชาย เช่นนั้นแล้ว มีสิทธิ์ที่ตำแหน่งรัชทายาทจะตกเป็นของอ๋องฉู่ได้เกินครึ่งเลยทีเดียว

แต่ตอนนี้ สถานการณ์พลิกกลับอย่างกะทันหัน เห็นได้ว่าจวนอ๋องฉู่น่าจะไร้เรื่องน่ายินดีในตอนปลายเสียแล้ว

ข่าวลือเหล่านี้มาถึงพระกรรณของฮ่องเต้หมิงหยวน พระองค์โกรธจัดจนมีรับสั่งให้มู่หรูกงกงไปจับกุมคนที่ปล่อยข่าวลือทันที

แต่? ลากตัวออกมาได้แล้วอย่างไรล่ะ? ข่าวลือเหล่านี้ มันค่อย ๆ แพร่สะพัดมาถึงใจกลางเมืองหลวง จนตอนนี้ทุกคนต่างก็ลือกันว่า อ๋องฉู่ไม่มีพรจากสวรรค์ที่มากพอ เกรงว่าเขาคงจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีในการรับสืบทอดพระราชบัลลังก์

เกี่ยวกับตำแหน่งรัชทายาท ที่จริงประชาชนในเมืองหลวงต่างก็อัดอั้นกันมานานเหลือเกินแล้ว ฮ่องเต้ได้แต่ประวิงเวลาไม่ทรงแต่งตั้งตำแหน่งรัชทายาทเสียที หากมองจากบรรดาอ๋องชินทั้งหลาย ต่างก็ยังไม่มีใครที่ให้กำเนิดลูกชายเลยแม้แต่คนเดียว อดทำให้ผู้คนพากันคาดเดาไม่ได้ว่า หรือสุดท้ายแล้วตระกูลหยู่เหวิน อาจไร้ซึ่งพระญาณอันเอื้ออาทรจากเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์อย่างนั้นใช่หรือไม่?

พระชายาฉู่เป็นคนดี ก่อนหน้านี้ที่นางเคยรักษาคนบาดเจ็บในโรงโจ๊ก ก็นับว่าเป็นคนที่มีโชควาสนามากคนหนึ่ง แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นไร้โชคไร้วาสนาเช่นนี้ นั่นอาจเป็นเพราะบางทีนางอาจถูกอ๋องฉู่ลากลงไปให้เดือดร้อนด้วยก็เป็นได้ เพราะถึงอย่างไรอ๋องฉู่ก็เป็นคนของตระกูลหยู่เหวิน

ข่าวลือที่แพร่ไปในหมู่ชาวบ้านไม่อาจหยุดได้ ถึงขั้นที่เรียกว่าควบคุมไม่ได้แล้วโดยสิ้นเชิง ยิ่งพยายามจะปิดข่าว ก็ยิ่งแพร่กระจายออกไปอย่างบ้าคลั่ง

ในตอนสุดท้ายของข่าวลือนี้ ถึงขั้นกลายเป็นเรื่องราวฉบับหนึ่งที่จบในตัวของมันเอง นั่นคือถ้าพระชายาฉู่ไม่ได้คลอดเด็กทารกที่มีชีวิตออกมา นั่นก็เพราะราชวงศ์ไร้มนุษยธรรม ขาดเมตตาและไม่เคารพสวรรค์จนนำพามาสู่ความโชคร้าย

ดูไปก็เหมือนว่าจะสนับสนุนหยวนชิงหลิง แต่นั่นเป็นข้อกล่าวหาที่แอบแฝงจุดมุ่งหมายอย่างแท้จริง

คำพูดเหล่านี้ หยู่เหวินเห้าย่อมไม่กล้าบอกหยวนชิงหลิงเป็นธรรมดา

แต่ต่อให้หยวนชิงหลิงรู้เรื่องนี้ นางก็ไม่มีเวลาให้ความสนใจกับมันอยู่ดี ตอนนี้นางสนแค่ว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นสักหน่อย หายใจได้ราบรื่นขึ้นอีกนิด กินได้มากขึ้นสักเล็กน้อย และมีพละกำลังมากขึ้นกว่านี้อีกหน่อยเท่านั้น

แต่คำขอที่แสนธรรมดาข้อนี้ เมื่อดูจากสายตาของนาง ยังเหมือนเป็นคำขอที่มากเกินไปด้วยซ้ำ

นางไม่สามารถแม้แต่จะหลุดพ้นจากอาการปวดหนัก ๆ ที่ท้องได้ นับประสาอะไรกับการสูดลมหายใจดี ๆ สักเฮือก

หากไม่ใช่เพราะมีหยู่เหวินเห้ากับผู้คนมากมายที่มาอยู่เคียงข้าง มาคอยเป็นกำลังใจและให้กำลังใจนางไม่หยุดล่ะก็ น่ากลัวว่านางคงไม่อาจทนต่อไปได้ตั้งนานแล้วเป็นแน่

นางรู้สึกว่าคนไข้ไม่มีความภูมิใจในตนเองเลยสักนิดเลยจริง ๆ แค่อยากจะดื่มน้ำสักอึก ก็ยังไม่มีปัญญาทำเองได้ด้วยซ้ำ

หนึ่งวัน สิบสองชั่วยาม ยี่สิบสี่ชั่วโมง สำหรับนางแล้ว ทุกนาที ทุกวินาทีที่ผ่านไป มันช่างยากเกินจะทานทนได้จริงๆ

ผู้คนใช้นิ้วในการนับวันแต่ละวันที่ผันผ่านไป แต่นางใช้นิ้วนับเวลาทุก ๆ นาทีที่ผันผ่านไป ทุกหนึ่งนาทีที่นับผ่านไป คือหนึ่งนาทีแห่งความสิ้นหวัง

นางหิว แต่เพราะรู้สึกไม่สบายกระเพาะ นางจึงดื่มได้เพียงข้าวต้ม เป็นเวลาสองถึงสามวันแล้วที่ไม่ได้สัมผัสกับอาหารหวานคาวอะไรเลย นางหิวโหยมาก รู้สึกว่าในกระเพาะลำไส้ช่างว่างเปล่า ตามมาด้วยความเจ็บปวดลึก ๆ บวกกับอาการปวดหลัง เจ็บหน้าอกและหายใจไม่ออก นางรู้สึกเหมือนกับว่า ตัวเองเป็นปลาทองท้องโตที่มาเกยตื้นติดอยู่บนพื้นดินอันแห้งผาก นอกจากอ้าปากกว้างหอบหายใจพะงาบ ๆ แล้ว ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก

เจ้าอาวาสผู้เป็นประธานแสดงความขยันขันแข็งอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สวดพระคัมภีร์ทั้งกลางวันกลางคืน เป็นการภาวนาอธิษฐานจิตให้กับหยวนชิงหลิง

พูดไม่ได้ว่ามันเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เพราะอย่างน้อย หลังจากที่สวดมนต์ไปสองวัน อาการปวดท้องของหยวนชิงหลิงก็สลายหายไป แม้ว่าจะไม่สามารถกินได้มากนัก แต่นางกลับรู้สึกดีขึ้นกว่าตอนแรกมาก

ฮูหยินใหญ่ก็มาด้วยตัวเองเช่นกัน เมื่อเห็นสภาพหลานสาวที่เป็นเช่นนี้ นางก็เศร้าโศกกังวลใจอย่างยิ่ง แต่กลับไม่แสดงท่าทีใด ๆ ออกมา นางนั่งข้างเตียงแล้วสอนว่า “การเป็นผู้หญิงต้องเจอเรื่องยากลำบากมากมายในชีวิต แต่สิ่งที่ยากที่สุดก็คือด่านนี้แล้ว หากอดทนจนผ่านด่านนี้ไปได้ ในวันข้างหน้าก็จะไม่มีอะไรที่ยากเกินกว่าที่เจ้าจะทนไม่ได้อีก เจ้าต้องกัดฟันอดทนไว้ อย่าเพิ่งผ่อนคลาย อย่าคลายใจ หากมีใครมาห้ามไม่ให้เจ้าคลอด เจ้าก็กัดคนนั้นเสีย แม้ว่าจะเป็นโชคชะตา เจ้าก็ต้องต่อสู้กับมันให้ถึงที่สุด"

หยวนชิงหลิงพูดตอบทั้งที่ขอบตาแดงเรื่อ: "หลานรู้แล้วเจ้าค่ะ ท่านย่าโปรดวางใจ"

ฮูหยินใหญ่ไม่อาจวางใจ แต่กลับแสดงท่าทีว่าตัวเองวางใจมาก “ย่ารู้ว่าเจ้าเป็นคนที่เข้มแข็งไม่มีใครล้มได้ เจ้าจะเป็นแม่คนในไม่ช้านี้แล้ว รู้หรือไม่? จงตั้งตารอคอยช่วงเวลานี้ให้ดีล่ะ”

“เจ้าค่ะ!” หยวนชิงหลิงพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน